อิตาลี เอาชนะ อังกฤษ ในการดวลจุดโทษ 3-2ได้แชมป์ยูโร สมัยที่ 2 นับตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นมา หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 ทำให้ อัซซูรี่ คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ไปครองแบบเหลือเชื่อสุดๆ การแข่งขันบอล ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศระหว่างสิงโตคำรามอังกฤษกับอัสซูรี่ อิตาลี่ ที่สนามเวมบลี่ย์ มหานครลอนดอน อังกฤษ ท่ามกลางแฟนบอล60,000 กว่าคน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม อิตาลี: จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เอแมร์ซอน, นิโคโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก้ เคียซ่า, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่
อังกฤษ: จอร์แดน พิคฟอร์ด,ไคล์ วอล์คเกอร์,จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์,คีแรน ทริปเปียร์, แคลวิน ฟิลลิปส์, เดแคลน ไรซ์, ลุค ชอว์,เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง,แฮร์รี่ เคน
เปิดเกมมาเพียง 2 นาที อังกฤษ ออกนำ 1-0 แฮร์รี่ เคน ป้ายออกทางขวาให้ คีแรน ทริปเปียร์ เติมสูงก่อนจะบรรจงเปิดเข้าเขตโทษไปเสาไกล ลุค ชอว์ สอดมายิงแบบไม่จับส่งบอลเช็ดเสาเข้าประตู เกมถือว่าสูสีและค่อยๆ เป็น อิตาลี ที่ครองบอลมากกว่าพยายามหาช่องเข้าทำประตูคืน นาทีที่ 35 เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากมาเองจากกลางสนามก่อนหนีตัวประกบยิงหลุดเสา สิงโตคำราม พอใจกับการขึงเกมรับโดยอาศัยฉาบฉวยเล่นงานทั้งการโยนยาวและต่อเกมขึ้นมา ซึ่งในช่วงทดเวลาครึ่งแรก มาร์โก แวร์รัตติ กองกลางอัซซูรี่พลิกตัวยิงแต่บอลเบาเกินไปเข้ามือ จอร์แดน พิคฟอร์ด
ในครึ่งหลัง อิตาลี ได้ฟรีคิกระยะหวังผลบริเวณหัวกะโหลก แต่ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ปั่นไม่ตรงกรอบนาทีที่ 56 สิงโตคำราม ได้ฟรีคิกทางซ้าย ลุค ชอว์ เปิดมาให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขึ้นโขกแต่บอลลอยข้ามคาน นาทีที่ 62 เป็นโอกาสของ อัซซูรี่ เมื่อทาง เฟเดริโก้ เคียซ่า หาช่องยิงหน้าเขตโทษบอลพุ่งเรียดแต่ทาง จอร์แดน พิคฟอร์ด ล้มตัวปัด ออกได้ จากนั้น นาทีที่ 67 อิตาลี่มายิงตีเสมอได้ จากเตะมุมทางขวาเปิดมาเสาแรก ไบรอัน คริสตานเต้ เช็ดมาเสาไกลให้ มาร์โก แวร์รัตติ โขกติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด ปัดบอลชนเสาเข้าทาง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยิงจ่อๆ ไม่พลาดเสมอ 1-1อัซซูรี่คึกคักกว่าเดิมและเดินหน้ากดดัน นาทีที่ 74 โบนุชชี่ วางยาวให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ สอดไปยิงแบบไม่จับแต่บอลหลุดกรอบ จบ 90 นาทีเสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาทีช่วงต่อเวลานาทีที่ 96 สิงโตมีสียวเมื่อ แคลวิน ฟิลลิปส์ สับไกนอกกรอบเขตโทษแต่บอลหลุดเสาไกล นาทีที่ 104 อิตาลี สมควรเฮจริงๆ เมื่อทาง เอแมร์ซอน หลุดมาทางซ้ายก่อนปาดมาหน้าประตู อันเดรีย เบล็อตติ ชาร์จไม่โดนก่อนที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ทุบทิ้งออกไปได้ครบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ต้องดวลจุดโทษตัดสินปรากฏว่าอิตาลี เอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ฝั่งอิตาลี่ ส่งแข้งมายิง 5 ราย ยิงเข้า 3 รายคือโดเมนิโค แบร์ราดี้,เลโอนาร์โด โบนุคชี่,เฟดเดอริโก เบอร์นาดิชี่ ที่พลาดคือ แอนเดรีย เบร์ล็อตตี้กับจอร์จินโญ่ ฝ่ายเจ้าบ้านอังกฤษส่ง5 คนแรกยิงเข้า2รายคือกัปตันทีมแฮรี่ เคนกับแฮรี่ แม็คไกว์ อีก 3 รายเป็นหนุ่มผิวสียิงพลาดหมดเพราะกดดันได้แก่ จอร์ดอน ซานโช,มาร์กัส แรซฟอร์ดและบูยาโก ซากา จากการคว้าแชมป์ทำให้อิตาลี่ทีมของโค้ชโรแบร์โต มันซินี่ได้ทำสถิติเป็นทีมชาติที่ไม่แพ้ทีมใดครบ 34 นัด เทียบเท่าบราซิลและสเปน ในแมตซ์หน้าในนามทีมชาติ อัสซูรี่มีโปรแกรมฟุตบอลโลกโซนยุโรปกับบัลแกเรียที่เมืองฟิออเรนติน่า ในอิตาลี่ ในวันที่ 2 ก.ย.2564 ถ้าหากไม่แพ้แค่เสมออิตาลี่ก็จะทำสถิติไม่แพ้ทีมใดเลยเป็น35 นัด เป็นสถิติโลกใหม่ของฟีฟ่าทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี