งานนี้ไม่รู้ว่าใครรู้ตัวกันหรือยัง?!?!?!?!
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี ประชุมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมามีบทสรุปการประชุมทางไกล ยืนยันจะนำ 3 ชนิดกีฬาเข้าไปแข่งในโอลิมปิกเกมส์ ที่นครลอสแองเจลิส ปี 2028
ประกอบด้วย “สเก็ตบอร์ด, กระดานโต้คลื่น และปีนเขา”
ทีนี้เหลียวกลับมาดูว่า แล้วใครล่ะ??? ที่จะต้องหลุดโผไป
3 ชนิดกีฬา นั่นคือ มวย, ยกน้ำหนักและปัญจกรีฑาสมัยใหม่
หลุดโผไม่มีชื่อ 28 กีฬาแรก!!!!
พอเห็นคำว่า มวย กับ ยกน้ำหนัก เชื่อว่าหลายคนจักสะดุ้งโหยง!!!
เพราะสองกีฬานี้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะในโอลิมปิกเกมส์ ที่เปลี่ยนชีวิต“นักกีฬา”ให้กลายเป็น“ฮีโร่”ไปตลอดกาลมานักต่อนักแล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเป็นที่สงสัยว่า มวยสากล, ยกน้ำหนัก และปัญจกรีฑา จะถูกบรรจุหรือไม่
แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่า จะหลุดโผไปทั้งหมดหรือไม่ แต่สร้างเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด เพราะกว่าจะได้คำตอบเรื่องนี้ต้องไปอีก 2 ปี เพราะจะยื่นขออนุมัติในการประชุม IOC ที่กรุงปักกิ่ง ปี 2023 โน่นกันเลย
กรณีดังกล่าวนี้ มีผลพวงเกิดขึ้นจากการกระทำของบอร์ดบริหารระดับโลกทั้งนั้น
เริ่มจาก ยกน้ำหนัก กันก่อน
จากสาเหตุที่ปีก่อน ในวันที่ 4 มิถุนายน 2020 ริชาร์ด แมคลาเรน หัวหน้าคณะกรรมการอิสระที่ถูกแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบการทุจริตของสหพันธ์ยกน้ำหนักโลก ยืนยันว่า คณะทำงานได้พบหลักฐานการคอร์รัปชั่นมากมาย ทั้งการใช้เงินซื้อคะแนนเสียงโหวตเลือกตั้งคณะกรรมการ
ซ้ำร้ายยังมีการเรียกรับเงินเพื่อช่วยปกปิดข้อมูลของนักกีฬาที่ถูกตรวจพบการใช้สารกระตุ้น
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้คณะกรรมการอิสระได้ทำรายงานจำนวน 121 หน้า ส่งต่อองค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้น หรือ “วาด้า” เพื่อพิจารณาบทลงโทษ
เหตุการณ์นั้นทำให้ โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ “ไอโอซี” ยอมรับว่า อาจตัดสินใจตัดกีฬายกน้ำหนัก ออกจากการแข่งขันโอลิมปิกในอนาคต เพราะ สหพันธ์ยกน้ำหนักโลก หรือ “ไอดับเบิลยูเอฟ” ในสมัยที่ธามาส อาจาน นั่งตำแหน่งประธาน มีเรื่องราวที่สาหัสรับไม่ได้
เรื่องนี้คนละเคสกับที่ สมาคมยกน้ำหนักประเทศไทย ถูกแบนห้ามแข่งโอลิมปิก 2020
เคสของไทย มาจากการที่ในการแข่งยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่เติร์กเมนิสถาน 2018 ไทยส่งนักกีฬาลงแข่งตามปกติ แต่ทว่าในผลตรวจโด๊ปในการแข่งขันครั้งนั้น ผลประกาศผล ออกมาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2019 ปรากฏว่ามีนักกีฬาไทยถึง 9 คน ที่ถูกตรวจพบสารต้องห้ามในร่างกาย
มาถึง มวยสากล ที่มีภาพการตัดสินแบบค้านสายตามาโดยตลอด
โลกได้เห็นพร้อมกันกับเหตุการณ์ที่หลายชาติรับไม่ได้ก็คือ โอลิมปิก 2016 ที่บราซิล ทำให้ ไอโอซี ยึดสิทธิ์จาก สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (AIBA) หรือไอบา มาเป็นผู้บริหารจัดการแทนในโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น
ไอบา ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามทำหลายอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งการกลับมามีสิทธิ์อีกครั้ง
หลังจากโอลิมปิกเกมส์ ที่ญี่ปุ่นจบลงเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งเดือนให้หลัง ในวันที่ 16 กันยายน 2021 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ส่งจดหมายเตือนระดับสูงสุดอีกครั้งให้กับ ไอบา อีกครั้ง ใจความสำคัญได้อ้างถึง สิ่งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ทำให้โอกาสที่จะได้สิทธิ์กลับมาทำงานเต็มรูปนั้นเป็นไปได้น้อยถึงน้อยมาก
ไอบา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการแข่งขันชกมวยที่โตเกียวเกมส์ 2020 หลังจากได้รับการชี้แจงยึดสิทธิ์การบริหารจัดการโดย ไอโอซี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา และไอโอซี แจงให้เห็นว่า ไอบา ยังมีงานมากมายที่ต้องทำ หากต้องการที่จะกลับมาเป็นผู้บริหารจัดการที่ปารีส ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ไอบา รีบแถลงการณ์เช่นกันว่า ไอบา ได้ดำเนินการตามที่ ไอโอซี กำหนดมาแล้วอย่างเคร่งครัด ซึ่งเราเองก็มั่นใจว่าการปฏิรูปเหล่านี้จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ พร้อมกับได้รับสิทธิ์คืนจาก ไอโอซี ในอนาคตอันใกล้นี้ จากนั้นก็สร้างความฮือฮา เมื่อประกาศให้ศึกมวยสากลสมัครเล่นชายชิงแชมป์โลก (Men’s World Boxing Championships) ที่ระหว่าง 24 ตุลาคม- 26 พฤศจิกายน 2021 ที่กรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย มีชิงเงินรางวัล ถึง 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 85.6 ล้านบาท
นับเป็นการจัดเงินรางวัลกีฬามวยในรายการของไอบา เป็นครั้งแรกในรอบ 75 ปี
ผู้นำคนปัจจุบันของไอบา คือ มร.อูมาร์ เครมเลฟ ชาวรัสเซีย เขาได้รับการเลือกตั้งเมื่อ 12 ธันวาคม 2020 เข้ามาแทนที่ กาฟูร์ ราคิมอฟ ที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา โดยกระทรวงการคลังของมะกัน ระบุว่า ราคิมอฟ เป็นหนึ่งในอาชญากรชั้นนำของอุซเบกิสถาน
นับจาก เครมเลฟ เข้ามาบริหารงาน เขาผลงานชัดเจนก็คือ การจ้างผู้เชี่ยวชาญอิสระ เพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาการทุจริตมิชอบในการตัดสินโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล และทำให้ภาพลักษณ์ของไอบา ดีขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากถูกตรวจพบการทุจริตมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย
ก่อนจะจัดการแฉสิ้นไส้เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง
ไอบา ยุคปรับโฉม ได้ให้ ริชาร์ด แม็คลาเรน ทนายจากแคนาดา สอบสวนความทุจริตที่ผ่านมาของบอร์ดบริหารยุคเก่า ที่ตอนนั้นมี ชิง กั๊วะ วู ผู้บริหารคนดังชาวไต้หวัน เป็นประธาน เพื่อหวังจะปฏิรูปองค์กรของตัวเอง ไม่ให้เน่าฟอนเฟะอีกต่อไป
มีการอ้างถึงกรณีสำคัญ นั่นก็คือการมอบเหรียญรางวัล ในการชกนัดชิงชนะเลิศ รุ่นเฮฟวี่เวท ริโอเกมส์ 2016 ว่า โธมัส บาค ประธานไอโอซี โกรธจัด พร้อมกับปฏิเสธที่จะขึ้นมอบเหรียญรางวัล ในการชกรุ่นเฮฟวี่เวท ระหว่าง เยฟกินี่ ติชเชนโก้ จากรัสเซีย ที่ชนะ วาซิลี่ เลวิต จากคาซัคสถาน ยิ่งทำให้หลายต่อหลายคนมั่นใจว่า บาค คงรับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าวที่แสดงให้เห็นว่า มีการล็อกคำตัดสิน จนเกิดการเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์โอลิมปิกเกมส์
มีการระบุถึงการชกระหว่าง เยฟกินี่ ติชเชนโก้ กับ วาซิลี่ เลวิต จากคาซัคสถาน หลังจากมีการวิเคราะห์คะแนนออกมาแล้ว จึงไม่แปลกใจว่าทำไม บาค ถึงไม่ยอมมอบเหรียญ เพราะเป็นการตัดสินที่ค้านสายตาเป็นอย่างมาก
ชิง กั๊วะ วู กับ คาริม บูซิดี้ ใช้ระบบการส่งสัญญาณลับเพื่อแจ้งซึ่งกันและกันว่า จะรวบรัดและล็อกผลการข่างขันอย่างไร ในระหว่างการแข่งขัน โดยมีผู้ควบคุมการแข่งขันบางราย,ผู้ตัดสินบางราย สมรู้ร่วมคิด แถมยังใช้วิธีการข่มขู่ไปยังชาติสมาชิกอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความทุจริตการตัดสิน
น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ เครมเลฟ ได้เข้ามาทำงาน เขาจัดการปลดหนี้จำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐของไอบา จากการได้สปอนเซอร์ใหญ่ Gazprom ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย
มุมนี้จะเห็นว่า มวย กำลังทำทุกอย่างให้ภาพดีขึ้น และมันเห็นผลงานจากการชกที่เบลเกรด แต่ใครจะไปรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น?!?!?!?
........ที่ผ่านมา ไทยได้เหรียญจากโอลิมปิกทั้งสิ้น 33 เหรียญรางวัล ซึ่งฮีโร่ของเรานั้นมาจาก มวยสากล 15 เหรียญ และยกน้ำหนัก 12 เหรียญเข้าให้แล้ว
หากไม่มี 2 กีฬานี้บรรจุเข้าไป โอกาสของเราก็จะน้อยลงไปอีก และเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้มีใครตัดขาใครเลย
มีแต่คนที่มีอำนาจบาตรใหญ่ทั้งนั้น ที่ทำร้ายตัวเอง และองค์กรตัวเอง...........
องค์กรต่างๆ ของไทย ก็เตรียมรับมือกันไว้แต่เนิ่นๆได้เลย!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี