อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ มหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่โยกมาฟาดแข้งกันในช่วงปลายปี ณ ดินแดนอาหรับ อย่างประเทศกาตาร์ จะเปิดฉากฟาดแข้งกันในวันที่20 พ.ย. นี้
ซึ่งด้วยความที่ต้องมาหวดช่วงกลางฤดูกาล ทำให้กระแสฟุตบอลโลกหนนี้จึงไม่ฟีเวอร์เท่าที่ควร แต่เชื่อขนมกินได้เลยเมื่อมันเริ่มต้น แฟนบอลชาวไทย ต้องจดจ้องไปที่การแข่งขันหนนี้เหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง
แต่ถึงเวลานี้ ประเทศไทย ยังคงเป็นชาติเดียวในภูมิภาคอาเซียน ที่ยังไม่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกหนนี้อย่างเป็นทางการ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทบทุก 4 ปี และครั้งนี้ก็ไม่ต่าง
มองไปที่ตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 หนนี้ เอเย่นต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประจำภูมิภาคอาเซียนได้เรียกค่าลิขสิทธิ์เข้ามาทั้งหมดเต็มแพ็กเกจเป็นเงินสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 38 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.5 พันล้านบาท)
หากเทียบราคากับครั้งก่อนๆ จะพบว่าในปี 2018 นั้นบริษัทเอกชน 9 แห่ง ของประเทศไทย จ่ายค่าลิขสิทธิ์ไปทั้งสิ้น 1,141 ล้านบาท ขณะที่เมื่อปี 2014 ที่ บริษัท อาร์เอส เป็นผู้ชนะการประมูลนั้นมีราคาอยู่ที่เพียง 700 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนหนนี้หากดูที่ค่าลิขสิทธิ์บอลโลกของแต่ละชาติในอาเซียน เรียกว่าถูกกว่าไทยแทบทุกชาติ อาทิ มาเลเซียซื้อลิขสิทธิ์มูลค่า 261 ล้านบาท ครอบคลุมการถ่ายทอดสด27 แมทซ์, เวียดนาม ซื้อลิขสิทธิ์มูลค่า 532 ล้านบาท ถ่ายทอดสดครบทุกเกม (64 แมทซ์), สิงคโปร์ ซื้อลิขสิทธิ์ราคา 670 ล้านบาทถ่ายทอดสด 9 แมทซ์ (ขายแพ็กเกจเพิ่ม), ฟิลิปปินส์ ซื้อลิขสิทธิ์ราคา 1,306 ล้านบาท (ขายแพ็กเกจเพิ่ม), อินโดนีเซีย ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกมูลค่า 1,456 ล้านบาท ถ่ายทอดสดครบทุกแมทช์
ปัญหาหลักที่ ประเทศไทย เรานั้นต้องเผชิญนั่นก็คือกฎ“มัสต์แฮฟ” (Must Have) ที่ระบุว่า ฟุตบอลโลกเป็น 1 ใน 7มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องได้ดูฟรี ประกอบด้วย กีฬาซีเกมส์,อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์,พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก
แน่นอนว่าพอมีกฎดังกล่าวออกมา ทำให้ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์เกี่ยวกับกีฬา 7 มหกรรมที่จะนำมาเผยแพร่ในประเทศ จะต้องนำไปถ่ายทอดสดให้คนไทยชมฟรีทางช่อง ฟรีทีวี ทำให้คราวนี้เมื่อค่าลิขสิทธิ์แพงหูฉี่ขนาดนี้ จึงไม่มีบริษัทเอกชนเจ้าใดสนใจลงทุนที่จะซื้อ เพราะแทบมองไม่เห็นช่องทางการหารายได้ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาเช่นนี้ด้วย
นั่นล่ะครับเมื่อไม่มี เอกชน พร้อมทุ่มเงิน “บิ๊กป้อม”พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็สั่งการประกาศทันทีว่าจะมีการนำเงินจากหน่วยงานอย่าง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ไปซื้อลิขสิทธิ์
แม้เวลานี้ กสทช. จะยอมอนุมัติงบ (แบบงงๆ) มาให้แล้ว ที่ 600 ล้านบาท แน่นอนว่าไม่เพียงพอ และทำให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำยังไงก็ได้เพื่อหาเงินมาเพิ่มอีกกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งแว่วๆ มาว่าทาง “บิ๊กก้อง”ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เดินเครื่องเต็มสูบและได้ “เอกชนรายใหญ่” หน้าคุ้นเคยอย่างน้อย 3 ราย เข้ามากอบกู้วิกฤตในช่วงเวลาที่บีบกระชั้นเช่นนี้แล้ว
ซึ่งก็ลุ้นอีกเฮือกว่าจะสะสมดราก้อนบอลครบ 1,600 ล้านบาทตามต้องการหรือไม่
ต้องยอมรับว่าการที่ทางเอเย่นต์ของฟีฟ่ารู้ว่าบ้านเรามีกฎ กติกา เรื่องลิขสิทธิ์แบบนี้ จึงเรียกราคามาค่อนข้างสูง ซึ่งอันที่จริงปัญหานี้มันควรแก้ไขกันตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้ารัฐบาลคิดว่ารับมือไหว จากการที่ตั้งกฎ “มัสต์แฮฟ” (Must Have) ออกมา ก็ทำให้ชัดเจนไปเลยว่าจะใช้งบจากส่วนไหนมาจ่ายซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช่ต้องรอให้เวินเว่อเนิ่นนานเป็นดินพอกหางหมูหรือไฟลนก้นเช่นนี้
หรืออีกทางก็คงต้องยกเลิกกฎ “มัสต์แฮฟ” ออกไปเสียที พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชน เข้ามาทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์ และนำไปทำกลไกในการทำธุรกิจกลับมา อาทิถ้าจะให้ชมฟรี ก็ไม่ต้องครบทุกคู่ก็ได้ หรือใครอยากดูแบบเต็มแพ็กเกจ ก็ต้องเสียเงิน เพย์เพอร์วิว เหมือนที่เราๆ ท่านๆ ชมบอล พรีเมียร์ลีก, ลีกยุโรป หรือไทยลีก นั่นแหละ เชื่อว่าคนยุคนี้เข้าใจได้
ณ เวลาที่กำลังพิมพ์บทความอยู่ ก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว คนไทยจะยังได้ดูฟุตบอลโลกครั้งนี้แบบถูกลิขสิทธิ์ แต่หากมีอะไรไม่เป็นดั่งหวัง ก็คงต้องไปหาช่องทางธรรมชาติ สุดแท้แต่เวรแต่กรรมกันตามระเบียบ
ยังไงซะก็หวังให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นำไปแก้ไข ปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน
อย่าให้เป็นวัวหายล้อมคอก ดั่งเช่นทุกคราไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี