‘ฝรั่งเศส’ชิง!
ฉะ‘อาร์เจนตินา’ล่าแชมป์โลก
ปิดตำนานม้ามืด‘โมร็อกโก’
กุนซือย้ำครั้งหน้ากลับมาใหม่
การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายนไปจนถึงวันที่ 18 ธันวาคมนี้ได้ทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ “ไก่ทองคำ” ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์เก่า และแชมป์โลก 2 สมัย จะดวลแข้งกับ “ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนติน่า แชมป์โลก 2 สมัย
ในการดวลแข้งรอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ที่จบลงไปเมื่อช่วงเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สนามอัล เบย์ต ปรากฎว่า ทีมชาติฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มสมราคาแชมป์เก่า เมื่อบดเอาชนะ “สิงโตแห่งแอตลาส” ทีมชาติโมร็อกโก จอมพลิกล็อกจากกาฬทวีป ลงได้สวยงาม 2-0 ได้ประตูขึ้นนำจากการลอยตัวฟาดแบบตะกร้อของ เตโอ แอร์กนองเดซ นาทีที่ 5 และปิดกล่องด้วย โคโล่ มูนี่ นาทีที่ 79 ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงสนามไปได้แค่ 44 วินาทีเท่านั้น
จากชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ ฝรั่งเศส เป็นชาติแรกที่เข้าชิงได้สองสมัยติดต่อกันในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ บราซิล เคยเข้าชิงเอาไว้ 3 สมัยซ้อน ๆ ในปี 1994, 1998 และ 2002 พร้อมกันนี้ ฝรั่งเศส ยังเป็นทีมจากยุโรปทีมแรกในรอบ 32 ปีที่ได้ชิงสองสมัยซ้อน ต่อจาก เยอรมันตะวันตก ปี 1990
ขณะเดียวกัน ดีดิเยร์ เดส์ชองป์ส กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่นำทีมเข้าชิงชนะเลิศได้สองสมัยติดต่อกัน โดยคนแรกคือ วิตโตริโอ ปอซโซ่ นำอิตาลี เข้าชิงปี 1934 กับ 1938, คนที่สอง คือ คาร์ลอส บิลาร์โด้ นำอาร์เจนติน่า เข้าชิง ปี 1986 กับ 1990 และฟรานซ์ เบ๊คเคนบาวเออร์ คือคนที่ 3 ทำได้ปี 1986 กับ 1990
“มันเป็นอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมล้นออกมา มันคือความภาคภูมิใจ” เทรนเนอร์วัย 54 ปี กล่าว “มันเป็นอีกครั้ง กับก้าวเดินที่มีความสำคัญมาก และเพียงอีกก้าวให้เดินหน้าต่อไป เราอยู่ร่วมกันกับนักเตะมาหนึ่งเดือน มันไม่มีอะไรง่าย แต่จนถึงเวลานี้มันคือสิ่งที่พอใจเป็นอย่างมาก”
เดส์ชองป์ส ซึ่งเป็นตำนานกัปตันทีม และผู้จัดการทีมที่ครองแชมป์โลกได้สำเร็จ กำลังได้ลุ้นตำนานบทใหม่โดยจะเป็นคนแรกที่นำทัพครองแชมป์โลกในฐานะผู้จัดการทีม 2 สมัย และเป็นนักเตะอีก 1 สมัยหากกำชัยในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีมนุษย์ที่ครองแชมป์ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม คือ มาริโอ ซากัลโล่ ตำนานแห่งบราซิล ที่ครองแชมป์สมัยเป็นนักเตะ 2 ครั้ง ปี 1958 กับ 1962 และคุมทัพได้แชมป์ปี 1970 จากนั้นคนที่สองคือ ฟรานซ์ เบ๊คเค่นบาวเออร์ เป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลกของเยอรมันตะวันตก ปี 1974 ก่อนจะคุมทีมเป็นแชมป์โลก ปี 1990 และคนที่ 3 คือ เดส์ชองป์ส ที่เป็นกัปตันทีมได้แชมป์ปี 1998 และคุมทัพได้แชมป์เมื่อ 4 ปีก่อน
ฝรั่งเศส ลุ้นเป็นทีมแรกในรอบ 60 ปี และทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่จะครองแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกัน หลังจากก่อนหน้านี้ ทีมชาติอิตาลี เคยทำได้ในปี 1934 กับ 1938 และ ทีมชาติบราซิล ทำสำเร็จในปี 1958 กับ 1962 นอกจากนี้ มีสถิติน่าสนใจก็คือ 7สมัยล่าสุดของฟุตบอลโลก ปรากฎว่า ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศได้ถึง 4 ครั้ง ปี 1998, 2006, 2018และ2022
ทางด้าน โมร็อกโก ผู้พ่ายแพ้แต่จารึกสถิติเป็นทีมแรกจากแอฟริกา และชาติอาหรับที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ มีปัญหาก่อนแข่งขัน เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโก แจกตั๋วฟรี 5,000 ใบ สำหรับคนไม่มีตั๋ว พร้อมจะเหมาเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปชมเกมในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์ของโมร็อกโก เพื่อนนักเตะจะได้รู้สึกเหมือนเป็นเกมในบ้าน
อย่างไรก็ตามเที่ยวบินดังกล่าวถูกระงับไป เช่นเดียวกับ สายการบินรอยัล แอร์ มาร์ร็อก ที่เพิ่ม 30 เที่ยวบิน ไปกาตาร์ ก็ถูกระงับเช่นกัน โดยแถลงการณ์จากสายการบินประจำชาติโมร็อกโก ระบุว่า เป็นการตัดสินใจจากเจ้าภาพกาตาร์ โดยให้เหตุผลเรื่องข้อจำกัดทางเที่ยวบิน คาดกันว่า น่าจะเรื่องของความปลอดภัยด้วย เนื่องจากมีแฟนบอลโมร็อกโก กว่าครึ่งแสนอยู่ที่กาตาร์ อยู่แล้ว
“เราทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไปแล้ว เรามุ่งมั่น และทุ่มเทอย่างเต็มที่” วาลิด เรกรากุย ผู้จัดการทีมชาติโมร็อกโก กล่าว “เราสร้างปัญหาให้พวกเขา และนั่นถือเป็นความสำเร็จ นักเตะของผมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับทีม แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของนักเตะของเราทุกคน”
กุนซือสมองใสชาวโมร็อกโก กล่าวต่อไปอีกว่า ฝรั่งเศส ยอดเยี่ยมาก และแข็งแกร่งอย่างที่สุด มันยากที่จะยอมรับกับความความเจ็บปวดนี้ แต่เรายอมรับความพ่ายแพ้กับการที่ ฝรั่งเศส ต้องการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ แน่นอนที่สุดว่า คุณไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกด้วยปาฏิหาริย์ได้ แต่จะต้องต้องทำงานหนักเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่เราจะทำต่อไปในอนาคต
จนถึงเวลานี้ ฟุตบอลโลกผ่านพ้นไปถึงขณะนี้มีการแข่งขันไปแล้วรวม 62 คู่ มีการยิงไปทั้งสิ้น 163 ประตู เฉลี่ย 2.63 ประตูต่อเกม ซึ่ง ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ เป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุด ทีมละ 13 ประตู โดยที่ดาวซัลโว คือ ลีโอเนล เมสซี่ จอมทัพอาร์เจนติน่า กับ คีลิยัน เอ็มบาปเป้ แกนรุกฝรั่งเศส ที่ยิงไปแล้วคนละ 5 ประตู ขณะเดียวกัน เมสซี่ เป็นนักเตะที่จ่ายให้เพื่อนยิงมากที่สุด 3 ประตู เท่ากับ อองตวน กรีซมันน์ ของฝรั่งเศส, แฮร์รี่ เคน ของอังกฤษ และบรูโน่ เฟอร์นานเดส ของโปรตุเกส นอกจากนี้ เมสซี่ เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมการทำประตูมากที่สุดอยู่ที่ 8 ลูก
มีการยิงแฮททริคได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นจาก กอนซาโล่ รามอส กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกส ในเกมรอบ 2 กับ สวิตเซอร์แลนด์ และมีการยิงจุดโทษรวมทั้งสิ้น 20 ลูกในเวลาปกติ และเข้าประตู 14 ลูก โดยนักเตะที่อายุมากที่สุดที่ยิงได้คือ เปเป้ วัย 39 ปี 283 วัน เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และอายุน้อยสุดที่ยิงได้คือ กาบี้ ของสเปน 18 ปี 109 วัน นัดเจอกับ คอสตาริก้า
ส่วนการยิงประตูที่เร็วที่สุดคือ อัลฟองโซ่ เดวีส ของแคนาดา ที่ยิงได้ในนาทีที่ 2 เกมกับ โครเอเชีย, ประตูที่ช้าที่สุดในการเตะช่วงเวลาปกติคือ เมห์ดี้ ตาเรมี่ ของอิหร่าน นาทีที่ 90+13 เกมพบ อังกฤษ ขณะที่การยิงประตูที่ช้าที่สุดรวมช่วงต่อเวลา เกิดขึ้นนาทีที่ 117 จาก บรูโน่ เพ็ตโควิช ของโครเอเชีย ในเกมพบ บราซิล
สำหรับการแข่งขัน 2 นัดจากนี้ของฟุตบอลโลก รอบชิงอันดับ 3 ระหว่าง โมร็อกโก กับ โครเอเชีย วันเสาร์ที่ 17ธันวาคม2565 ถ่ายทอดสดพร้อมกัน 3 ช่อง ประกอบด้วย พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36, ทรูโฟร์ยู (True4U) และทรูสปอร์ต 2 ปิดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2565 ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส ถ่ายทอดสด ช่อง 7สี (ช่อง35 ) , ทรูโฟร์ยู (True4U) และ ทรูสปอร์ต2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี