ล่าแชมป์โลกสมัย3
‘อาร์เจนตินา’ชิง‘ฝรั่งเศส’
ชิงบอลโลกสุดสูสี สองยักษ์ใหญ่ล่าแชมป์สมัยที่ 3 “อาร์เจนตินา” เตรียมสับขาหลอกเลือกแผน “เมสซี่”นำทัพทำสถิติลงสนามมากสุดเวิลด์คัพ ฟากฝั่ง “ฝรั่งเศส” เจอปัญหานักเตะป่วยระนาว ก่อนลงลุย4 ทุ่มวันอาทิตย์นี้
การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 หรือ “กาตาร์ 2022” เดินทางมาถึงเกมสุดท้ายนัดชิงชนะเลิศ ถือว่าเป็นคู่ชิงในฝันของใครหลายคน เป็นการดวลกันของสองทีมที่มีตำแหน่งแชมป์โลก 2 สมัย อย่าง “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า แชมป์จากปี 1978 และ ปี 1986 ปะทะกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์จากปี 1998 และ ปี 2018 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แข่งขันกันที่ ลูเซอิล สเตเดี้ยม ในเวลา 22.00น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี หมายเลข 35, ทรูโฟร์ยู หมายเลข 24 และทรูสปอร์ต HD2
สำหรับความพร้อมของเกมนี้ อาร์เจนติน่า ล่าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 36 ปี เส้นทางในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาประเดิมได้ไม่สวยนักกับการพ่ายให้กับ ซาอุดีอาระเบีย แบบช็อคโลก 1-2 และหยุดสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันเอาไว้ที่ 36 เกม จากนั้นรวมใจกลับมาเอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยการต้อนโปแลนด์ด้วยสกอร์เดียวกัน พลิกสถานการณ์เข้ารอบด้วยเป็นแชมป์กลุ่ม ซี เข้ามาเล่นในรอบ 16 ทีม เฉือน ออสเตรเลีย ลงได้ 2-1, รอบก่อนรองชนะเลิศดวลเดือดกับ เนเธอร์แลนด์ เสมอ 2-2 ก่อนจะดวลจุดเอาชนะมาได้ 4-3 และล่าสุดคือรอบรองชนะเลิศ ถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0
ทีมของ ลีโอเนล สกาโลนี่ จะได้ มาร์กอส อคุนญ่า และกอนซาโล่ มอลเที่ยล สองฟูลแบ็กซ้าย-ขวา พ้นโทษแบนกลับมา ที่เหลือถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ตามรายงานไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่ที่ว่าจะเลือกจัดทัพแบบไหน เพราะในแต่ล่ะรอบที่ผ่านมา เปลี่ยนแท็คติกค่อนข้างบ่อย มีทั้ง 4-3-1-2, 4-3-3, 3-5-2 และเกมล่าสุดคือ 4-4-2
แกนหลักแน่นอนที่สุดนั่นคือ ลีโอเนล เมสซี่ จอมทัพระดับซูเปอร์สตาร์ที่ลุ้นแชมป์โลกครั้งแรกในชีวิต หลังจากเคยผิดหวังมาในปี 2014 โดยครั้งนี้เขายิงไปแล้ว 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ พร้อมกับจะทำสถิติโลกใหม่ด้วยการลงเล่นในบอลโลกมากที่สุด 26 เกม แซงหน้า “ซูเปอร์แมน”โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานชาวเยอรมนี
เมสซี่ จะเล่นเป็นตัวฟรีในแดนรุก ร่วมกับ ฆูเลี่ยน อัลบาเรซ ดาวยิงวัยรุ่นที่สังหารไปแล้ว 4 ประตู ขณะที่แดนกลาง โรดริโก้ เดอ ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ จะลงเดินเกม ส่วนอีกตำแหน่งนั้นขึ้นอยู่กับว่า ทีมจะเล่นแบบไหน ถ้าหากเล่น 3-5-2 จะเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนเซ็นเตอร์แบ๊กด้านซ้าย แต่ถ้าเล่น 4-1-3-2 ที่ปรับจาก 4-4-2 ระหว่างเกมจากนัดที่แล้ว ก็จะเป็น เลอันโดร ปาเรเดส ที่ยืนกลางตัวสกรีนหน้าเซ็นเตอร์แบ๊ก
ฟากของแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ที่ลุ้นเป็นคนกุนซือคนที่สองต่อจาก วิตตอริโอ้ ปอซโซ่ ที่สามารถพาทีมป้องแชมป์ และยังลุ้นเป็นชาติที่สาม ในการป้องแชมป์ต่อจาก อิตาลี 1934 และ ปี1938 อีกทีมคือ บราซิล ปี 1958 และ ปี 1962 เส้นทางของพวกเขา ออกสตาร์ทด้วยการถล่ม ออสเตรเลีย 4-1 ตามด้วยเฉือน เดนมาร์ก 2-1 และปิดท้ายเปลี่ยนผู้เล่น 9 รายพ่ายให้กับ ตูนิเซีย 0-1 แต่ยังเข้ารอบมาด้วยเป็นแชมป์กลุ่ม ดี ในรอบ 16 ทีม ถล่ม โปแลนด์ 3-1, รอบ 8 ทีมเฉือน อังกฤษ 2-1 และดับฝันม้ามืด โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก 2-0
เกมนี้ตามรายงานข่าวปรากฏว่า ในแคมป์ของฝรั่งเศส มีปัญหาเรื่องอาการป่วยของนักเตะ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการระบาดของโควิด ซึ่งบางสื่อบอกว่าเป็นไข้หวัดอูฐ ที่กำลังระบาดในกาตาร์ โดยมีนักเตะของฝรั่งเศส ป่วยรวมกันล่าสุดก็คือ ราฟาเอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้, อาเดรียง ราบิโอต์ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ส่วน ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยแล้ว นอกจากนี้ เตโอ แอร์กนองเดซ แบ๊กซ้ายที่พังประตูแรกในรอบตัดเชือกมีอาการบาดเจ็บที่สะโพก คาดว่าจะต้องเข็นลง
กรณีที่ ราบิโอต์ ผ่านความฟิตจะได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ เหมือนเดิม โดยมี ยุสซุฟ โฟฟาน่า ที่ลงแทน ราบิโอต์ ในนัดก่อนรอเสียบ ส่วนปัญหาที่ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ต้องปวดหัวหนักคือตำแหน่งเซนเตอร์ เพราะ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เล่นได้อย่างโดดเด่นในรอบที่ผ่านมา ต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนกลับมาใช้ อูปาเมกาโน่ หรือไม่ ที่เหลือเป็นชุดเดิมยึดระบบ 4-2-3-1 อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยัน เอ็มบาปเป้ เป็นสามประสานในแนวรุก โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยืนหน้าเป้า
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 12 ครั้ง ในทุกรายการ อาร์เจนติน่า เหนือกว่าชนะได้ 6 เสมอ 3 และฝรั่งเศส ชนะ 3 ส่วนในฟุตบอลโลกเจอกัน 3 ครั้ง อาร์เจนติน่า ชนะได้ 2 ครั้งคือปี 1930 ชนะ 1-0 และปี 1978 ชนะ 2-1 ส่วนหนล่าสุดคือปี 2018 ในรอบ 16 ทีม ฝรั่งเศส บดชนะแบบสุดมันส์ 4-3 ก่อนจะทะลุเข้าไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม อาร์เจนติน่า (3-5-2): เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, คริสเตียน โรเมโร่, นิโคลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นาฮูเอล โมลีน่า, โรดริโก้ เดอ ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์, มาร์กอส อคุนญ่า, ลีโอเนล เมสซี่ และฆูเลี่ยน อัลบาเรซ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1): ฮูโก้ ญอริส, ฌูลส์ คุนเด้, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กนองเดซ, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบาปเป้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
สำหรับผู้สันทัดกรณี และบริษัทพูลถูกต้องตามกฎหมายของอังกฤษ พลิกคำวิจารณ์จากเดิมที่ยกให้ ฝรั่งเศส เป็นต่อ กลายเป็นเท่ากันแล้ว และมาแห่งยกให้ อาร์เจนติน่า เหลื่อมกว่าเล็กน้อยแล้ว โดยส่วนใหญ่ยกให้โอกาสเป็นแชมป์ของทั้งคู่เท่ากันที่ 7-4 และ 9-5 ซึ่งไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในนัดชิงชนะเลิศที่จะสูสีขนาดนี้ อาร์เจนติน่า จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ที่อัตรา 7-4 ฝรั่งเศส อยู่ที่ 15-8 โดยอัตราเสมอกันใน 90 นาทีอยู่ที่ 2-1
ส่วนสกอร์ที่คาดว่า น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดนั่นคือเสมอ 1-1 ตามมาด้วย อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0 เป็นอันดับ 2 และฝรั่งเศส ชนะ 1-0 เป็นอันดับ 3
ผู้ตัดสินใจเกมนี้คือ ซิม่อน มาร์ซิเนี๊ยค วัย 41 ปี จากประเทศโปแลนด์ ซึ่งเคยทำหน้าที่มาแล้ว 2 เกมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แถมยังบังเอิญแบบพอดีที่ตัดสิน ฝรั่งเศส ชนะ เดนมาร์ก 2-1 ในรอบแรก และมาตัดสิน อาร์เจนติน่า ชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ในรอบ 2
มาร์ซิเนี๊ยค ถือเป็นผู้ตัดสินชาวโปแลนด์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการในนัดชิงฟุตบอลโลก โดยก่อนหน้านี้ มิชาล ลิสต์กีวิซ เป็นชาวโปแลนด์ ที่ได้ทำหน้าที่นัดชิงบอลโลก ในฐานะผู้ช่วยผู้ตัดสิน เมื่อปี 1990
โดยทีมผู้ตัดสินของ มาร์ซิเนี๊ยค ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คนจากโปแลนด์ พาเวล สโคลนิกกี้ กับ โทมาสซ์ ลิสต์กีวิซ, ผู้ตัดสินที่ 4 คือ อิสมาอิล เอลฟาธ จากสหรัฐอเมริกา และโทมาสซ์ เควียตคอฟสกี้ จากโปแลนด์ ทำหน้าที่ดูวีดีโอช่วยเหลือในการตัดสิน หรือ VAR ซึ่งทีมงานดูวีเออาร์ อีก 3 คน คือ ฮวน โซโต้ จากเวเนซูเอล่า, ไคล์ แอตกินส์ จากสหรัฐอเมริกา และเฟร์นานโด กวาร์เรโร่ จากเม็กซิโก
กฎกติกาในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ จะตัดสินหาผู้ชนะในเวลา 90 นาที หากยังเสมอกันอยู่จะต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที หากยังตัดสินไม่ได้จะต้องไปดวลลูกโทษที่จุดโทษตัดสิน โดยทั้งสองทีมสามารถส่งนักเตะตัวสำรองได้ทั้งสิ้น 15 คน และเปลี่ยนตัวลงสนามได้ทั้งหมด 5 คน ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนเพิ่มได้อีก 1 คนในช่วงต่อเวลาพิเศษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี