…..อาร์เจนติน่า มีอันต้องเจ็บปวด ชวดแชมป์โลก เมื่อยิงจุดโทษแพ้และทำให้ตกรอบ
เจอใครไม่เจอ มาดวลกับเจ้าภาพสายโหด ที่สังหารจุดโทษได้อย่างแม่นยำ
นั่นคือ เยอรมนี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2006
หนึ่งในนักเตะชุดนั้นมีนักบอลดาวรุ่งชื่อตรงกันคือ ลีโอเนล เมสซี่ ดาวรุ่งวัย 18 ปี
อีกคนชื่อเหมือนกัน คือ ลีโอเนล สกาโลนี่ แบ๊กขวาวัย 28 ปี
เมสซี่ เป็นดาวรุ่ง มาบอลโลกหนแรก ในยุคที่ทีมมี ฮวน โรมัน ริเกลเม่ เป็นจอมทัพ
ส่วน สกาโลนี่ มาบอลโลกหนแรกเช่นกัน หลังจากอดหักชวดมาบอลโลก ตั้งแต่ปี 2002 ทั้งที่เขาเป็นนักบอลคนสำคัญของ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า
สกาโลนี่ เกิดที่ซาจูโต้ ซานตา เฟ่ ทางตะวันออกของอาร์เจนตินา เป็นกำลังสำคัญครองแชมป์เยาวชนโลก รุ่น 20 ปี ที่มาเลเซีย ปี 1997 ด้วยการเล่นปีกขวา ในวัย 19 ปี
เค้ายิงประตูสำคัญช่วยให้ทีมเอาชนะบราซิลในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-0 ก่อนจะปราบ อุรุกวัย 2-1 เถลิงแชมป์ ที่มีทั้ง ริเกลเม่, เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่, วอลเตอร์ ซามูเอล และสกาโลนี่ เป็นตัวหลัก แม้แต่ ปาโบล ไอมาร์ ยังแค่สำรอง
หนึ่งปีต่อมา ในวัย 20 ปี สกาโลนี่ ย้ายจาก เอสตูเดียนเดส ในบ้านเกิดมาตามฝันที่สเปน กับ “ซูเปอร์เดปอร์” ในปี 1999
ในปี 2000 การเป็นแชมป์ ลาลีกา เขาเป็นอะไหล่ชั้นดี หลังจากลงสนาม 24 เกม ร่วมทัพกับยอดแข้งอย่าง รอย มาคาย, เปโดร เปาเลต้า, เมาโร ซิลวา, ดัลมินญา รวมถึง “ย๊อดก้า” สลาวิซ่า โยคาโนวิช ที่กาลต่อมา เดินทางมาที่ไทย เพื่อคุมเมืองทอง
ปี 2002 สกาโลนี่ กลายเป็นตัวหลัก ลา กอรุนญา ลงสนามทั้งซีซั่นถึง 42 นัด และเป็นกำลังสำคัญในการคว่ำ เรอัล มาดริด 2-1 ครองถ้วยโกปา เดอ เรย์ ได้อย่างสุดสะใจ
ในทีมที่มีดาวดังคับทีม โดยเฉพาะ ดีเอโก้ ตริสตัน, ฮวน คาร์ลอส บาเลร่อน และวิลเตอร์ ปันดิอานี่ ที่พุ่งมาประสานกับ มาคาย, โมลีน่า, เซร์คิโอ โซริอาโน่, นูรัตเิน เนย์เบต เป็นอาทิ
แต่เขาไม่ได้ถูก ดาเนี่ยล พาซซาเรลล่า เรียกติดทัพ เนื่องจากแบ๊กในตอนนั้นโหดทุกคน 4 คนซ้าย-ขวา คือ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, โฆเซ่ ชาม็อต, ดีเอโก้ พลาเซนเต้ และฮวน ปาโบล โซริน
ก่อนจะได้รับโอกาสในการติดทีมชาติไปบอลโลก 2006 และได้ลงตัวจริงในเกมน็อคทเม็กซิโก 2-1 ในรอบ 16 ทีม
ก่อนจะรับใช้ชาติไปเพียง 7 เกมเท่านั้นในฐานะนักบอล ก่อนจะมีโอกาสได้คุมทีมชาติโดยที่ทุกคนก็คิดว่ายังไงก็ไม่มีทางรอด
แต่เขากลับทำทีมได้แชมป์โคปา อเมริกา บนแผ่นดินของบราซิล ปีที่แล้ว ก่อนจะปราบ อิตาลีทครองแชมป์ 2 ทวีป(The CONMEBOL–UEFA Cup of Champions)
มาในฟุตบอลโลก 2022 “ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกจากการดวลจุดโทษ เป็นเกมที่น่าทึ่ง
โลกร่วมแสดงความยินดีกับ ลีโอเนล เมสซี่ และทีมของเขา
มันเกิดขึ้นจากหล่อหลอมรวมกัน อย่างที่เคยเขียนเอาไว้ว่า ในเรื่องของ “อัตตา” คือสิ่งที่ผู้เล่นฟ้าขาวลดลงเพื่อคว้าชัยในคราวนี้
เมสซี่ ไม่ได้ปวดคอบ่าไหล่เหมือนครั้งก่อน ๆ เพราะมีอีกหนึ่ง “ลีโอเนล” ที่ปรับทัศนตคติขึ้นมาใหม่
เบ้าหลอมนี้ให้ “ลีโอเนล เมสซี่” เป็น”ศูนย์กลาง” ของทีม ไม่ให้ต้องมีภาระมากเกินไป พร้อมลดแรงกดดันไปในตัว
แนวคิดอันยอดเยี่ยมมาจาก ลีโอเนล สกาโลนี่ ผู้น่ายกย่อง
การเล่นที่รวดเร็ว ด้วยการฉวยโอกาสจู่โจมจากความไม่พร้อมของศัตรู
ออกบอลไปในเส้นทางที่คาดไม่ถึง
เข้าโจมตีในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการป้องกันเอาไว้ก่อน
นี่คือสิ่งที่ อาร์เจนติน่า ทำโดย “สกาโลนี่ ทีม”
ลีโอเนล สกาโลนี่ กุนซืออายุน้อยที่สุดประจำการแข่งขัน ที่เคยถูกตั้งคำถามต่าง ๆ มากมาย นาทีนี้เขาทำได้ยิ่งกว่าได้
เขาปรับหมากต่อเนื่องตั้งแต่รอบแรก จนถึงรอบน็อคเอาท์ รายละเอียดเพิ่มเติมทุกเกม แม้จะมีเป๋ในนัดชิงที่เหมือน”เปลี่ยนผิดตำแหน่ง” จนเล่นผิดแผนแกนพัง ก่อนจะกลับมาได้ทัน
รอบน็อคเอาท์ สลับแผนการเล่นทุกนัด ตั้งแต่ 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ต่อด้วย 4-4-2 และเล่น 4-3-3 อีกครั้งในนัดชิง และให้ อังเคล ดิ มาเรีย มาเล่นปีกซ้าย ทั้งที่ปกติยืนแนวรุกด้านขวา
นี่คือชัยชนะของเขา ที่กล้าและบ้าพอที่จะทำให้ทุกคนสั่นสะท้านกับการปรุงแผนใหม่ ในทุก ๆ นัด
โดยใช้แกนหลักแดนกลางค้ำยัน และให้ ลีโอเนลคนดังอย่าง เมสซี่ เป็นแกนนำ กุมหัวใจทุกคน
เขาค้นพบแนวทางการเล่น “กลางสาม” อันแข็งแกร่ง
ทำให้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ กับ คริสเตียน โรเมโร่ กลายเป็นของดีในแนวรับอย่างเหลือเชื่อ
จั่วนักเตะคนไหนลงมา ก็เล่นได้ตลอดรายการ ไม่เป็นรองใคร
สุดท้ายได้แชมป์โลก ทั้งหมดมาจากการซ้อมหนัก ไม่ฟลุ๊ค และพระเจ้าเป็นชาวอาร์เจนติน่า
……หนึ่งจุดที่ น่าสนใจเป็นอย่างมาก คงไม่พ้น เรื่องราวของเกมการแข่งขันนัดชิงครั้งนี้ ซึ่งเหมือนคล้ายกับเมื่อครั้งที่เค้าเป็นนักฟุตบอล…..
…..ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 สกาโลนี่ เริ่มไม่เป็นที่พอใจของ โจอากวิน กาปารอส กุนซือของเดปอร์ฯ คนใหม่ ที่มาทำงานในปี 2005 ทำให้เขาหลุดจากทีมชุดใหญ่
สถานการณ์บีบให้ สกาโลนี่ ต้องเลือกหาทีมใหม่เพื่อเปิดโอกาสไปฟุตบอลโลกที่เขาปรารถนามาทั้งชีวิต
ข้อตกลงการยืมตัว เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของเดธไลน์ตลาดหน้าหนาว เดือนมกราคม เขา ได้ทีมใหม่ นั่นคือ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสัญญา 6 เดือนพร้อมอ็อปชั่นเซ็นถาวร
สกาโลนี่ ยึดตำแหน่งแนวรับด้านขวาทันที และเป็นกำลังสำคัญพาทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ ดวลกับ ลิเวอร์พูล ที่มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม
เกมนัดนั้น จำกันได้ เวสต์แฮม นำก่อน 2-0 ก่อนโดน ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 2-2 จากนั้น เวสต์แฮม นำอีก 3-2 แล้วมาโดนลูกยิงแบบบอลขว้างควายผีจับยัดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตีเสมออีกทีเป็น 3-3
สุดท้ายแล้วลิเวอร์พูลชนะจุดโทษครองแชมป์ได้สำเร็จจนได้รับฉายา “เจอร์ราร์ด ไฟนอลส์”
เหตุการณ์ครั้งนั้นตรงกับนัดชิงบอลโลกอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ สกาโลนี่ อยู่ฝั่งนำก่อน 2-0 แล้วโดนตีเสมอ 2-2 และนำอีกที 3-2 ก่อนจะเจ๊า 3-3
ต่างกันก็คือหนก่อน 3-3 ใน 90 นาที ส่วนหนนี้ไป 3-3 ช่วงต่อเวลา
เคราะห์ดี ที่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่เหมือนเมื่อปี 2006
สกาโลนี่ อยู่ฝั่งผู้ชนะ และถูกจดจำไปตลอดกาล
….ลีโอเนล เมสซี่ เป็นตำนานที่ทั่วโลกยกย่อง
แต่อีกหนึ่ง ลีโอเนล ก็ไม่มีวันลืมลง
กล้าและท้าทายทุกแผนจริงๆ
ลีโอเนล สกาโลนี่!!!!
#บีแหลมสิงห์
ปล.เสื้อสีน้ำเงินสุดคลาสสิคที่เขาใส่ฉลอง ในฐานะผู้จัดการทีมแชมป์โลก 2022
คือเสื้อที่เขาใส่สมัยเป็นนักเตะชุดแชมป์เยาวชนโลก 1997 นั่นเอง…….
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี