ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่ม, ธงชาติโบกสะบัดพัดปลิว, ไฟถนนที่สาดลงมา และการสวดมนต์ภาวนา ทุกอย่างดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรหยุดลง
และดูเหมือนว่าปัญหาของประเทศทั้งหมดจะถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ
เมื่อวันอังคารที่แล้ว ชาวอาร์เจนตินา 5 ล้านคน ทั้งคนหนุ่มสาว คนแก่ คนรวย และคนจน ออกมาตามท้องถนนในกรุงบัวโนสไอเรส ด้วยช่วงเวลาสุดพิเศษแห่งความอิ่มอกอิ่มใจร่วมกัน
ต่างกับเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา งานฉลองวันชาติที่มีชาวอาร์เจนไตน์ออกมาตามท้องถนน แต่ไม่ได้มาฉลอง เพราะพวกเขาต้องการประท้วงรัฐบาล
5 เดือนต่อมา น้ำตาผู้แพ้และความคั่งแค้น แปลเปลี่ยนเป็น น้ำตาของผู้ชนะ และความยินดี กับการฉลองชัยชนะฟุตบอลโลกครั้งแรกในรอบ 2 รุ่น
ว่ากันว่า นี่เป็นงานเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และมากพอที่จะทำให้บางคนสงสัยว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนหรือไม่ โอกาสสำหรับประเทศชาติที่จมปลักอยู่กับการต่อสู้ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซบเซาที่จะได้รับแรงบันดาลใจจากความเก่งกาจของฮีโร่ฟุตบอลของพวกเขา
พอจะเห็นอาจหาทางออกจากหล่มที่จมปลักเพราะนักการเมือง, นายทหาร และเศรษฐกิจที่ซับซ้อนจนน่ากลัวในช่วงกว่า 100 ปีที่ผ่านมา
1 สัปดาห์กับการเป็นแชมป์โลกที่รอคอยมานานถึง 36 ปี ของ “ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนตินา ในเกมสุดระทึกใจ และลุ้นกันแทบวางวาย มันกำลังจะช่วยบางอย่างของประเทศให้ดีขึ้นได้จริงหรือไม่ เมื่อประเทศนี้ดูเหมือนว่า
กำลังจะ “จนมุม” ไปเกือบทุกอย่าง
20 ปีที่แล้ว วิกฤตอาร์เจนตินา สะท้อนให้คนร่วมสมัย ว่า หัวใจของลัทธิประชานิยม คือ การเพิ่มรายจ่ายของรัฐอย่างต่อเนื่องในโครงการลดแลกแจกแถมที่อ้างว่า ช่วยคนจน แต่กลับสร้างความพิการในโครงสร้างการคลังไว้อย่างมิอาจเยียวยา นำไปสู่ภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น
มาถึงในยามที่เศรษฐกิจฟื้นตัวและเติบโต กลไกการเมืองประชานิยมก็เดินไปได้เมื่อรัฐบาลยังมีทางจัดเก็บภาษีและกู้ยืม เงินมาใช้จ่าย แต่เมื่อเศรษฐกิจชะงัก รายได้ภาษีตกต่ำ วิกฤตการคลังก็ระเบิดขึ้นนำไปสู่วิกฤตหนี้สาธารณะ
วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมืองในที่สุด
ทั้งที่จริงแล้ว อาร์เจนตินา คือแดนสวรรค์และกวักมือเรียกให้คนเดินทางมาเพื่อ “สร้างชีวิตใหม่”
ผมเคยเขียนเรื่องการอพยพของผู้คนจากยุโรปไปยังอาร์เจนตินาในแมทช์ที่พวกเขากำลังจะเตะกับ โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก หากเรานับเฉพาะชาวโครแอตอย่างเดียวก็มากถึง 4 หมื่นชีวิตที่มาที่นี่
นั่นเพราะประเทศมีพื้นฐานที่ดี ประเทศที่มีอนาคตสดใสมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงเวลานั้นอาร์เจนตินา คือชาติที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ทัดเทียมกับ ออสเตรเลีย และแคนาดา สำคัญก็คือรายได้ต่อคนในประเทศดีกว่า อิตาลี สูงกว่า ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส
เม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลมาจากฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทำให้พวกเขาคือประเทศระดับท็อป 10 ของโลก ที่หลายคนเรียกว่า “ยุโรปแห่งละติน”
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบก็เกิด คนไหลเข้ามามากมาย แต่ อาร์เจนตินา เจอปัญหาการส่งออกในคราเดียวแบบไม่คาดฝัน ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยนัก นั่นคือ สงครามโลก
ไม่ต่างอะไรกับ คิวบา ที่อ่อนกำลังทางการส่งออกน้ำตาลจนประเทศต้องติดลบเนื่องจากสงครามโลก
ปกติ อาร์เจนตินา เป็นชาติที่รักในการบริโภคเนื้อวัว พวกเขาผลิตสินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์คุณภาพสูงได้จำนวนมาก การส่งออกคือเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เมื่อลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในยุโรปประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจจากสงครามใหญ่ การแบ่งแยกดินแดนการปกครองใหม่ที่ต้องใช้เวลา ทำให้การส่งออกสำคัญของพวกเขาอย่าง “เนื้อวัว” ต้องชะงัก
แล้ววงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้น เมื่อวัฒนธรรมแสวงหาอำนาจทางการเมืองโดยใช้นโยบายประชานิยม
ไม่ว่าผู้นำประเทศจะมาจากทิศทางใด การเลือกตั้งหรือว่ามาจากรัฐประหาร สิ่งเดียวที่ประเทศถูกกระทำก็คือ การใช้นโยบาย “ประชานิยม”ในการปกครอง
ยิ่งเมื่อบวกการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และการบริหารงานด้วยรัฐบาลขายฝัน ตัวปักหลักใหญ่ตั้งแต่ยุค 40 คือ ฮวน เปรองจนเกิดลัทธิประหลาดขึ้นมาให้บูชาตัวนักการเมือง ตามด้วยยุคเผด็จการเบ่งบานปกคลุมอเมริกาใต้แทบทั้งทวีป ในยุค 70
เท่ากับว่า อาร์เจนตินา เจอปัญหาความซับซ้อนทางเศรษฐกิจมายาวนานนับร้อยปี ทั้งในและนอกประเทศ โดยผู้นำไม่เก่ง และถูกครอบงำโดยเผด็จการ
แม้กระทั่ง “ฟุตบอลโลก” ก็ถูกนำไปเป็นวิธีการหาเสียง เมื่อครั้งที่ อาร์เจนตินา เป็นเจ้าภาพปี 1978
สิ่งที่พวกเขาเจอในตอนนั้น นั่นก็คือ การเผชิญหน้ากับเผด็จการที่โหดร้าย นั่นคือ พลโทฮอร์เก้ ราฟาเอล บิเดล่า
วันหนึ่ง บิเดล่า ก็ประกาศโต้งๆ ว่า ไม่ว่าจะคนประท้วงจะตายหรือมีชีวิต ผมไม่รู้ แต่ความหมายคือ คนเหล่านั้นจะหายไปเฉยๆ!!!!
ว่ากันว่าบอลโลก’78 คือฉากบังหน้าความผิด กับเผด็จการแห่งลาติน คือเรื่องธรรมดาในยุคนั้น
เปรู ซึ่งถือเป็นคู่ต่อกรที่สร้างความกังขาตลอดไปในฟุตบอลโลก ก็มีเผด็จการทางทหารเหมือนกัน
ประเด็นที่ บิเดล่า เดินเข้าห้องพักนักเตะเปรู สื่อที่ไม่ได้รับใช้เผด็จการ ได้นำเสนอออกไป และถ้าหากเขาพูดถึงเรื่องภราดรภาพแห่งลาตินอเมริกา แน่นอนว่า ไม่มีประตูไหนที่นักเตะเปรูจะดันมันออกมา
ในเกมวันนั้น หลังจากสกอร์ อาร์เจนตินา ขึ้นนำ เปรู ออกไปเป็น 4-0 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่บ้านของ อเลมัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์เชิงทักท้วงเรื่องงบประมาณจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก สุดท้าย อาร์เจนฯ ชนะ เปรู 6-0 ได้เข้าชิงและได้แชมป์ด้วยการปราบ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ในแง่ของฟุตบอล อาร์เจนตินา ชนะและได้แชมป์โลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงตัวตน
นักเตะอาร์เจนตินา ชุดนั้นมีความสง่างาม และเหนือกว่าอำนาจทางการเมือง
มาริโอ เคมเปส หมายเลข 10 แห่งตำนาน บอกว่า ทหารไม่ได้ช่วยให้เราได้แชมป์โลก แต่เป็นการทำงานร่วมกันต่างหากที่ทำถึงจุดหมาย
“เรามีโค้ชที่ยอดเยี่ยมอย่าง เซซาร์ หลุยส์ เมน็อตติ เรามีเทพพิทักษ์ที่อ่านเกมขาดอย่าง ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า เรามี ออสซี่ อาร์ดิเลส ที่ยืนอยู่ใกล้กับผมเพื่อทำงาน เรามีทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยม และเรามีความแข็งแรงในทุกๆ แดน”
เซซาร์ หลุยส์ เมน็อตติ กุนซือผู้รวมจิตวิญญาณทีม ระบุว่า นักบอลทุกคนเข้าใจเรื่องการปราบปรามพวกฝ่ายซ้าย แต่ไม่เข้าใจเรื่องอุ้มฆ่า และลักพาตัวเด็กทารก หายไปอย่างไร้ร่องรอยในโรงพยาบาล
“ผมไม่เข้าใจว่าการห้ามคนอยู่ในบ้านเดียวกันเกิน 3 คน มันคือกฎอะไร จากนั้นพวกเราได้แชมป์โลก ก็มีคนนับ 10 ล้านคน ออกมาอยู่นอกบ้าน ทหารพยายามออกมาห้าม แต่มันไม่ทันแล้ว และถ้าหากว่า จะหาอะไรมาหยุดความบ้าระห่ำของเผด็จการได้ นั่นก็คือ ฟุตบอลซึ่งผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ฟุตบอลทำให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกับคนที่มีปืนมีอำนาจในมือ แต่นี่แหล่ะฟุตบอล”
......นาทีนี้ อาร์เจนตินามีหนี้สาธารณะร้อยละ 74.4 ส่วนใหญ่เป็นภาระหนี้จากนอกประเทศ นั่นคือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ที่พวกเขาไปกู้มาครั้งล่าสุด เมื่อปี 2018
ในภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน นี่คือความเสี่ยงสูงอย่างมาก เพราะอาร์เจนตินาต้องแบกรับกับความผันผวนของค่าเงินแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
รัฐบาลพยายามแก้ไขเรื่องสำคัญอย่างเช่น “เนื้อวัว” เมื่อตัดสินใจ“หยุดการส่งออก” เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม เมื่อกลางปีที่แล้ว เพื่อหวังจะให้คนเข้าถึงเนื้อวัวได้มากขึ้น และคิดว่าราคาจะลดลง แต่หารู้ไม่ว่า ผิดพลาดขั้นรุนแรง
ปัญหาดินพอกหางวัวจึงเกิดขึ้น
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือการนับรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศ หรือ GDP โดนความสัมพันธ์ในระบบเศรษฐกิจ, การลงทุน, การส่งออก เล่นงานจนต่ำลงอย่างน่าใจหาย ปกติค่าเฉลี่ยคนกินเนื้อวัวในประเทศเคยทะลุถึงแทบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันคนองค์รวมมีโอกาสซื้อมากินได้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยซ้ำ
เมื่อการกู้เงินหนนี้ นำไปสู่การสิ้นสุด(ซะที) ของนโยบายประชานิยม จากเงื่อนไขของ IMF ที่ว่า การยืมเงิน 2 ล้านล้านบาท ไปแล้ว รัฐบาลอาร์เจนตินา ต้องทำการปฏิรูประบบการเงิน ด้วยการปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกลไกของตลาด และเลิกใช้นโยบายประชานิยม
กลายเป็นว่า สถานการณ์มันบีบให้ผู้คนต้องลำบากมากขึ้นกว่าเดิมหนำซ้ำยังทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงเกิดความไม่พอใจจนเกิดการประท้วง และอยากให้รัฐบาล “เบี้ยวชำระหนี้” เหมือนที่เคยมีประวัติเมื่อปี 2001 โน่นเลย
เหตุการณ์ดังกล่าวเสมือนกับว่า “เกิดการมืดบอด” ไปทุกอย่างว่า ประเทศจะเดินไปทางไหน เดินสู่เส้นทางใหม่ หรือจะก้มหน้าในนโยบายเดิมๆ ซึ่งเรื่องนี้นักการเมืองก็ดูเหมือนจะ “แก้ไม่ได้” เหมือนกัน
ถึงขั้นที่ว่า หมอ และนักวิชาการบางคนที่แดนอาร์เจนไตน์ไม่ต้องการให้ทีมได้แชมป์โลก เพราะกลัวว่า จะถูกใช้และนำไปหาเสียงให้กับนักการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้เห็นภาพแห่งความยิ่งใหญ่ของแฟนบอลที่แห่แหนกันออกมาให้กำลังใจ และสมหวังอย่างที่ต้องการในบั้นปลาย ก็น่าจะทำให้ชาวอาร์เจนไตน์ ได้ละความเจ็บปวดกับชีวิตจริงที่เลวร้ายในทุกๆ มิติ มาได้เจอกับความจริงที่มีความสุขนั่นคือ แชมป์ฟุตบอลโลก สมัยที่ 3
ชัยชนะในปี 1978 คือจุดเริ่มต้นทำให้พวกเขาได้รับการหันมาจากทั่วโลก จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในอีก 13 ปีต่อมา เมื่อเผด็จการสิ้นอำนาจลง
ชัยชนะในปี 1986 โลกยอมรับว่า พวกเขาเก่งกาจในเชิงลูกหนังอย่างที่สุดคือคนของเขา กับศึกรุ่งอรุณแห่งฟุตบอลโลก นี่โลกรู้จักมนุษย์ซ้ายฟ้าสั่งสุดมหัศจรรย์อย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า
หวังว่าชัยชนะครั้งใหญ่ในปีนี้ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ พร้อมกับเทพเจ้าลูกหนังแห่งยุคอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ (อาจจะ)ช่วยให้พวกเขาลืมตาอ้าปากขึ้นมาอีกสักครา...........
อย่างน้อยอาจจะเป็น “หมุดหมายใหม่” ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปที่นั่น เพราะที่ผ่านมา มีคนเดินทางออกนอกประเทศ มากกว่าคนเดินทางเข้าประเทศ นี่ก็คืออีกอย่างที่มันสวนทางกัน
ว่ากันว่า พวกเขาอยากจะจัดกีฬาระดับใหญ่ และถ้าเป็นไปได้คือ ฟุตบอลโลก 2030 ที่จับมือกันกับ อุรุกวัย โดยมี ปารากวัย และชิลี มาร่วมด้วยช่วยกันแจม
เป็นไปได้หรือไม่ที่ “ฟุตบอล” (อาจจะ) ช่วยเยียวพวกเขาได้อีกครั้ง
อาร์เจนตินา สู้สู้!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี