หลังจากที่ทีมชาติไทยหรือช้างศึกได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟแชมเปี้ยนขิพครั้งที่ 14 ถ้วย มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในฐานะแชมป์ของกลุ่มเอเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2566 โดยในรอบน็อคเอาท์หรือรอบตัดเชือกทุกชาติสามารถเปลี่ยนแปลงสนามแข่งในบ้านของตนเองได้  ซึ่งมีรายงานข่าวเผยว่า  ทางสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียนต้องการให้ทีมชาติไทยย้ายไปใช้สนามราชมังคลากีฬาสถานหัวหมากเนื่องจากมีความจุที่ใหญ่และมีแฟนบอลเข้าชมได้ถึง51,552 คนนั้น

นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เผยว่าสหพันธ์ฟุตบอลอาเชี่ยนอยากให้ไทยเปลี่ยนไปใช้ราชมังคลากีฬาสถานหัวหมากแต่ล่าสุดสภาพสนามหญ้ายังไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันเวลา ทำให้ ทีมชาติไทย ต้องใช้สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตตั้งแต่รอบรองชนะเลิศไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศทั้ง 2 นัด

ส่วนที่สนามราชมังคลากีฬาสถานนั้น   ได้ให้เอกชนเช้าไว้ล่วงหน้าคือจัดงานเดอะ โกลเด้น ดิสก์ อวอร์ด ครั้งที่ 37 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 ม.ค. 2566 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเป็นงานประกาศรางวัลเกียรติยศสำหรับอุตสาหกรรมเพลงในเกาหลีใต้ ซึ่งรางวัลหลักถือเป็นที่นิยม และตั้งตาคอยที่สุดได้แก่ Album of the Year (Grand prize) , Song of the Year (Grand prize) , Album Bonsang (Main prize) , Digital Song Bonsang (Main prize) และ Rookie Artist Award  ที่จะมีการถ่ายทอดสดให้แฟนๆนักดนตรีเกาหลีใต้ไปที่เกาหลีใต้   จีน ญี่ปุ่น  ไต้หวัน ฮ่องกงและไทย

การฟื้นฟูสภาพสนามราชมังคลากีฬาสถานที่จุได้เต็มที่51,552 ที่นั่งคาดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์หรือ14วัน ทำให้ไม่ทันสำหรับการใช้งานของ ทีมชาติไทย ที่จะกลับมาเตะเกมในบ้าน เลกที่ 2 รอบรองชนะเลิศในวันที่ 10 ม.ค. 2566 และถ้าหากเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก็จะกลับมาเตะเกมในบ้านเลกที่ 2 ในวันที่ 16 ม.ค. 2566  เป็นนัดสุดท้าย  หากจะไปใช้สนามที่ใหญ่กว่านี้ก็มีทางเลือก 2 ที่ได้แก่สนามช้างอารีน่าสเตเดียมที่บุรีรัมย์ที่จุคนดู 32,600ที่นั่งหรือไปใช้สนามติณสูลานนท์ อำเภอเมืองจังหวัดสงขลาที่จุคนดูได้มากที่สุดรองจากราชมังคลากีฬาสถานหัวหมากคือจุได้ 45,000 ที่นั่ง