กุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ต้องได้รับเวลาในการทำทีมมากกว่านี้ เนื่องจากผู้บริหารซื้อนักบอลมากเกินไป
ท็อดด์ โบห์ลีย์ มีความพยายามอย่างสูงที่จะ “พิชิตใจ” แฟนบอลของ “สิงห์บลูส์” เชลซี ทั่วทั้งโลกให้จงได้ หลังจากเข้ามาเทคโอเวอร์แทน “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช
ไม่เพียงแต่ความพยายามเท่านั้น แต่ยังต้องการที่จะชนะใจให้ “เร็วที่สุด” เท่าที่จะเร็วได้
ไม่อย่างนั้น เราคงไม่เห็นการใช้เงินที่ “บ้าคลั่ง” แบบนี้ในช่วงตลาดทั้งซัมเมอร์ และวินเตอร์ โดยเฉพาะในตลาดล่าสุดเวลาเดือนเดียว แต่ปฏิบัติการโหดมาก
ซื้อ ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า 10.6 ล้านปอนด์ (โมลด์), เบอนัวต์บาเดียชิล 33 ล้านปอนด์ (โมนาโก), อันเดรย์ ซานโตส 11 ล้านปอนด์(วาสโก ดา กาม่า), ชูเอา เฟลิกซ์ ยืม (แอต มาดริด), มิคายโล่ มูดริค 89 ล้านปอนด์ (ชัคตาร์ โดเน็ทส์ต), โนนี่ มาดูอาเก้ 28.5 ล้านปอนด์ (พีเอสวีฯ), มาโล กุสโต้ 26.3 ล้านปอนด์ (ลียง) และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ 107 ล้านปอนด์ (เบนฟิก้า)
นี่เฉพาะหน้าหนาวนี้นะ!!!
เฉียดๆ 600 ล้านปอนด์ กับ 17 นักเตะใหม่ ยังไม่ทำให้ เชลซีชุดนี้มีความเสถียร เพราะสิ่งที่แฟนบอลทุกคนต้องเข้าใจนั่นคือ การเปลี่ยนตั้งแต่หัวยันหาง
เปลี่ยนกันแทบจะทุกระดับชั้นนั่นคือ เจ้าของสโมสร, ผู้บริหารสโมสร, ผู้จัดการทีม และกำลังจะเปลี่ยนนักเตะ
เรื่องผิดหรือไม่ผิดกฎในการซื้อขนาดนี้ เราไม่ต้องมาพูดกันแล้ว เนื่องจาก โบห์ลี่ย์ เอง เป็นคนรวยและฉลาดพอที่จะรู้ว่า เขาทำอะไร แต่สิ่งสำคัญที่ถูกจับตามองก็คือ เรื่องของสัญญานักเตะที่ยาวนานจนมาช่วยเหลือการเซ็นสัญญานักบอลหน้าใหม่ๆ ได้
อาทิ มูดริค การผ่อนจ่ายปีละ 10 ล้านปอนด์ไปเรื่อยๆ ทำให้รายจ่ายมันไม่ได้เยอะตามจำนวนค่าตัว และก็มีการผ่องถ่ายนักบอลออกไป ทำให้บัญชีเคลียร์ มันคือวิธีการทำธุรกิจซิกแซกที่ โบห์ลี่ นำมาใช้กับฟุตบอล
ทีนี้ต้องดูองค์รวม และภาพจิ๊กซอว์แห่งอนาคตว่า จะไปแบบไหน หากว่า โบห์ลี่ย์ ยังคงให้ใจและเวลากับ เกรแฮม พ็อตเตอร์
● เวลาคือสิ่งที่‘พ็อตเตอร์’สมควรที่จะได้
เป็นที่น่าสนใจก็คือ พ็อตเตอร์ มีหน้าที่ปรุงอาหาร จากที่ โบห์ลี่ย์ ได้ไปซื้อวัตถุดิบมาให้แล้ว จะปรุงให้สำเร็จ ได้สูตรที่พอดีกับของที่มี และมีเยอะเกินไปได้เมื่อไหร่ อย่างไร
นับจากเข้ามารับงานต่อจาก โธมัส ทูเคิ่ล สถิติไม่แพ้ใครติดต่อกัน 8 เกมในเดือนตุลาคม ประเด็นคือ พ็อตเตอร์ เคยทำทีมชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน แสดงให้เห็นสัญญาณที่น่าสนใจ แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อดีตผู้จัดการทีมไบรท์ตันก็เก็บชัยชนะได้เพียง 3 เกม จาก 12 เกม ในทุกรายการ
เกมกับฟูแล่ม พวกเขาสามารถจัดการการยิงตรงกรอบได้เพียงสามครั้งเท่านั้น
แฟนๆ ฟูแล่มตะโกนว่า “เสียเงินเปล่า” เมื่อเชลซีล้มเหลวในการชนะอีกครั้ง 600 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะใหม่ และเพื่ออะไร?
ฟูแล่ม ได้แต้มที่เชลซี สมควรได้รับ เมื่อทีมเล่นได้ดีหลายคน หนึ่งในนั้นคือ วิลเลี่ยน และปาลินญ่า
เชลซี ไม่มีผลงานขั้นสุดท้ายที่เด็ดขาด แต่เปิดตัวได้อย่างมีความหวังจาก เอ็นโซ่ ในการยืน 4-3-3 ตัวกลาง เกือบทำประตูได้ ไค ฮาแวร์ตซ์, คอนอร์ กัลลาเกอร์ และดาวิด โฟฟาน่า
เกรแฮม พ็อตเตอร์ อาจมีนักบอลเยอะ แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อยในทางเลือกของที่จะเปลี่ยนแท็คติก โดยที่ไม่เหมาะกับมิดฟิลด์ บางขณะเป็นการดีด้วยซ้ำ ที่ควรปรับให้เข้าสมดุลนักบอล แบบ double pivot 4-2-3-1 เพื่อช่วยรบกวนรูปแบบการป้องกัน แต่ความไม่พร้อมของหลายคนทั้ง โควาซิซ, ก็องเต้ และซากาเรีย เป็นอุปสรรคต่อสิ่งนี้
เชลซี ดูเหมือนว่า พวกเขาเพิ่งซื้อผู้เล่นจำนวนมาก “โดยไม่ได้มีแผน”รองรับจริงจัง
เกมดูไม่ปะติดปะต่อกัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่า พ็อตเตอร์พยายามใช้สไตล์ไหนในการเล่น และนอกจาก “เวลา” คือสิ่งที่เขาต้องได้รับ
“อำนาจ”และ “ดาบ” การบริหาร ต้องให้เต็มข้อด้วย
อย่างน้อย ก็มีการแสดงสัญญาณเชิงบวกหลายจุด
มาร์โก ซิลวา มองเห็นแท็กติกของเขาสำหรับการเป็นผู้มาเยือน ทำได้ดีอีกครั้งในเกมใหญ่
ยังคงสร้างความแปลกๆ ได้ต่อไปสำหรับ 2 ทีมย่านผู้คนมั่งคั่ง
ผมอาจจะไม่ประทับใจอะไรกับฟอร์มโดยรวมมากนัก แต่ต้องใช้เวลามาก มีงานมากมายที่ต้องทำเพื่อเปลี่ยนทีมนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว เชลซีต้องเป็นเกมรุกที่เฉียบขาด นั่นคือปัญหาที่แท้จริงสำหรับ พ็อตเตอร์
ประเด็นคือ เชลซี ใช้เงินไป 288 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคม แต่มีเพียง โฟฟานา เท่านั้นที่มาถึงในฐานะกองหน้า ที่มีผลงาน15 ประตู จาก 42 เกม กับโมลด์ อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น และสำหรับบางคน กองหน้าที่มีประสบการณ์และเป็นที่ยอมรับมีความสำคัญมากกว่า
เอาเข้าจริง ธุรกิจของเชลซี เดินหน้าอย่างดุดัน ดุเดือด แต่ไม่เสริมจุดที่ควรจะต้องดุให้จริงอย่าง กองหน้า ซึ่งตำแหน่งคือหน้าเป้าธรรมชาติ ไม่ใช่ฟอลส์ไนน์
● นักบอลค่าตัวแพงที่สุดย่อมถูกจับตา
เอ็นโซ เฟร์นันเดซ กับสถิติการย้ายทีมของอังกฤษไปยัง เชลซี 107 ล้านปอนด์ ไม่ใช่เรื่องปกติ ในฐานะนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของพรีเมียร์ลีกตลอดกาล
สถิติของ แจ๊ค กรีลิช ดิ้นไปเรียบร้อย ไม่รู้ใครรวยกว่ากันระหว่าง โบห์ลี่ย์ กับ ชีค มาห์นซูร์ 555
เอ็นโซ่ ถูกขายหลังจากได้รับรู้ปฏิบัติการที่จริงจังจาก เชลซี ด้วย “เงินเดือน” หลังหักภาษีของเขาที่สูงถึง 5 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลมีผลต่อการตัดสินใจ กับการเป็นแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งตัวเขามีส่วนสำคัญมาก
เบนฟิก้า ตกลงที่จะขาย เอ็นโซ่ ในราคา 88 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ แต่ได้รับการยืนยันว่าเขาและครอบครัวต้องการย้ายทันที
ค่าตัวประเมินตามท้องตลาดอยู่ที่ไม่เกิน 45 ล้านปอนด์ แต่สุดท้าย ดีมานด์ กับ ซัพพลาย เกิดขึ้นทำให้กระแทกขั้วขั้นรุนแรงจริงๆ
การย้ายทีมเกิดขึ้น เอ็นโซ่ เข้ามาสวมหมายเลข 5 กล่าวว่าที่นี่เป็นสโมสรใหญ่ เป็นสโมสรที่ต่อสู้อยู่เสมอ และคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และเราจะพยายามทำทุกอย่างที่สโมสรต้องการให้สำเร็จ ระดับต่อไป
“มีเรื่องดีๆ มากมายเกิดขึ้นกับผม ผมมีความสุขจริงๆ กับโอกาสที่เชลซีมอบให้ และผมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของสโมสร”
“ผมเป็นสายเทคนิค ผมมีความเข้าใจในเกมที่ดี มีทักษะการจ่ายบอลที่ดี และทักษะการยิงประตูที่ดี ผมจะมอบพลังที่ดีความรู้สึกดีๆ และผมจะทุ่มเททั้งหมดที่มีเพื่อสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมเพื่อให้พวกเขาดียิ่งขึ้นไปอีก”
พ็อตเตอร์ ระบุว่า ตัวเขายินดีมากๆ กับดีลของเอ็นโซ เพราะเขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม
“ภาษาสเปนของฉันไม่เก่งและภาษาอังกฤษของเขาก็ไม่ดีดังนั้นเราจะไปที่นั่น เขาเป็นชายหนุ่มที่น่าประทับใจ”
ในเกมแรกสถิติของ เอ็นโซ่ น่าสนใจอย่างมาก เมื่อจำแนกตัวเลขออกมาก่อน สัมผัสบอล 96, จ่ายบอล 74 เข้าเป้าแม่น 63,บอลยาว 7 เข้าเป้า 6, แท็กเกิ้ล 6 ชนะ 5, เคลียร์ 3, รีโคฟเวอร์ 10 ครั้ง, การดวล 12 ชนะ 9, 1 คีย์พาสต์, สร้างโอกาสได้ 1 ครั้งและชนะการดวลกลางอากาศ 100%
เอ็นโซ่ เล่นได้น่าสนใจมาก ทั้งที่อยู่กับทีมไม่กี่วัน-ลงตัวจริงทันที-การยืนตำแหน่ง-การออกบอล
ความคาดหวังและความกดดันมากมายเกิดขึ้นกับเขา เมื่อเชลซีจ่ายเงินก้อนโตให้กับเบนฟิก้า แต่ในบทบาทกองกลางตัวลึก และเพียงสามวันหลังจากเข้าร่วมสโมสร เขาแสดงให้เห็นสัญญาณของสิ่งที่เขาสามารถนำมาได้
ในครึ่งแรกที่น่าประทับใจ เอ็นโซ่ สัมผัสบอลมากกว่าใครด้วยจำนวน 59 ครั้ง เข้าปะทะมากกว่า 5 ครั้ง และครองบอลได้มากกว่าคนอื่น คือ 9 ครั้ง
เอร์นัน เครสโป อดีตกองหน้าเชลซีและอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นโค้ชของเอ็นโซ่ ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ ให้สัมภาษณ์กับ BBC Radio 5 Live ว่า มีหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับเขา
“ตั้งแต่เริ่มต้น เขาเป็นผู้ใหญ่มากพร้อมสัญญามากมาย เขาปรับตัวได้เร็วกับเบนฟิก้า และจากนั้นมากับทีมชาติ มันจึงเป็นธรรมชาติสำหรับเขา ผมหวังว่าการมาเชลซี เขาจะเติบโตได้”
ความกดดันคือสิ่งที่เขาต้องเจอ เมื่อมาอยู่ในทีมที่กำลังมีสภาพไม่ค่อยจะดีแบบนี้ คือสิ่งที่วัดหัวใจ เอ็นโซ่ เป็นอย่างมาก
บอลอังกฤษพิษมันร้ายเหลือทน....แฟนบอลก็ด้วย
● ท้ายสุดคือกำจัด‘จุดสลบ-จุดอ่อน’โดยเร็ว
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง นักเตะหมายเลข 9 เพียงคนเดียวของเชลซี หลุดออกจากทีมในแชมเปี้ยนส์ลีก และไม่ได้ลงเล่นในเกมกับดาร์บี้แมทช์นี้
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ประเดิมได้น่าประทับใจ แต่สิ่งที่ทีมต้องการอย่างมาก นั่นก็คือ คุณภาพในแดนสุดท้าย ในจังหวะการเข้าทำ ที่จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะปูทางให้ เชลซี กลับสู่พื้นที่ที่ตัวเองเป็นมาตลอด 20 ปี
ทีมของเกรแฮม พ็อตเตอร์ ตามหลังโซนแชมเปี้ยนส์ลีกถึง 4 เกม และเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวในปี 2023 โดยยิงได้3 ประตู จาก 7 เกม นับตั้งแต่เปิดปี
หลังจากเสมอกับฟูแล่ม แล้ว พ็อตเตอร์ เองระบุว่า ฟูแล่มอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว และเราอยู่ในขั้นตอนที่แตกต่างออกไป ผู้เล่นที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บและผู้เล่นใหม่ เราต้องการเวลาเพื่อสะสางทุกอย่าง เราขาดการเชื่อมต่อ ความลื่นไหล และความมั่นใจที่เกิดจากการรู้จักกัน ยังคงน้อยเกินไป
ตรงจุดนี้ ฟุตบอลมันเปลี่ยนแปลงไป การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป แต่บางอย่างอาจจะ “ไม่ต้องรีบ”
เชลซี เองก็เช่นกัน
ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ซูเปอร์เสี่ย ก็ไม่ต้องรีบไปยืนในหัวใจแฟนบอลเชลซี เพราะต่อให้คุณทำสำเร็จอย่างไร การเข้าไปในยืนในใจแฟนก็ยังคงเป็นเบอร์ต่อมารองจาก “เสี่ยหมี” ที่เชื่อว่าแฟนบอลเชลซีเกินครึ่ง “รักหมดใจ”
เกรแฮม พ็อตเตอร์ เมื่อเห็นสัญญากับภาษากายอะไรบางอย่าง เชื่อว่าบอร์ดบริหารก็คงจะต้องการให้เวลา แต่ พ็อตเตอร์ ตรงนี้จะไม่รีบก็ไม่ได้
ส่วนที่จำเป็นจะต้องเยือกเย็นที่สุดคือ แฟนฟุตบอล เพราะยุคใหม่สมัยนี้ การเข้าถึงแบบทันควันเกิดขึ้นได้เร็วมาก แต่บางอย่างแทนที่จะ “เป็นกำลังใจ” จะกลายเป็นความรักความใคร่จะ “เป็นการทำลาย” กันเองมากกว่า
การไม่ชนะ ฟูแล่ม ถือว่า “เสียทรง” เหมือนกันกับ 2 ทีมย่านผู้คนมั่งคั่ง
ลอนดอนตะวันตกมี 4 ทีม ฟูแล่ม, เชลซี, ควีนส์พาร์ค (คิวพีอาร์) และเบรนท์ฟอร์ด จากการสำรวจการแข่งขันฟุตบอลเมื่อหลายปีก่อน ฟูแล่ม มองว่า เชลซี เป็นคู่แข่งหลักเป็นคู่ปะทะเบอร์แรกของย่านนี้ของพวกเขา
คิวพีอาร์ เป็นคู่แข่งอันดับ 2 และเบรนท์ฟอร์ดเป็นอันดับ 3
แฟนๆ คิวพีอาร์ ระบุว่า เชลซี ก็เป็นคู่แข่งหลักของพวกเขา ตามด้วย ฟูแล่ม, คาร์ดิฟฟ์ซิตี้(มาไง), เบรนท์ฟอร์ด
แฟนๆ เบรนท์ฟอร์ด เลือกฟูแล่มเป็นคู่แข่งหลัก ต่อด้วยคิวพีอาร์ และเชลซี เป็นที่ 3
ส่วนแฟนบอลเชลซี ไม่ได้ระบุชื่อทีมใดในลอนดอนตะวันตก เป็นคู่แข่งของตัวเองแต่เลือกทีมอาร์เซน่อล ทอตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แทน…
นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ฤดูกาล ที่ เชลซี ไม่ชนะ ฟูแล่ม ไม่ว่าจะเหย้า หรือว่าเยือน
หลายสิ่งทำให้น่าสนใจ แต่สิ่งที่ต้องให้คือ “เวลา”
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี