The Northwest Derby 36 ไมล์ไม่ไกลจากกัน สองทีมที่เป็นระดับ “ตำนานของโลก” โคจรมาปะทะกันอีกครั้ง
อีกหนึ่งคือ “หงส์แดง” อีกหนึ่งคือ “ปีศาจแดง” ดวลกันเมื่อไหร่ ความเร้าใจย่อมอุบัติ!!!!
เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มาพบกันเป็นครั้งที่ 211 สถานการณ์ในการเจอกันต่างกันจากปีก่อนแบบลิบลับ
ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ได้ลุ้น 4 แชมป์ นั่นคือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ ขณะที่ แมนยูฯ ต้องต่อกรกับการไปเล่นบอลยุโรป
แต่มาปีนี้ แมนยูฯ เป็นทีมที่ได้ลุ้น 4 แชมป์ นั่นคือ ยูโรป้า ลีก,พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องต่อกรกับการไปเล่นบอลยุโรป
ฟุตบอลไปเร็วและมาเร็วอย่างเหลือเชื่อ ลิเวอร์พูล เสียสตาร์ดังอย่าง ซาดิโอ มาเน่ เห็นผลในเชิงลบ แต่ แมนฯยูไนเต็ด เสีย ปอล ป๊อกบา ต่อด้วย คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กลับกลายเป็นผลเชิงบวก ตอกย้ำให้แฟนบอลที่ถลำลึกเข้าถึงโลกลูกหนังให้รู้ว่า วัฏจักรฟุตบอลเป็นอย่างไร
มันไม่เคยมีการการันตีอะไรใดๆ ให้ใครไว้เลย
l เรื่องของเพื่อนสนิทสู่คู่อริตลอดกาล
เมืองลิเวอร์พูล กับ เมืองแมนเชสเตอร์ ที่อยู่ตรงทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รับการบันทึกแรกจากโลกใบนี้ว่า พวกเขาคือสองเมืองแรกที่มี “รถไฟ” เชื่อมต่อระหว่างเมือง
15 กันยายน 1830 คือ “วันเปิดราง” อย่างเป็นทางการ ผู้คนสองเมืองนี้ชื่นมื่นกับคำว่า First inter-city railway in the world !!!
เส้นทางรวมทั้งสิ้น 31 ไมล์ หรือ 50 กิโลเมตร รังสรรค์โดย ยอร์จ สตีเฟนสัน กับบริษัท แกรนด์ จังชั่น จำกัด มีทั้งหมด 32 สถานี
ในช่วงเวลาดังกล่าว กระทั่งจนถึงปลายศตวรรษที่ 18 “เมืองลิเวอร์พูล” ได้เจริญเติบโตเป็นท่าเรือที่สำคัญ ไม่เพียงแต่ในอังกฤษ แต่กลายเป็นเมืองท่าระดับโลก เนื่องมาจากการค้าขายทางเรือมากกว่า 40% ของโลกใบนี้ต้องมาเทียบท่าที่เมอร์ซี่ย์ไซด์
ฟากฝั่ง เมืองแมนเชสเตอร์ ก็เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งแรก และใหญ่โตที่สุดของโลก ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ อุตสาหกรรมทอฝ้าย ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร
ใหญ่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...จากเรื่องดังกล่าว ยังผลให้สองเมืองนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและความสำเร็จของโรงงานฝ้ายทั้งภูมิภาคทางตอนเหนือของอังกฤษ
ไม่แปลกที่จะถูกขนานนามให้เป็นเมืองสำคัญแห่งที่สอง หรือเมืองหลวงที่สองของจักรวรรดิอังกฤษ เพราะการเชื่อมโยงระหว่างสองเมืองนี้ แข็งแกร่งอย่างมาก
เสมือนว่า ทั้งคู่จะเดินไปด้วยกันได้อย่าง...ราบรื่น และราบเรียบ
แต่ในความราบเรียบก็มักจะมีคลื่นเล็กน้อยอยู่เสมอ.........
…..เมื่อไหร่ก็ตามที่จะต้องขนของมายังเมืองแมนเชสเตอร์ อาทิ ฝ้ายดิบ ก็ต้องมาพักที่เมืองลิเวอร์พูล ก่อนจะเข้ามายังเมืองแมนเชสเตอร์ ทั้งทางรถไฟ และทางเรือ ทำให้มีการเสียภาษีต่างๆ มากมาย บวกกับแรงกระเพื่อมที่เพิ่มขึ้น กับความต้องการชิงเป็นหมายเลข 1 ของย่านนี้
l จดหมายเหตุแห่งประวัติศาสตร์
เมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม มีการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่องระหว่างสองเมืองบนพื้นฐานของการแข่งขันทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
แต่หลายคนเห็นว่านี่เป็นเหมือนกับการ “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า”มากกว่าจะทะเลาะกันเอง
อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ไม่พอใจ ลิเวอร์พูล อย่างจริงจังตามบันทึกมีขึ้นเมื่อปี 1870 โดยเมืองแมนเชสเตอร์ ได้มีแคมเปญการรณรงค์ขอการสนับสนุนไปยังคนในเมือง ในเรื่อง “ขอขุดคลองแห่งใหม่” เพื่อเชื่อมต่อจากทะเลไอริช เข้าสู่แมนเชสเตอร์โดยตรง เพื่อทดแทน คลองบริดจ์วอเตอร์ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1776 รวมไปถึงคลองที่เชื่อมผ่านแม่น้ำเมอร์ซี่ย์มายังแมนเชสเตอร์
แผนการนี้สำเร็จ ทำให้เกิดการขุดลอกคลองที่ชื่อ “คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์” หรือ The Manchester Ship Canal ซึ่งเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคมค.ศ.1894
การก่อสร้างได้รับทุนสนับสนุนจากพ่อค้าในแมนเชสเตอร์ ถูกต่อต้านโดยนักการเมืองลิเวอร์พูลและก่อให้เกิดความไม่พอใจระหว่างสองเมือง ความตึงเครียดระหว่างนักเทียบท่าอย่าง ลิเวอร์พูล กับ แก๊งคนงานในแมนเชสเตอร์ เพิ่มขึ้นหลังจากสร้างเสร็จในปี 1894 ก่อนการพบกันครั้งแรกระหว่างลิเวอร์พูลและนิวตัน ฮีธ(ชื่อแรกของแมนยูฯ) ในอีก 3 เดือนต่อมา......
เหตุการณ์นี้เกิดผลกระทบเต็มๆ กับ ลิเวอร์พูล ที่ต้อง “ล่มปากอ่าว” ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีตรงนี้ ทำให้ต้องเสียรายได้อย่างมหาศาล พร้อมกับคนต้องตกงานแทบจะกลายเป็นเมืองร้างในเวลาต่อมา เนื่องจากการขนส่งเริ่มไม่ใช้ทางเรือเป็นทางหลักอีกต่อไป
ว่ากันว่า นี่คือมวลเหตุสำคัญที่ทีมฟุตบอลสองเมืองนี้นำมาขย่มขยี้กันสนามบอลในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งสองเมืองเพิ่งจะจัดทำโครงการ “ล่องเรือชมเมือง” เส้นทางสายประวัติศาสตร์ ระหว่างเมืองลิเวอร์พูล ผ่านทางคลองเดินเรือแมนเชสเตอร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันอีกครั้ง
l มิตรภาพที่ดีควรเริ่มต้นจากอย่างอื่น
การล้มบอลคู่แรกของโลกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน 1915
เกมระหว่าง แมนฯยูไนเต็ด กับลิเวอร์พูล ในลีกสูงสุดมีความหมายอย่างยิ่งยวด เมื่อ แมนยูฯ สถานการณ์ย่ำแย่กำลังหนีตกชั้น ขณะที่ ลิเวอร์พูล ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้ลุ้นแชมป์และไม่หนีตกชั้น เพราะอยู่กลางตารางแบบสบายๆ
เกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นักเตะบางส่วนของทั้งสองทีมได้ทำการตกลงที่จะ “ล็อกผล” ให้แมนยูฯ เป็นฝ่ายชนะเพื่อประโยชน์ที่ได้รับคือการ “อยู่รอด” รวมถึงเรื่องของ“การพนัน”
วันที่ 27 ธันวาคม ปีเดียวกัน ได้มีการตัดสินคดีนี้ หลังพบว่า นักเตะของแมนฯยูไนเต็ด เป็นคนวางแผนการทั้งหมด ทำให้มีการแบนนักเตะทั้งหมด 7 คน ออกจากวงการลูกหนังตลอดชีพ
นั่นคือเหตุการณ์สะท้านโลกที่เขาเรียกกันว่า The 1915 Good Friday betting scandal
เป็นคู่ล้มบอลคู่แรกของโลก อ้าว....ไหนบอกว่าเกลียดกันไง?!?!:?
l 9แข้งเดนตาย-59ปีที่ไม่ยอมย้ายค่าย
นักบอลที่อาจจะติดตาตรึงใจในการย้าย “ข้ามค่าย”คงไม่พ้น ไมเคิ่ล โอเว่น รวมถึง พอล อินซ์ แต่นั่นไม่ได้ย้ายแบบตรงๆ
เพราะจากอดีตถึงปัจจุบัน มีนักเตะเพียง 9 คนเท่านั้น ที่ย้ายไปร่วมทัพกันแบบ “โดยตรง” และไม่ได้เกิดขึ้นมานานถึง 59 ปีแล้ว
คนแรกคือ ปี 1912 ทอม ชอร์ลตัน ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด
ปี 1913 แจ๊คกี้ เชลดอน ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ดไป ลิเวอร์พูล
ปี 1920 ทอม มิลเลอร์ ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด
ปี 1921 เฟร็ด ฮ็อปกิ้น ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ดไป ลิเวอร์พูล
ปี 1929 ทอมมี่ รีด ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด
ปี 1938 เท็ด ซาเวจ ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด
ปี 1938 อัลเลนบี้ ชิลตัน ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด
ปี 1954 โธมัส แม็คนัลตี้ ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ดไป ลิเวอร์พูล
คนล่าสุด ปี 1964 ฟิล คริสแนลล์ ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล
จอห์น ฟิลลิปส์ “ฟิล” คริสนอลล์ มีสนนราคา 25,000 ปอนด์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล ในเดือนเมษายน 1964 ได้เล่นกับทั้ง แมตต์ บัสบี้ และบิลล์ แชงคลีย์โดยมนุษย์คนสุดท้ายที่ย้ายตรงนี้ ท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ4 มีนาคมปีที่แล้ว
นับเป็นเวลา 59 ปีแล้วที่ไม่มีการซื้อขายกันโดยตรง เท่ากับตัดสัมพันธ์การค้ากันอย่างสิ้นเชิง
l ปรีวิวแมทช์ออฟเดอะเดย์ที่แอนฟิลด์
เกมจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 23.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย ที่แอนฟิลด์ บ้านของ ลิเวอร์พูล
เจ้าถิ่น “หงส์แดง” เรียกความมั่นใจกลับมาด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 2-0เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 ของตารางด้วยการมี 39 คะแนน ตามหลังท็อปโฟร์อยู่ 5 แต้ม เกมนี้ยังไม่มีธีอาโก้ อัลคันทาร่า และคัลวิน แรมซีย์ ที่บาดเจ็บ ส่วน หลุยส์ ดิอาซ ลงซ้อมเดี่ยว ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพในระบบ 4-3-3 ส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่ และสเตฟาน บาจเซติค สามแนวรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และดีโอโก้ โชต้า
ฝั่งผู้มาเยือน “ปีศาจแดง” รั้งอันดับ 3 ของตาราง เพิ่งคว้าแชมป์คาราบาว คัพ มาหมาดๆ แถมกลางสัปดาห์ก็โชว์ความอันตรายพลิกสถานการณ์แซงเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮมยูไนเต็ด มาได้ 3-1 ในศึกเอฟเอ คัพ ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้น 4 แชมป์ ทีมของ เอริค เทน ฮาก ยังไม่มี คริสเตียน เอริคเซ่น,อองโตนี่ มาร์กซิยาล และดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่พากันเดี้ยงทั้งหมด ส่วน เจดอน ซานโช่ ไม่มีชื่อในเกมล่าสุดเพราะมีอาการป่วย ต้องรอดูว่าจะฟิตหรือไม่ มาในระบบ 4-2-3-1 วาง คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ เฟร็ด แนวรุกใช้ บรูโน่เฟอร์นานเดส, เว้าท์ เวกฮอร์สต์, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และมาร์คัส แรชฟอร์ด
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, สเตฟาน บาจเซติค, โมฮาเหม็ดซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และดีโอโก้ โชต้า
แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา, ดีโอโก้ ดาโลท์, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย,คาเซมิโร่, เฟร็ด, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เว้าท์ เวกฮอร์สต์,อเลฮานโดร การ์นาโช่ และมาร์คัส แรชฟอร์ด
สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 2-2 แมนฯยูไนเต็ด
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี