ยับสุดรอบ 128 ปี! เกิดอะไรวัน‘หงส์หักคอผี’ 7-0
สกอร์เหลือเชื่อแบบสุดๆ เมื่อ ลิเวอร์พูล ถลุง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังลุ้น 4 แชมป์ ไปแบบย่อยยับ 7-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก
โคกี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ และโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ สังหารคนละ 2 ประตู และปิดท้ายด้วย บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่
กว่าครึ่งโหลเกิดอะไรขึ้น!?!?!?!
ความน่าสนใจของเกมนี้มีปรอทองศาพุ่งพรวดเป็นนวดแป้งขึ้นมาเมื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลือกดร็อป สเตฟาน บาจเซติซ ดาวรุ่งในแดนกลางไปเป็นสำรอง ทั้งที่เป็นตัวที่เล่นดีสุดในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา
ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ ได้เล่นต่อทางมิดฟิลด์ขวา และอีกคนที่ลงมาคือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมได้ลงไปเล่นบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ซ้ายแทนที่
คล็อปป์ ให้เหตุผลว่า เขามีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น และเกมแบบนี้ต้องการให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น ระเบิดความรู้สึกให้เต็มที่ แต่จะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ให้ดี
ลิเวอร์พูล เหนือกว่าในครึ่งชั่วโมงแรก จากนั้นแดนกลางยุบ บอลไม่ถึงพื้นที่สุดท้าย
ขณะที่กำลังเอียงไปเอียงมา ได้ประตูจากการยิงในสไตล์ที่ปกติคือล็อกคัทในแล้วยิงของ กัคโป นักบอลที่เป็นองุ่นเปรี้ยวของยูไนเต็ด
โอกาสตรงกรอบหนที่ 2 ได้ประตู เพราะก่อนหน้านั้นลูกดีดของ นูนเญซ ไปติดบล็อก
กัคโป เป็นนักบอลลิเวอร์พูล คนที่ 10 ในประวัติศาสตร์ ที่ยิงทั้ง เอฟเวอร์ตัน กับ แมนฯยูไนเต็ด ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ตั้งแต่ซีซันแรกที่ลงสนาม คนล่าสุดคือ ปีเตอร์ เคราช์ ปี 2006
กองกลางน่าสนใจมากในนัดนี้ เหมือนกับว่า ลิเวอร์พูล มีตัวเยอะกว่า เพราะ ซาลาห์ กับ กัคโป ลงมาช่วยไล่ เท่ากับเพิ่มในเกมรับลึก 9 ตัว คุณภาพไม่ได้ต่างกัน อยู่ที่จังหวะเข้าทำ และความเฉียบคม
ครึ่งหลังเกมที่แก้มายังไม่ทันได้ใช้ เมื่อ ลิเวอร์พูล ได้ประตูที่ 2 จากการยิงของ ดาร์วิน นูนเญซ ทำให้สองเม็ดแรกของ หงส์แดงที่ได้ในเกมนี้ มาจากนักบอลที่เคยมีข่าวจะย้ายมาอยู่กับ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น
กระทั่งเม็ดที่ 3 จาก กัคโป และประตูที่ 4 จาก ซาลาห์ มาจากจังหวะโต้กลับที่เฉียบคม โดยเฉพาะเม็ด 3 ซาลาห์ จัดการเผา มาร์ติเนซ ก่อนจะจ่ายให้ กัคโป ยิงอย่างเหนือชั้น ส่วนประตูที่ 4 มาจากการขยันเล่นของ นูนเญซ และมีจังหวะโชคบอลแฉลบมาเข้าทาง ซาล่าห์ ตะบันด้วยขวาแบบเต็มตีนเตี่ย
เอาเข้าจริง เราจึงไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ เอริค เทน ฮาก แก้ไขมาในระหว่างพักครึ่งคืออะไร
รวมถึงสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ปรับมาคืออะไรเนื่องจาก ลิเวอร์พูล ได้ประตูที่ 2 และ 3 ในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง
สกอร์ยังคงไหลแบบต่อเนื่องเมื่อ ดาร์วิน นูนเญซ ถอนตัวมาโขกได้อย่างเด็ดขาด เสียบเสาไกลตุงตาข่าย 5-0
เท่านั้นก็ยังไม่พอ “พินบอล” กระเด้งมาเข้าทางปืน ซาล่าห์ กดเข้าไปเสียบตาข่าย กลายเป็นคนที่ยิง แมนฯยูไนเต็ด ได้มากที่สุดต่อไปเป็นประตูที่ 12 และเป็นนักบอลที่ยิงประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ได้มากที่สุดยุคพรีเมียร์ลีก 129 ประตู
แล้วมันจบที่ไหน ฟุตบอลอะไรกัน บางครั้งมันตอบอะไรไม่ได้
ฟีร์มิโน่ ที่ประกาศอำลาทีมไปเมื่อวันศุกร์ ลงสำรองลงมาซัดประตูได้ 7-0 อะไรมันจะขนาดนั้น
เซเวน เฮฟเว่นของ ลิเวอร์พูล ส่วน แมนฯยู ไม่รู้จะพูดอะไรดี นี่คือชัยชนะที่โหดสุดนับตั้งแต่ ปี 1895
128 ปี….โหดจริงๆ!!!!!
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี