ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ 110 สโมสรในประเทศไทยภายใต้การจัดการแข่งขันของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯผ่านบริษัทไทยลีกจำกัด ยังอยู่ในสภาพการเติบโตช้าหากวัดประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่ครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่26ในฤดู2565 - 2566 เพราะมีสโมสรไทยลีกสโมสรเดียวที่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำอาจกล่าวได้ว่าฟุตบอลอาชีพไทยที่ผ่านมามีสโมสรได้กำไรอยู่ทีมเดียวคือ ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เท่านั้น ที่เหลืออีก 109 สโมสรมีฐานะรายได้ที่ไปไม่รอด สโมสรไม่มีรายรับมากพอจะเลี้ยงกิจการตัวเองได้เลยแม้แต่ทีมเดียว
ปัญหาใหญ่ที่พบมานานคือแฟนฟุตบอลลีกในไทยนั้น สนใจกิจกรรมสโมสรฟุตบอลลีกในยุโรปมากกว่าทีมไทยลีกนั่นเองซึ่งสภาวะแบบนี้เป็นมานานมากกว่า40ปีแล้ว จะพบว่าสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกเอิงฝรั่งเศส ลาลีกาสเปน บุนเดสลีก้าเยอรมัน กัลโช่ซีเรียอาอิตาลี่นั้น มีแฟนบอลให้ความสนใจสโมสรไทยลีกหลายสิบเท่า สำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดนั้นคือยักษ์ไทยลีกแท้จริงทีมเดียวมีรางวัลจนถึงขณะนี้ 29 ถ้วย และในฤดุูนี้บุรีรัมย์น่าจะคว้าไปได้อีก 3ถ้วยจะทำให้มี 32 โทรฟี่ รายได้ของสโมสรบุรีรัมย์ที่ถือว่ามีรายได้มากที่สุุดจากเงินค่าสนับสนุนจากผู้สนับสนุนมากมายต่อ 1 ฤดุูน่าจะมากกว่า150ล้านบาทขึ้นไปหรืออาจจะถึง200ล้านบาท ส่วนรายได้ค่าผ่านประตูนัดเหย้าในฤดูปี 2565-2566 นั้นจาก14นัดในสนามในบ้านโฮมแม็ตซ์จนถึง 5 มีนาคม 2566 มียอดคนดูรวม264,414 คนเฉลี่ยค่าดูรายละ150บาทต่อ1ที่นั่งสโมสรมีรายรับรวม39,662,100 บาทรายได้อีกส่วนจะมาจากเงินให้เปล่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลต่อ1ฤดูประมาณ20-25 ล้านบาท
รายได้ส่วนสุดท้ายคือยอดรายรับจากการขายเสื้อสโมสร ของที่ระลึก หมวก กางเกง ผ้าพันคอ เฉลี่ยแฟนบอลขาประจำสโมสรบุรีรัมย์น่าจะมีขั้นต่ำ40,000 คนคิดต่อหัวในการซื้อของที่ระลึกสโมสรคนละ1,000 บาทจะได้เงินเข้าสโมสรรวม1,600ล้านบาทรวมรายรับทั้งสิ้นของบุรีรัมย์จะมีประมาณ1,800-1,900ล้านบาท ทำให้บุรีรัมย์สามารถจ่ายเงินต่าจ้างนักฟุตบอลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมไปถึงสต๊าฟโค้ช คณะทำงานในสโมสรได้อย่างสบายซึ่งเมื่อไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด19แล้ว บุรีรัมย์จะมีรายได้จากการไปแข่งขันในต่างประเทศถ้วยเอเอฟซีแชมเปี้ยนลีกประเมินขั้นต่ำ100ล้านบาท ทำให้ปราสาทสายฟ้ามีรายได้2พันล้านบาทต่อ1ฤดู เป็นสโมสรที่อยู่สบายในขณะที่อีก109 สโมสรรายได้แตกต่างจากบุรีรัมย์ลิบลับชนิดเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
สโมสรใหญ่ในไทยลีกที่อยู่รอดได้เพราะมีอภิมหาเศรษฐีตระกูลต่างๆสนับสนุน ซึ่งที่เห็นมีเพียง3 สโมสรคือทรูแบงค็อก ยูไนเต็ดเป็นของตระกุูลเจียรวนนท์ บีจีปทุมยูไนเต็ดเป็นของตระกูลภิรมย์ภักดี การท่าเรือเอฟซี เป็นของตระกูลล่ำซำ ส่วนที่เหลือนั้นอยู่ในสภาพที่เรียกว่าหัวใจสู้ แต่ทุนทรัพย์สนับสนุนไปไม่ได้ เนื่องมีแฟนฟุตบอลในท้องถิ่นให้การสนับสนุนน้อยมีปริมาณคนดูน้อยนัดละไม่กี่พันคนต่างกับบุรีรัมย์ที่มีกองเชียร์เหนียวแน่นนัดละเป็นหมื่นๆคน การที่จะมีทีมไทยลีกแบบบุรีรัมย์ไม่น่าตจะมีใครทำได้เพราะรากฐานแฟนฟุตบอลที่สนับสนุนทีมมีหลักพันคน นอกจากนี้คอบอลสโมสรต่างประเทศในไทยจะมีมากกว่า อย่างลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแฟนบอลไทยตามมากมายเป็นล้านๆคน รองลงมาอย่างทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ส อาร์เซน่อล เชลซี่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เลสเตอร์ซิตี้ เรอัลมาดริด บาร์เซโลน่า ยุเวนตุส อินเตอร์มิลาน เอซีมมิลาน เปแอสเฌ ฯลฯ มีคนตามเป็นตัวเลขนับแสนคน ในสภาวะเช่นนี้เชื่อว่าไทยลีกคงโตได้ยากและยังลุ่มๆดอนๆอีกเป็นสิบๆปีแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี