ประเด็นร้อนแรงที่คนดูบอลทั่วไปอาจจะคาดไม่ถึงในสัปดาห์นี้ นั่นก็คือ กฎใหม่ที่จะนำมาใช้ในฟุตบอลลีกทั่วโลก ในซีซั่นหน้า
นั่นคือเรื่องของการ “หยุดเวลา” ระหว่างแข่งขัน เพื่อไป“ทดเวลา” ในช่วงท้ายเกมของทั้งสองครึ่งของฟุตบอล
การหยุดเสียเวลาอาจหมายถึงผู้เล่นมีส่วนร่วมในการแข่งขันพิเศษมากถึงสามนัดต่อฤดูกาล ตามรายงานใหม่จาก FIFPRO
มีรายงานที่น่าสนใจอย่างมากจาก สหภาพผู้เล่นระดับโลกหรือ FIFPRO ว่า ถ้าหากนับเวลาที่สูญเสีย หรือทดเจ็บกันจริงๆ จังๆ แล้วล่ะก็ เป็นไปได้เลยว่า นักบอลอาจจะลงสนามมากกว่าเดิมถึง 3 เกมด้วยกัน!!!!
ผลพวงเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นจากการที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA สั่งให้ผู้ตัดสินคำนวณระยะเวลาการหยุดการแข่งขันระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกปีที่แล้วที่กาตาร์ อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยเน้นให้ดูเวลาในช่วงที่มีผลต่อเกมการแข่งขันทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน
1.การฉลองหลังจากการทำประตู, 2.เมื่อมีนักกีฬาบาดเจ็บ,3.การตรวจสอบ VAR, 4.การเปลี่ยนตัว และ 5.การลงโทษ หรือใบแดง ที่เหลือให้พิจารณาเป็นเคสๆ ไป แต่ข้อหลักคือ 5 ข้อนี้
หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มใช้ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ หลังจากคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ(International Football Association Board) ซึ่งเป็นผู้กำหนดกฎของเกม ให้ดำเนินการต่อในการประชุมสามัญประจำปีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ฟิฟโปร ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าโดยเฉลี่ย 11.6 นาทีของเวลาหยุดการแข่งขัน ซึ่งฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 60% จากบอลโลก ปี 2018 ในรัสเซียและเพิ่มขึ้นประมาณ 4 นาทีเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย7 นาที ข้อมูลของ FIFPRO ที่รวบรวมด้วย เกณฑ์มาตรฐานฟุตบอลแสดงการแข่งขัน 34,000 นัด ในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา
มีการพิจารณาเวลาการเล่นของผู้เล่น ซึ่งลงเล่น 60 นัดขึ้นไปในช่วงฤดูกาล 2021-22 และคำนวณว่าในกลุ่มนั้น เวลาหยุดการแข่งขันเฉลี่ย 11.6 นาทีต่อเกม นั่นหมายความว่า นาทีรวมทั้งหมดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 4.8 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 ฤดูกาล
หากนับเฉพาะ แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีรายงานระบุว่า เขาจะต้องเล่นเพิ่มไปอย่างน้อย 2.6 เกมต่อฤดูกาล
การสำรวจผู้เล่น 64 คนที่เข้าร่วมรอบบอลโลก ที่กาตาร์พบว่า 53 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนการคว่ำบาตร แต่ ฟิฟโปร กล่าวว่า การวางแผนการแข่งขันต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของผู้เล่น
“ผลกระทบด้านภาระในการแข่งขันของการเปลี่ยนแปลงนี้จะต้องไม่ถูกยกเลิก” ฟิฟโปร ยืนยันในรายงาน “หากการตีความใหม่นี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในทุกการแข่งขัน ผู้เล่นจะถูกบังคับให้ต้องรับมือกับเวลาในการเล่นที่มีประสิทธิภาพนานขึ้น มากยิ่งขึ้นต่อนัด ท่ามกลางปฏิทินการแข่งขันที่ล้นมืออยู่แล้ว”
โจนาส แบร์-ฮอฟฟ์มันน์ เลขาธิการทั่วไปของฟิฟโปร กล่าวเพิ่มเติมว่า เราประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะก่อนฟุตบอลโลกไม่มีบทสนทนาอะไรที่จะเตือนเราว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้น
“ตราบใดที่พฤติกรรมไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราเห็นตอนนี้คือจะเพิ่มการแข่งขันอีกอย่างน้อย 3 นัดขึ้นไปต่อปี และนั่นก็เทียบเท่ากับการปฏิรูปแชมเปี้ยนส์ลีกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากผู้คนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำในปฏิทินการแข่งขัน”
ขณะเดียวกัน ตัวเลขของ BBC พบว่าเวลาเฉลี่ยที่บวกทดเจ็บเพิ่มในรอบแรก นัดแรก ที่กาตาร์ คือ 11 นาที 8 วินาที จากนั้นลดลงเฉลี่ยที่ 10 นาที 22 วินาทีในรอบแรกนัดที่ 2 และค่อยๆ ลดลงเหลือ 8.49 นาที/เกมในรอบน็อกเอาท์
มาร์ค บูลลิงแฮม ผู้บริหารระดับสูงของสมาคมฟุตบอล (Football Association chief executive) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของ IFAB คาดว่าเวลาที่เพิ่มขึ้นในตอนแรกจะพุ่งสูงขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าภายใต้คำแนะนำใหม่แต่คาดว่าจะลดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ผู้เล่นในบอลโลก ตระหนักดีว่ าหากพวกเขาถ่วงเวลา นั่นหมายว่าเวลาก็จะถูกทดเพิ่ม ดังนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งลงเพื่อถ่วงเวลา แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ อาจเป็นอะไรบางอย่าง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ที่นั่นและผมคิดว่าเป้าหมายคือการสื่อสารสิ่งนั้นและทำให้ทุกคนเข้าใจและอธิบายถึงประโยชน์”
“เปาหลอดไฟ” ปิแอร์ลุยจิ คอลลีน่า อดีตผู้ตัดสินคนดังชาวอิตาลี ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินของฟีฟ่า ระบุว่าพรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่ทุกคนจับตามอง และสำคัญก็คือป็นลีกที่ใช้เวลาแข่งขันจริงค่อนข้างน้อยแบบน่าตกใจมาก
“เวลามีผลจริงๆ ระหว่าง แอสตัน วิลล่า พบ เบรนท์ฟอร์ดคือ 43 นาทีเท่านั้น” คอลลิน่ากล่าว “ผมไม่คิดว่าจะมีใครต้องการจ่ายเงินเพื่อชมการแข่งขันที่เตะกันแค่ 43 นาที”
คอลลีน่า ยืนยันว่า ได้รับตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกมีเวลาที่มีผลเฉลี่ยคู่ละ 54.49 นาที ในขณะที่ในพรีเมียร์ลีกของสกอตแลนด์นั้นต่ำกว่าด้วยซ้ำที่ 50.42 นาที
การแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกมีเวลาจริง 58.07 นาที
“ผมเชื่อว่าการถ่วงเวลาจะลดลง เมื่อผู้เล่นรู้ว่าการถ่วงเวลาไปเปล่าประโยชน์ เพราะเวลานั้นได้รับการชดเชยอย่างแน่นอน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี