“มันอยู่ที่เราแล้ว มันอยู่ในมือของเรา!!!!!”
คำให้สัมภาษณ์เหมือนกับการประกาศคำรามลั่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอลาผู้จัดการทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ หลังจาก ซิตี้ เพิ่มโอกาสในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกมากขึ้นเข้าไปอีกคำรบ หลังจากเปิดบ้านถล่ม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จ่าฝูงขาดลอย 4-1
การปราบคู่ปรับแห่งซีซั่นครั้งนี้ถือว่าสำคัญสุดๆ เพราะมันส่งผลให้ แมนฯซิตี้ มีเพิ่มเป็น 73 แต้ม ไล่จี้อาร์เซน่อล เหลือเพียง 2 คะแนน แถมยังแข่งน้อยกว่า 2 นัด
สถานการณ์ลุ้นแชมป์อยู่ในมือของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
ผมได้เขียนไปก่อนหน้านี้ว่า สถานการณ์อยู่ในมือของ อาร์เซน่อล มาตลอด กระทั่งการที่กันเนอร์สทำพลาดเสมอกับ เซาแธมป์ตัน 3-3 ต่อด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชือด เลสเตอร์ 3-1 นั่นหมายว่า อาร์เซน่อล ต้องมาเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยเป้าประสงค์เดียวก็คือ พวกเขาต้องชนะ
ชนะเพื่อกำหนดชนะตาของตัวเอง ไม่ใช่เตะแล้วฝากความหวังไว้กับคนอื่น
สถานการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อซีซั่นที่แล้ว หลังจาก ลิเวอร์พูล ไล่กวด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 14 แต้ม มาจ่อคอหอย แต่เกมตัดสินที่เอติฮัด สเตเดี้ยม จบลงด้วยผลเสมอ 2-2 นั่นหมายว่า การลุ้นแชมป์จากนั้น ลิเวอร์พูล ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด นั่นคือชนะให้หมด แต่ก็ต้องรอให้ แมนฯซิตี้ พลาด
สุดท้าย แมนฯซิตี้ ไม่พลาด
มาในปีนี้ อาร์เซน่อล ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว ทั้งที่เป็นฝ่ายขึ้นนำมาโดยตลอด
พวกเขาเสียตำแหน่งจ่าฝูงในซีซั่นนี้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ ที่สำคัญก็คือ หนึ่งในนั้นคือเกมแรกซึ่งปกติก็ไม่นับอยู่แล้ว
“อาร์เตต้า ทีม” เสียตำแหน่งไปในนัดที่ 2 และนัดที่ 23 ซึ่งเป็นนัดที่เจอกันโดยตรงกับ แมนฯซิตี้
ที่เหลือพวกเขานำจ่าฝูงถึง 30 แมทช์เดย์
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ระบุว่า ซิตี้ เหลือการแข่งขันอีก 7 นัด โดยเริ่มจากเกมเยือนฟูแล่มในวันอาทิตย์นี้ ก่อนเล่นเกมเหย้ากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และลีดส์ ยูไนเต็ด
“เราจะเสียสมาธิไม่ได้ ตอนนี้มันอยู่ในมือของเราแล้ว” กวาร์ดิโอลากล่าว “3 เกมต่อจากนี้จะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะทำสิ่งที่เราอยากทำได้หรือไม่ ความจริงก็คือเรายังตามหลังอาร์เซน่อลอยู่ คุณก็คงเห็นตารางคะแนนตอนนี้อย่างที่ผมเห็น”
“มันยังไม่ง่ายสำหรับเรา แต่เป็นการวัดกันแบบเกมต่อเกม และเรามาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่ออยู่ในมือเรา….เราต้องใช้มัน!!!!”
.....ถ้าเราย้อนกลับไปในซีซั่นนี้ ถือว่า แมนฯซิตี้ “นำฝูงน้อยมาก” โดยพวกเขาสิงอยู่รองจ่าฝูงมาโดยตลอด กระทั่งบุกไปชนะ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ 3-1 ในเกมที่
ถูกเลื่อนมาเตะเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
แมนฯซิตี้ แซงนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก มี 51 คะแนนเท่ากับ อาร์เซน่อล แต่ประตูได้เสียดีกว่าถึง 10 ลูก แถม อาร์เซน่อล ฟอร์มรูดไม่ชนะติดต่อกัน 4 นัดรวมทุกรายการ เพียงแต่ อาร์เซน่อล ยังได้เปรียบเพราะแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด
ให้หลังจากวันนั้นเพียง 3 ชั่วยาม สถานการณ์พลิกผันอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ เมื่อ อาร์เซน่อล กลับมาทวงตำแหน่งคืน ด้วยการได้สองประตูสุดพิลึกพิลั่นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+3 กับ 90+8 บุกไปชนะ แอสตันวิลล่า 4-2 ในช่วงหัวค่ำ
หลังจากนั้นในคืนเดียวกัน แมนฯซิตี้ ที่บุกยำ น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ ทั้งเกม ออกนำ 1-0 มีโอกาสมากมายแต่ยิงทิ้งยิงขว้างไปหมด แล้วมาโดนตีเสมอแบบผีหลอกท้ายเกมผลจบที่ ซิตี้ กราวนด์ 1-1
อาร์เซน่อล ปิดแมทช์เดย์นั้นแล้วแซงนำ 2 แต้ม มีแมทช์ในกำมืออีก 1 เกม
เป็นการแซงกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็รันยาวชนะ 7 นัดรวด แล้วเข้าสู่วังวนการสะดุดทำให้ 4 เกมหลังได้มาแค่ 3 คะแนน
เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2, เสมอ เวสต์แฮม 2-2, เสมอ เซาแธมป์ตัน 3-3 กระทั่งมาแพ้โดยตรงกับ แมนฯซิตี้ กระจุย 1-4
ตารางคะแนนปัจจุบัน อาจจะเป็น อาร์เซน่อล ที่ยังนำอยู่ 2 คะแนน แต่ไม่มีใครมองว่าพวกเขาเหนือกว่าอีกต่อไป เพราะเตะมากกว่า 2 เกม ทุกอย่างต่างจากเดือนกุมภาพันธ์ครั้งนั้นอย่างสิ้นเชิง
นาทีนี้ อาร์เซน่อล ผ่านหลัก 33 นัด มี 75 คะแนน และสุดสัปดาห์นี้พวกเขาไม่มีเกมเตะ ทำให้หน้าที่เดียวก็คือลุ้นคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ฟูแล่ม ให้หยุด แมนฯซิตี้ ในวันอาทิตย์นี้ให้จงได้
แมนฯซิตี้ เตะไปแล้ว 31 นัด มี 73 คะแนน ประตูได้เสียดีกว่า 13 ลูก อย่างไรก็ตาม ความหมายของคำว่า “ได้เปรียบอย่างเต็มตัว” จะเกิดขึ้น
พวกเขาต้องกำชัยที่คราเวน คอทเทจ เพื่อขึ้นนำอย่าง “เป็นทางการ” ไม่ใช่เป็นผู้นำจาก “การคาดเดา” หรือเป็นผู้นำจาก “การเตะน้อยกว่า”
มันส่งผลแบบทั้งไปทั้งกลับให้ทั้งสองทีม
กรณีที่ แมนฯซิตี้ ชนะ มันชัดเจนมาก ว่า โมเมนตั้มทั้งหมดมันจะยิ่งเอียงกระเท่เร่มาฝั่งแชมป์เก่า แต่ในกรณีที่ ซิตี้ เกิดพลาดท่า “เสมอ” หรือว่า “แพ้”
อะไรที่อยู่ในมือ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็เป็นได้
เคาะเป็นตัวเลขเห็นชัดเจนที่สุดก็คือ ถ้า ซิตี้ ชนะ ฟูแล่ม จะแซงนำ 1 แต้มทันที, ถ้าหากเสมอยังคงตามหลัง 1 แต้ม แต่ถ้าแพ้ก็จะตามหลัง 2 แต้มเท่าเดิม
ชั่วโมงนี้ เป๊ป พาทีมชนะในลีกมา 7 เกมติดต่อกัน ดังนั้นอีก 7 เกมที่เหลืออยู่นี้ กลายเป็นพวกเขานี่แหล่ะที่พลิกกลับมาจน “สามารถพลาดได้” คือ “1 เกม”
แต่เราไม่รู้ว่าจะออกเกมไหน และออกในสถานการณ์ใด เพราะพวกเขาจะเล่นในบ้าน 3 เกม และเยือน 4 เกม
เยือน ฟูแล่ม, เหย้าสองนัดติดๆ กับ เวสต์แฮม และลีดส์, เยือน เอฟเวอร์ตัน, เหย้า เชลซี ก่อนจะปิดท้ายสองเกมด้วยการเยือนล้วนๆ กับ ไบรท์ตัน และเบรนท์ฟอร์ด
ฟากของ อาร์เซน่อล กับ 5 เกมที่เหลือนับจากนี้ สิ่งที่ต้องทำและจำขึ้นใจคือ ชนะในทุกๆ นัด นั่นคือ เหย้า เชลซี, เยือน นิวคาสเซิ่ล, เหย้า ไบรท์ตัน, เยือน ฟอเรสต์ และส่งท้ายเหย้ากับ วูล์ฟส์
มันต่างกันตรงที่ โควตาพลาดของ อาร์เซน่อล ใช้เยอะเกินไปมาก มากจนเกินไปใน 4 เกมหลัง จนกลายเป็น “พลาดไม่ได้” และ “กดดันตัวเอง”
การเล่นต่างไปจากเดิมนั่นคือ “จังหวะการเล่น” ที่เร่งรีบสปีดที่รวดเร็วแบบไม่ควรเป็น หรือการเร่งเครื่อง เร่งจังหวะจากหลังไปหน้าจนไม่เป็นจังหวะ เล่นงานพวกเขามาต่อเนื่องในช่วงหลัง
อย่างน้อย อาร์เตต้า ต้องสงบกว่านี้ และทำให้ลูกทีมสงบลง กลับไปเล่นให้เหมือนเดิม ที่สำคัญคือตัวปลุกชีพในแผงกลางอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด กับ โตมาส ปาเตย์ ต้องกลับมาเข้าฟอร์มอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าสองคนนี้ยังมาๆ หายๆ
กรานิต ชาก้า กับ บูคาโย่ ซาก้า ก็จะหายๆ มาๆ เหมือนกัน
ตรงกันข้าม แมนฯซิตี้ หลังจาก “ลองยา” จนทุกอย่าง“ลงตัว” นั่นคือสไตล์การเล่นที่หลายทีม “รู้ทั้งรู้” แต่มัน “ปิดไม่อยู่” ไม่รู้จะทำยังไง
สิ่งสำคัญก็คือ เป๊ป เองนี่แหล่ะ ที่ต้องหยุดความอินดี้ และหยุดทดลองอะไรบางอย่างจนทีมเกิดอาการเครื่องกระตุกในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เอาล่ะ....พรีเมียร์ลีก อาจจะไม่เคยถูกเรียกว่าฟาร์มเมอร์ลีก
ไม่รู้อะไรมันบังตา ทั้งที่ผลลัพธ์มันจะเหมือนเดิม
5 ครั้งในรอบ 6 ปี.........อืม.....
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี