แม้ฟอร์มของทีมจะไม่ได้ แต่ฟอร์มของ แฮร์รี่ เคน ยังคงสุดยอด
การแข่งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 ได้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บทสรุปยังคงเป็น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังคงครองความยิ่งใหญ่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ 3 สมัยติด และเป็นสมัยที่ 5 ในรอบ 6 ปี
เป๊บ กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นกุนซือที่คว้าแชมป์ได้ถึง 11 ครั้ง จาก 14 ฤดูกาลในเส้นทางกุนซือที่คุมทั้ง บาร์เซโลน่า,บาเยิร์น มิวนิค และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่วนผู้ผิดหวังคือ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล โดนถีบลงไปเป็นรองแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย แม้ว่าจะเป็นผู้นำของตารางมาตลอดกว่า 248 วัน
เมื่อทุกอย่างได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ ก็มีสถิติต่างๆออกมา ที่น่าสนใจคือ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมที่มีความโดดเด่นในแต่ละตำแหน่ง ที่ทำไว้ในฤดูกาลนี้
● ผู้รักษาประตู : ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)
นายทวารชาวสเปน กลายเป็น 1 ใน 4 นักเตะของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ที่ลงเล่นครบทุกนาที มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมจบอันดับในตารางมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1938
เขากลายเป็นมือกาวที่เซฟมากที่สุดในลีก 154 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในการเซฟสำเร็จถึง 77% จากการโดนล่อเป้าไปทั้งหมด 197 ครั้ง เสียไป 43 ประตู เก็บคลีนชีตได้ 12 เกม โดยคนที่คลีนชีตมากสุดคือ ดาบิด เด เกอา จาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก็บได้ถึง 17 เกมและคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครอง
นอกจากนี้ ความสามารถในการออกบอลยาวระยะ 30 เมตรขึ้นไปของ ราย่า ก็ถือว่ายอดเยี่ยม ผ่านบอลสำเร็จ 410 ครั้ง มากที่สุดในลีกซีซั่นนี้ แต่ยังเป็นรองสถิติสูงสุดของ โยนาส ลอสเซิ่ล ที่ทำไว้กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เมื่อฤดูกาล 2017-18 โดย 410 ครั้งของ ราย่า เป็นการวางให้ อีวาน โทนีย์ ถึง 174 ครั้ง เรียกได้ว่ามากกว่าเพื่อนร่วมทีมที่เป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์เสียอีก
น่าเสียดายที่ฤดูกาลหน้า ราย่า จะไม่ได้อยู่กับเบรนท์ฟอร์ด เจ้าตัวประกาศชัดเจนไม่ต่อสัญญาเพราะต้องการก้าวไปอีกระดับ มาร์ค เฟล็คเค่นจากไฟร์บวร์ก ที่เป็นเจ้าของคลีนชีตมากสุดในบุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาลที่ผ่านมา จะเข้ามาแทน ส่วน อีวาน โทนีย์ ก็โดนแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเป็นเวลา 8 เดือน จากกรณีเล่นการพนัน แถมยังจะโดนเพิ่มจากคดีล้มบอลเพราะแทงทีมตัวเองแพ้ ซึ่งก็แพ้จริงๆ และช่วงเวลานั้นดันยิงประตูไม่ได้อีก
● แบ๊กซ้าย : โอเล็คซานเดอร์ ชินเชงโก้ (อาร์เซน่อล)
ดาวเตะชาวยูเครนย้ายจาก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ ข้ามฟากมาอยู่ในลอนดอนเหนือกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลเพียงแค่ฤดูกาลแรกกับทีมเขาก็มีผลงานที่โดดเด่น แม้ว่าสุดท้ายจะไม่สามารถพาทีมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ได้ก็ตาม เขามีสถิติในการผ่านบอลที่โดดเด่นสุดๆ ลงเล่นให้กับทีมใน 27 เกมผ่านบอลสำเร็จเฉลี่ยที่ 64 ครั้งต่อเกม ซึ่งเป็นการจ่ายในแดนคู่แข่ง 38 ครั้ง นับเป็นพื้นที่สุดท้ายคือ 26 ครั้ง สัมผัสบอลมากที่สุด 92 ครั้งต่อ 90 นาที ของผู้เล่นอาร์เซน่อลที่ลงสนามอย่างน้อย 1,000 นาที ในฤดูกาลนี้
ชินเชนโก้ มีส่วนร่วมกับการทำประตูให้กับ อาร์เซน่อลถึง 16 ครั้ง โดยมีนักเตะเพียงแค่ 4 คน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูมากกว่าเขา แม้ว่าจะพลาดลงเล่นไป 11 เกมก็ตาม
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ๊กซ้ายที่จ่ายบอลมากที่สุด 121 ครั้ง และเป็นอันดับ 4 ของบรรดาฟูลแบ๊กทั้งหมดในพรีเมียร์ลีกในการสร้างโอกาสให้กับทีม 25 ครั้ง การหายไปของเขาเพราะอาการบาดเจ็บในช่วงสำคัญท้ายซีซั่นทำให้ อาร์เซน่อล ถึงกับเป๋เจอกับ เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน และฟอเรสต์ เก็บได้แค่แต้มเดียว
● เซ็นเตอร์แบ๊ก : มานูเอล อคานจี (แมนฯซิตี้)
การย้าย “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ามาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของแนวรับชาวสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงซัมเมอร์ ถือว่าสร้างความเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก เพราะตอนที่ค้าแข้งอยู่ในบุนเดสลีกา เยอรมนี เขากลายเป็นบ่อน้ำมันชั้นดี แต่ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า สามารถทำให้เขากลายเป็นยอดกองหลังของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลที่ผ่านมา
เพียงแค่ปีแรกก็ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกพร้อมกับยังได้ลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์ เขากลายเป็นนักเตะที่ทีม “เรือใบ” ขาดไม่ได้ ลงเล่นไป 29 เกม ในลีกเก็บชัยได้ถึง 24 เกม หรือ 83% โดย แมนฯซิตี้ มีค่าเฉลี่ยนเก็บแต้มได้ 2.5 คะแนนเสมอ ในยามที่มีเขาลงสนาม 9 เกมที่ อคานจี ไม่ได้ลงเล่น พวกเขาชนะได้แค่ 4
อคานจี มีสถิติที่โดดเด่นในเรื่องของการจ่ายบอลด้วยเท้าข้างขวา โดยจ่ายสำเร็จถึง 93.3% ถือว่าเข้าเป้ามากที่สุดในบรรดานักเตะกว่า 262 คน ที่มีการจ่ายบอลอย่างน้อย 500 ครั้งในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะออกสตาร์ทตัวจริงให้กับ แมนฯซิตี้ แค่ 24 นัด จาก 29 เกม แต่เขามีค่าเฉลี่ยเวลาในการอยู่ในสนามมากกว่ากองหลังเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ 2,286 นาที
● เซ็นเตอร์แบ๊ก : รูเบน ดิอาส (แมนฯซิตี้)
กองหลังทีมชาติโปรตุเกส ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้เป็นสมัยที่ 3 เข้าไปแล้ว เรียกได้ว่าตั้งแต่ย้ายมาไม่เคยพลาดแชมป์ พร้อมมีสถิติชนะ 68 จากการลงเล่น 87 เกมในลีก โดยเป็นอัตราการชนะมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของผู้เล่นที่ลงสนามอย่างน้อย 50 นัด หรือ 78%
ฤดูกาลนี้ แมนฯซิตี้ คว้าชัยได้ถึง 85% ในยามที่มีเขาลงเล่น ซึ่ง 4 ใน 5 เกมที่ แมนฯซิตี้ ปราชัยในฤดูกาลนี้ไม่มีเขาในอยู่ในสนาม แถม 33 ประตูที่เสียให้กับคู่แข่งมากกว่าครึ่งหรือ 17 ประตู รูเบน ดิอาส ไม่ได้ลงเล่น โดย 26 เกมที่เขาลงเล่นให้กับทีม เสียไปแค่ 16 ประตูเท่านั้น
แม้ว่าจะพลาดช่วยทีมไป 12 เกม แต่ รูเบน ดิอาส ยังรั้งอันดับ 7 ของนักเตะที่จ่ายบอลสำเร็จมากที่สุด1,921 ครั้ง
● แบ๊กขวา : คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิ่ล)
ฤดูกาลที่เหลือเชื่อของ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด ที่สามารถเข้าวินจบอันดับ 4 ได้สำเร็จคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดย
คีแรน ทริปเปียร์ เป็นผู้เล่นที่ออกสตาร์ทตัวจริงทุกเกมให้กับนิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาลนี้
เขากลายเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมมากที่สุดจากลูกตั้งแต่ 76 ครั้ง แถมยังจ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษของคู่แข่งมากที่สุด 551 ครั้ง นอกจากนี้เขายังมีสถิติครอสบอลสำเร็จมากที่สุด 138 ครั้ง ภายในฤดูกาลเดียว เป็นรองแค่ เจอร์เมน เพนแนนต์ ที่เคยทำไว้ฤดูกาล 2004-05 (146 ครั้ง)
โอกาส 110 ครั้ง ที่เขาให้กับเพื่อนร่วมทีมในฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นอันดับ 2 ของลีกรองจาก บรูโน่ เฟอร์นานเดส จาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้ 119 ครั้ง โดย ทริปเปียร์ทำแอสซิสต์ไปทั้งหมด 7 ครั้ง แต่ถือว่าไม่เลวเลยในตำแหน่งฟูลแบ๊ก ทำให้เขามีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2022-23
● มิดฟิลด์ตัวรับ : โรดรี้ (แมนฯซิตี้)
มิดฟิลด์ตัวรับจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการคว้า 3 แชมป์ จาก 4 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม โดยมีส่วนสำคัญในการจ่ายบอลเปลี่ยนจากรับกลายเป็นรุก ฤดูกาลเขาทำสถิติจ่ายสำเร็จมากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง 2,717ครั้ง มีเพียง จอร์จินโญ่ แค่รายเดียวที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์และทำได้มากกว่าในซีซั่น 2018-19 กับเชลซี (2,782 ครั้ง) ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา 1,475 คือจำนวนครั้งที่เขาผ่านบอลในแดนของคู่แข่ง
นอกจากนี้ ยังมีสถิติการครองบอลที่เหนียวแน่น 301 ครั้งเป็นรองแค่ เดแดลน ไรซ์ จาก “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และยังแย่งบอลจากคู่แข่งมากครองได้ถึง 50 ครั้ง โรดรี้ จบฤดูกาลนี้ด้วย 6 แอสซิสต์ เทียบเท่ากับ 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา
● มิดฟิลด์ตัวรับ : เดแคลน ไรซ์ (เวสต์แฮม)
แม้ว่าฤดูกาลนี้ผลงานของต้นสังกัดอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะย่ำแย่ต้องมาหนีตาย และจบด้วยอันดับ 14 ของตาราง แต่ผลงานสวนตัวของ เดแคลน ไรซ์ ยังคงยอดเยี่ยมรักษามาตรฐานการเล่นอยู่ในระดับสูงด้วยการลงสนามไป 37 เกมยิงได้ 4 ประตู มากที่สุดนับตั้งแต่เทิร์นโปรเล่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แข้งเนื้อหอมที่ตกเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ มีสถิติการครองบอลเหนือคู่แข่งเหนือกว่าใคร 334 ครั้ง แถมยังตัดบอลได้มากที่สุด 63 ครั้ง เข้าสกัด 79 ครั้ง เขายังทำหน้าที่พาบอลขึ้นไปโจมตีคู่แข่งได้ถึง 702 ครั้ง วัดเป็นระยะทาง 7,136 เมตร
นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นมิดฟิลด์จอมวางบอลยาวสำเร็จ 151 ครั้ง มีมิดฟิลด์เพียง 3 รายที่ทำได้มากกว่าเขาในฤดูกาลนี้ ส่วนระยะวิ่งของเขาคือ 412 กิโลเมตร จาก 37 เกม เป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้เทียบเท่ากับการวิ่งมาราธอน 10 ครั้ง
เควิน เดอ บรอยน์ กับพาร์ทเนอร์คนใหม่ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ เติมความโหดให้ซิตี้
● มิดฟิลด์ตัวรุก : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี้)
เจ้าของ “ราชันย์แห่งแอสซิสต์” คนปัจจุบันก่อนเริ่มฤดูกาลเขาจ่ายให้เพื่อนยิงประตูไว้ที่ 86 ครั้ง ใน 7 ซีซั่นที่ผ่านมา รั้งอันดับ 8 ตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาทำเพิ่มได้อีก 16 ครั้ง ทำให้ตอนนี้สถิติแอสซิสต์ตลอดกาลในพรีเมียร์ลีกของเขาเพิ่มไปเป็น 102 ครั้ง รั้งอันดับ 4 ร่วมกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด และตามหลังอันดับ 3อย่าง เวย์น รูนี่ย์ อยู่ 1 ครั้ง
เขาสร้างโอกาสให้กับทีมไปทั้งหมด 98 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นอันดับ 3 รองจาก บรูโน่ เฟอร์นานเดส และคีแรน ทริปเปียร์ แต่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในลีก 16 ครั้ง
พร้อมยิงไป 7 ประตู ซึ่งเป็นการครองอันดับแอสซิสต์ประจำฤดูกาลเป็นหนที่ 4 เข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ 8 ใน 16 แอสซิสต์ของเขาเป็นการป้อนบอลให้กับ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดสำหรับคู่หูในหนึ่งฤดูกาล โดยรวมแล้วเขาจ่ายบอลให้ดาวยิงชาวนอร์เวย์ได้มีโอกาสส่องประตูไปทั้งหมด 26 ครั้งและคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นสมัยที่ 5 กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
● มิดฟิลด์ตัวรุก : มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซน่อล)
ถือว่าเป็นฤดูกาลที่จอมทัพชาวนอร์เวย์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยการพา “ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล บินสูงเป็นผู้นำในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างยาวนานก่อนจะมาเสียแชมป์ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเขายิงในลีกถึง 15 ประตู และ 7 แอสซิสต์ เพิ่มจากเดิมในฤดูกาลก่อนถึง 2 เท่า (7 ประตู 4 แอสซิสต์)
เขาอยู่ในอันดับ 5 ในการสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำประตูทั้งหมด 76 ครั้ง และอันดับ 4 ในการจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง 1,017 ครั้ง มี แอสซิสต์รองหรือส่วนร่วม
ในการทำประตูมากที่สุดคือ 9 ครั้ง แถมยังเป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ยิงประตูมากที่สุดในฤดูกาลนี้ 15 ประตู เทียบเท่ากับสถิติเดิมของรุ่นพี่อย่าง เชสก์ ฟาเบรกัส ที่เคยยิงให้กับอาร์เซน่อลเมื่อฤดูกาล 2009-10
โอเดการ์ด มีส่วนสำคัญในการสร้างเกมรุกของ อาร์เซน่อล บอลมักจะมาเริ่มต้นที่เขาอยู่เสมอทั้งการเซตบอล, การหาจังหวะจบสกอร์ด้วยตัวเอง และสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมแล้ว 232 ครั้ง แม้ว่าฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ต้องผิดหวังกับการชวดคว้าแชมป์ลีกที่รอคอยมาอย่างยาวนาน แต่ผลงานส่วนตัวของเขาถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ
● กองหน้า : เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ (แมนฯซิตี้)
คงไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรมากมาย สำหรับหัวหอกรายนี้ ที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลแรกก็สร้างสถิติมากมาย ยิงไปถึง 36 ประตู ทุกสถิติเดิมของ แอนดี้ โคลและอลัน เชียเรอร์ เคยทำไว้เท่ากัน 34 ประตู ในการเป็นผู้เล่นที่ยิงได้มากที่สุดภายในหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถมยังมีแอสซิสต์อีก 8 ครั้ง ทำให้เขามีส่วนร่วมในการได้ประตูของ แมนฯซิตี้ ถึง 44 ลูก เทียบเท่ากับที่ เธียร์รี่ อองรี ตำนานของอาร์เซน่อลเคยทำไว้
นอกจากนี้ยังเป็นผู้เล่นที่ทำแฮททริกได้ถึง 4 ครั้ง ภายในฤดูกาลเดียว ซึ่งสวนทางกับสถิติในการสัมผัสบอลเฉลี่ยแค่ 27 ครั้งต่อ 90 นาที ในฤดูกาลนี้ แต่จบด้วยการยิงไป 36 ประตู และ 8 แอสซิสต์ โดย 36 ประตู ที่เขาทำได้มากจากโอกาสทิ้งไปทั้งหมด 123 ครั้ง ถือว่าดีที่สุดในบรรดาผู้เล่นที่ลงสนาม 100 นัด
ทำให้เจ้าตัวผงาดเหมาะสองรางวัลยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 ทั้งนักเตะยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยม ภายในปีแรกที่ย้ายมาค้าแข้งที่เมืองผู้ดี
● กองหน้า : แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
หัวหอกจาก “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าต้นสังกัดของเขาจะมีฤดูกาลที่ย่ำแย่ก็ตาม ซีซั่นนี้เขายิงไปในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไป 30 ประตู และ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 38 เกม เป็นรองแค่ “จอมมารบู” เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าเป็นฤดูกาลที่สองที่เขาสามารถยิงได้ถึง 30 ประตูในพรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่มีการทำแฮททริกเลย และเป็น 26 ประตูจากเกมที่แตกต่างกัน กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงในเกมเยือนได้เกิน 100 ประตู (สถิติปัจจุบัน 112 ประตู)
อย่างไรก็ตาม เป็นอีกครั้งที่เขาพลาดรางวัลรองเท้าทองคำ เพราะฤดูกาล 2017-18 ที่ยิงได้ 30 ประตู ก็ยังไม่เพียง เนื่องจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยิงได้มากกว่า 32 ประตู สถิติโดยรวมของ แฮรี่เคน ถือว่าน่าประทับใจ 30 ประตู เกิดขึ้นจากโอกาส 130 ครั้งยิงเข้ากรอบ 63 ครั้ง 27 ประตู ทำได้ในกรอบเขตโทษ ส่วนอีก 3 ลูกมาจากการยิงนอกกรอบ
นอกจากนี้ แฮร์รี่ เคน ยังถือว่าเป็นผู้เล่นที่ทำงานหนักเพื่อทีมระยะทางในการวิ่งของเขาคือ 395 กิโลเมตร ซึ่งรั้งอันดับ 8 ของนักเตะที่วิ่งเยอะสุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ และมากที่สุดสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า
เขากำลังจะอายุครบ 30 ปี ก่อนเริ่มฤดูกาล 2023-24 ตอนนี้เรายิงไปแล้ว 213 ประตู รั้งอันดับ 2 ดาวซัลโวตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องการอีก 47 ประตูเพื่อทาบสถิติของ อลัน เชียเรอร์ ที่ทำไว้ 260 ประตู น่าสนใจว่าอนาคตของเขาจะอยู่ได้อีก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต่อไปหรือไม่ หรือมองหาทีมใหม่เพื่อโค่นสถิตินี้
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี