“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ประกาศแต่งตั้ง เอ็นโซ มาเรสก้า ผู้ช่วยโค้ชทีม “เรือบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของรางวัลเทรเบิลแชมป์เป็นผู้จัดการทีม โดยสัญญาจะยาวไปจนถึงปี 2026

น่าสนใจก็คือ ตัวเต็งชุดแรกนั้นไม่มีชื่อของ มาเรสก้า อยู่เลยในลิสต์ โดยมี คาร์ล โฮฟเคนส์ กับ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ เป็นเต็ง 1 ร่วมกันที่ 2/1, ดีน สมิธ 9/4, สตีเวน เจอร์ราร์ด - 7/2, คีแรน แมคเคนนา - 8/1, ราฟา เบนิเตซ - 10/1, มาร์ติน โอนีล - 10/1, ยอน ดาห์ล โทมัสสัน - 10/1, สตีฟคอตเทอริล - 16/1, แดเนียล ฟาร์เค่ - 16/1, เกรแฮมพอตเตอร์ - 16/1 และอดัม แซดเลอร์ - 16/1

เลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งรูดตกจากพรีเมียร์ลีก ไปยัง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เลือกกุนซือสมองใสชาวอิตาลี วัย 43 ปี เข้าร่วมทัพเพียงหกวันหลังจากชัยชนะนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า นั้น แมนเชสเตอร์ซิตี้ ชุด 2 หรือ Manchester City F.C. EDS and Academyได้คว้าแชมป์ PL2 ด้วยการทำคะแนนทิ้งรองแชมป์ถึง 14 คะแนนในปี 2020/21 ซึ่งเป็นช่องว่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน

เขาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยคนล่าสุดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก่อนจะมาเป็นผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้

เขาได้เข้ามาแทนที่ ดีน สมิธ กุนซือชั่วคราวที่คุมทีมเก็บชัยชนะเพียง 2 นัดจาก 8 เกม ก่อนที่จะล้มเหลวในการทำทีมรอดพ้นการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ซึ่ง สมิธ พร้อมกีบผู้ช่วยของเขาอย่าง เคร็ก เชกสเปียร์ และโค้ช จอห์น เทอร์รี่ ก็ต้องไปด้วยกันที้งหมด หลังจบเดือนมิถุนายนนี้

“เรามีฤดูกาลใหญ่รอเราอยู่” มาเรสก้า กล่าวหลังได้รับการแต่งตั้ง “ในตอนเริ่มต้น เป้าหมายคือเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากตรงนั้น เราสามารถสร้างความคิดและปรัชญาของเราวันแล้ววันเล่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพยายามเอาชนะเกม”

“อย่างแรกเลย เราจะทุ่มเท 100% อย่างแน่นอน เพราะสโมสรสมควรได้รับสิ่งนี้ มันเป็นงานของเรา หน้าที่ของเราที่จะทำเช่นนั้น จากนั้นอย่างที่ผมพูด วันแล้ววันเล่า ทีละขั้นตอน แน่นอนเรากำลังจะนำไปปรับปรุงให้ทุกอย่างไปในทิศทางที่ดี”

การย้ายมาที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของ มาเรสก้า นับเป็นการสิ้นสุดปีที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล โดยเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมแบ๊กรูมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา

ที่ผ่านมา เขาเคยไม่ประสบความสำเร็จในช่วงเวลา 180 วันในฐานะผู้จัดการทีมปาร์ม่าในปี 2021 โดยคุมทีมชนะเพียง4 นัดจาก 14 เกม ทำให้ต้องลงจากตำแหน่ง เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2021 และกลับมาเกาะอังกฤษอีกครั้ง เมื่อกลางปีที่แล้ว เป๊ป ให้โอกาสเขามาแทนที่ ฆวนม่า ริโญ่ ที่ไปตะวันออกกลาง

สำหรับ เลสเตอร์ กลับมาสู่แชมเปี้ยนชิพเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีหลังจากฤดูกาลที่เลวร้ายซึ่งทำให้พวกเขาจบอันดับที่ 18 ของตาราง โดยได้รับชัยชนะในพรีเมียร์ลีกเพียง 9 ครั้งเท่านั้นจาก 38 เกม

การตกชั้นนำมาซึ่งจุดจบอันน่าอนาถของความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับทศวรรษของสโมสร ที่ได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016 และเอฟเอ คัพ ปี 2021 โดยมาเรสก้าจะเข้ารับตำแหน่ง และนำทีมลงทำการฝึกซ้อมเป็นครั้งแรกในวันที่ 3 กรกฎาคม

หลังจากเลื่อนชั้นเป็นแชมเปี้ยนชิพในปี 2014 “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในอีก 2 ปีต่อมา ก่อนจะไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก, คว้าแชมป์เอฟเอ คัพและเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของรายการยุโรป เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ก่อนจะทำช็อกด้วยการตกชั้น

แล้วมาเรสก้าคือใครจะไหวหรือ?

กุนซือชาวอิตาลีคลุกคลีกับฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนานระหว่างอาชีพการเล่นและการฝึกสอนที่หลากหลาย

เขาเป็นมิดฟิลด์วัยรุ่นตอนที่ย้ายไปร่วมทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งใช้เวลา 2 ปีก่อนที่เขาจะย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส

จากนั้นย้ายไปสเปนเพื่อเล่นให้เซบีญ่า ซึ่งเขาคว้าแชมป์ได้ 5 รายการ รวมถึงยูฟ่า คัพ 2 สมัย

4 ฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จของเขานั้นยาวนานที่สุดที่เขาอยู่กับสโมสรเดียว

มาเรสก้า เคยเล่นให้โอลิมเปียกอส ในกรีซ จากนั้นกลับไปสเปน เล่นกับมาลาก้า ก่อนจะกลับไปอิตาลี อีกที ซึ่งเป็นการสิ้นสุดอาชีพค้าแข้งในเซเรีย บี กับ เฮลลาส เวโรน่า เมื่อ 6 ปีก่อน

อาชีพการเป็นโค้ชของเขานั้นมีความหลากหลาย เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่ อัสโคลี่ ก่อนที่จะกลับไปเป็นโค้ชที่เซบีญ่า จากนั้นย้ายไปอังกฤษในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมเวสต์แฮม ภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่

ประสบการณ์ครั้งแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีมชุดใหญ่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าน่าเศร้าที่ปาร์ม่า แต่การร่วมงานกับกวาร์ดิโอล่า เหมือนทำให้เขาเกิดใหม่ ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดด้วยความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อซีซั่นที่เพิ่งจบไป

นี่คือกุนซือลำดับที่ 14 ที่ทั้งคุมทัพถาวร และชั่วคราวของ เลสเตอร์ ในยุคตั้งแต่ตระกูลศรีวัฒนประภา เข้าไปเทคโอเวอร์ เมื่อปี 2010

กุนซือถาวรก็มี เปาโล ฟูเตร้, สเวน-โกรัน เอริคส์สัน,ไนเจล เพียร์สัน, เคลาดิโอ รานิเอรี่, เคร็ก เช็กสเปียร์, โคล้ดปูแอล และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่เหลือก็จะมาช่วยงานขัดตาทัพโดยเฉพาะ ไมค์ สโตเวลล์ อาจเป็นคนที่มีสถิติคุมทัพแบบชั่วคราวมากสุดก็ได้ เพราะทำหน้าที่ไปแล้วถึง 6 ครั้ง และ 4 ในนั้นคือยุคที่คนไทยป็นเจ้าของ

ขึ้นแล้วลงยาก เมื่อลงแล้วก็ขึ้นยากเช่นกันของบอลอังกฤษ หลายทีมโดนพิษแบบนั้น อาทิ ลีดส์, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, โบลตัน, อิปสวิช แต่ก็มีอีกหลายทีมเช่นกันที่ลงแล้วเดี๋ยวเดียวก็กลับมาได้ ซึ่งเราจะเห็นได้จากเคสของ เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน, นอริช ซิตี้, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กระทั่ง ฟูแล่ม รวมไปถึง เบิร์นลี่ย์

ได้ลุ้นกันแบบโชกโชนอย่างแท้จริง............

บี แหลมสิงห์