เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทีมข่าวกีฬาแนวหน้าได้ทำการเขียนไทม์ไลน์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับวงการฟุตบอลไทยเพราะมันรุงรังตลอดทั้งเจ็ดวัน
ยิ่งไปกว่านั้นวันหวยออก 1 กรกฎาคมกลายเป็นเสมือนว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งในตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย บางคนบอกว่า เหมือนนั่งดูซีรี่ส์ !!!
ท้ายสุดแล้ว ซีรี่ส์ภาค “ตัวประกันบอลไทย” จบลงอย่างรวดเร็วรวมระยะเวลา 4 วัน
4 วันที่ทำให้วงการฟุตบอลไทยใจหายใจคว่ำ เพราะเหมือนเอาตัวไปแตะขอบเหว เอาเอวไปสัมผัสนรก มีโอกาสโดนฟีฟ่าแบนจากการโดนลงโทษ จากข้อหาแทรกแซงทางการเมือง
นับตั้งแต่เริ่มสาดกระสุนแรกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณและ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ไม่ลดราวาศอก ตอกกลับไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ
วันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. 2566 กระสุนห่าใหญ่จาก พล.อ.ประวิตร พูดในที่ประชุมสมัชชาโอลิมปิคแห่งประเทศไทย จวกสมาคมกีฬาฟุตบอล จากผลงานซีเกมส์ ไม่ได้เหรียญทอง แถมนักเตะมีเรื่องกันบอก นายกต้องลาออก โค้ชก็ต้องลาออก เพราะทำประเทศชาติเสียหาย ทีวีถ่ายทอดสดบอลซีเกมส์ไปทั่วโลก คนไทย 70 ล้านคนอับอาย
ร้อนถึง “เดอะเฮง” วิทยา เลาหกุล ที่ไม่เคยโพสต์เฟซบุ๊กมา 7 เดือน ของขึ้น โพสต์บอกว่า กำลังสุ่มเสี่ยงโดนฟีฟ่าแบน จากการแทรกแซง บอกที่ผ่านมาการเมืองไม่เคยมาสนับสนุนเลย
จากนั้นในวันเสาร์ที่ 1 ก.ค. 2566 ก่อนหวยจะกินค่อยประเทศความเดือดบังเกิด พล.ต.อ.สมยศ แถลงข่าวแต่เช้า จะลาออกตามคำสั่ง พล.อ.ประวิตร พร้อมตีโอบไปทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นคนชี้ช่องให้ พล.อ.ประวิตร พูด บอกจะแจ้งฟีฟ่า, เอเอฟซี,เอเอฟเอฟ ว่าออกเพราะโดน พล.อ.ประวิตร สั่งการ เป็นเรื่องต้องชี้แจงเหตุผล วงการบอลไทย ยิ่งถลำสู่โอกาสโดนแบนมากขึ้น
หมายความว่า ถ้าออกเมื่อไหร่ สภากรรมการหมดอายุด้วย ต้องเลือกตั้งใหม่ใน 90 วัน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะยื่นใบลาออกวันไหน
วันเดียวกัน สื่อโลก เริ่มตีข่าวความขัดแย้งวงการบอลไทย พร้อมกับมีการพูดกันว่าจะกระทบการเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่ฟีฟ่า “ฟีฟ่า คองเกรส” ในปีหน้า ที่อาจโดนฟีฟ่าดึงกลับ!!!
จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค. 2566 พล.ต.อ.สมยศ ย้ำอีกทีจะลาออก เพราะ พล.อ.ประวิตร สั่ง แต่กำลังดูให้เป็นไปตามลักษณะข้อบังคับปกครอง พร้อมกับระบุว่า ฟีฟ่า สนใจสอบถาม เตรียมทำหนังสือให้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร
ฟากฝั่ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาฯโอลิมปิกไทย ออกมาค้ำว่า พล.อ.ประวิตร พูดเพราะเป็นเป้าหมายของทัพไทย ไม่ได้แทรกแซง ไม่มีการนำการเมืองมาเกี่ยวข้อง
“บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฯ และอดีตฟีฟ่าเมมเบอร์ บอก พล.อ.ประวิตร พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ, พล.ต.อ.สมยศควรแสดงสปิริตลาออก แต่ไม่ลาก็แล้วแต่ เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แทรกแซงไม่โดนแบนหรอก
น่าสนใจก็คือ ถ้ามีการลาออกตอนนี้ คุณวรวีร์ สามารถลงสมัครได้เนื่องจากอายุยังอยู่ในเกณฑ์!!??
ส่วน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า พล.ต.อ.สมยศ ลาออกได้ บอลไทยเดินหน้าต่อ สำนักเลขาธิการดูแลแทน ลาออกเมื่อไหร่ ต้องเลือกตั้งใหม่ใน 90 วัน จากนั้นในวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. 2566 กลายเป็นพล.ต.อ.สมยศ ล็อกเป้า เล่น พล.ต.อ.ประวิตร ตรงๆ ไม่อ้อมไป พล.อ.ยุทธศักดิ์
บอกเรื่องแบนบอลไทย ตนไม่ใช่ต้นเหตุ ต้องไปถาม พล.อ.ประวิตร ตนเองก็มีศักดิ์ศรี ทำไมไม่เรียกไปคุย กลับประจานในที่ประชุม ตนก็มียศ พล.ต.อ.
ฟีฟ่าเมมเบอร์ที่ทราบเรื่องบอกเข้าข่ายแทรกแซง ล้านเปอร์เซ็นต์ คนบอกไม่แทรกแซงคือพวกไดโนเสาร์ล้านปี แต่จะพยายามทำดีที่สุด ไม่ทำร้ายคนไทย จึงตัดสินว่า “ตอนนี้ยังไม่ลาออก” และผู้ว่าการกกท. ไม่สามารถเซ็นใบลาออกได้!!!! เป็นคำพูดก่อนประชุมสภากรรมการสมาคมบอลไทย
หลังจากการประชุมจบลง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษก สมาคมบอลฯ บอกว่าสภากรรมการมีมติเอกฉันท์ ไม่ให้ พล.ต.อ.สมยศ ลาออก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น บอลไทยโดนลงโทษแน่นอน
แม้ พล.ต.อ.สมยศ บอกกับสภาว่า จะลาออกด้วยเหตุผลอื่น ก็ไม่ได้ เพราะจังหวะมันชี้ชัด พล.อ.ประวิตร ไล่ให้ลาออก พอรุ่งขึ้นก็ประกาศลาออก
เมื่อไม่ลาออก ก็ไม่โดนฟีฟ่าแบนแน่ เพราะ “ความผิดไม่สำเร็จ” ดีใจหรือไม่ครับที่บอลไทยไม่โดนฟีฟ่าแบนแล้ว นี่คือการท้าประลองกำลังครั้งสำคัญ ซึ่งไม่มีใครว่าอะไรหรอก ถ้าหากไม่มี บอลไทย เป็นเงื่อนไขให้ซัดกัน
อนิจจาอนิจจังลูกหนังบ้านเราอย่างแท้จริง…..
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี