เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เฟซบุ๊ก “คุ้มพระลอเรซซิ่งทีม T96 โพสต์แจ้งข่าวการเสียชีวิตของ นาย ชลอ เกิดเทศ อดีตนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี เพชรซาอุดิอาระเบีย ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 85 ปี ภายหลังเข้ารับการรักษาอาการป่วย โดยระบุข้อความว่าขอให้ป๋าลอ อดีต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เดินทางสู่สุขคติ หลับพักผ่อนให้สบายนะครับ ผมลูกบุญธรรมคนนี้ ขอกราบขอบคุณป๋าที่คอยสนับสนุนให้โอกาสผมได้สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติและคุ้มพระลอมาตลอด ขอบคุณป๋าที่รักและดูแลลูกคนนี้นะครับ ผมจะทำความดีตามที่ป๋าสอนจะไม่ลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ให้โอกาสทุกอย่างทุกเรื่องตลอดไปครับ ผมรักป๋าครับ
ประวัติ นาย ชลอ เกิดเทศ เกิด 28 สิงหาคม พ.ศ. 2481 ปัจจุบันอายุ 85 ปี เป็นอดีตนายตำรวจคนดังที่เข้าไปพัวพันกับเรื่องเพชรซาอุดิอาระเบีย ต่อมากลายเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าแม่ลูก ศรีธนะขัณฑ์ จากคดีนี้เองทำให้ตัวเขาถูกถอดยศ พล.ต.ท.พร้อมกับถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2553 ทั้งนี้ นายชลอ ได้พระราชทานอภัยโทษใน พ.ศ.2553 เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต จากนั้นในปี 2554 เหลือโทษจำคุก 50 ปีและใน พ.ศ. 2556 ชลอได้รับการพักโทษและปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางบางขวาง
ต่อมาในปี 2560 นายชลอ ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่ ในวัย 79 ปี ได้นามฉายาว่า “อิสสโร” แปลว่า “ผู้มีอิสระ” ความเกี่ยวข้องกับคดีเพชรซาอุนั้น โดยจุดเริ่มของคดีการขโมยเครื่องเพชรของราชวงศ์ซาอุนั้น โดยลูกจ้างชาวไทยในปี 2532 ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและไทยเสื่อมลง เป็นเวลามากกว่า 30 ปี ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางการซาอุดีอาระเบียแจ้งว่า เพชรสีน้ำเงินและเครื่องเพชรส่วนใหญ่หายไป ทางการซาอุดีอาระเบีย ส่งข้าราชการเข้ามาสืบสวนเอง แต่ถูกลักพาตัวไม่ก็ลอบฆ่า เรื่องที่อยู่ของเพชร ปัจจุบันและผู้ก่อเหตุฆ่านักการทูตชาวซาอุดีอาระเบียยังเป็นปริศนา
ชุดสืบสวนของพลตำรวจโท ชลอ เกิดเทศ ถูกพิพากษาลงโทษในหลายคดี เช่น อุ้มฆ่าภรรยาและลูกของพ่อค้าเพชร และยักยอกของกลางจุดเริ่มต้นที่แท้จริง เกิดจากการที่นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ซึ่งเป็นแรงงานชาวไทยที่ได้เดินทางไปทำงานยังประเทศซาอุดีอาระเบีย และถูกจัดให้เข้าไปทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด ภายในพระราชวังของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย เขาเริ่มการโจรกรรมในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2532 เมื่อนายเกรียงไกร เข้าไปทำงานในพระราชวัง จึงได้เห็นช่องทางในการขโมยเครื่องเพชรดังกล่าว เพราะเครื่องเพชรเหล่านั้นมีจำนวนมากและถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง แม้แต่ตู้นิรภัยก็ยังถูกเปิดทิ้งเอาไว้
นายเกรียงไกร อาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายซาอุ แปรพระราชฐานไปพักผ่อนในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในเดือนธันวาคม 2532 ทำการขโมยเครื่องเพชร 91 กิโลกรัม (200 ปอนด์) ซึ่งรวมไปถึงเพชรน้ำเงินกับอัญมณีอื่น ๆ รวม 50 กะรัต โดยแอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง เมื่อได้เครื่องเพชรมาแล้ว นายเกรียงไกรใช้วิธีส่งเครื่องเพชรกลับมายังประเทศไทยล่วงหน้า ด้วยบริการขนส่งพัสดุทางอากาศ ปะปนกับเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัว ซึ่งด่านศุลกากรของทั้งสองประเทศไม่สามารถตรวจพบ เมื่อทำการโจรกรรมเรียบร้อยแล้ว นายเกรียงไกรได้เดินทางกลับประเทศไทยทันที ก่อนที่เจ้าชายซาอุจะเสด็จกลับมายังพระราชวัง ทั้งที่เหลือเวลาทำงานตามสัญญาอีก 2 เดือน
เครื่องเพชรดังกล่าวถูกนำมายังจังหวัดลำปาง เนื่องจากเครื่องเพชรเหล่านั้นแยกยาก เขาจึงขายมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยเครื่องเพชรส่วนใหญ่ถูกขายให้กับช่างทำเพชรพลอยชาวกรุงเทพนาย สันติ ศรีธนะขัณฑ์ หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประสานมายังรัฐบาลไทย ขอให้ติดตามเครื่องเพชรประจำราชวงศ์ส่งคืนอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น คือ พลตำรวจเอก ประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตภาคเหนือ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย หลังจากนั้นเมื่อนายเกรียงไกร ถูกชุดสืบสวนของ
พล.ต.ท.ชลอ จับกุมและนำตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพ และให้การถึงบุคคลที่รับซื้อเครื่องเพชรไป เนื่องจากเกรงว่าจะถูกจับส่งไปดำเนินคดีที่ซาอุฯ ซึ่งมีโทษเพียงสถานเดียว คือ "แขวนคอ" ทำให้ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ในข้อหาลักทรัพย์ 7 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือ 3 ปี 6 เดือนทางการไทยส่งตัวแทนไปคืนเครื่องเพชร แต่ทางการซาอุดิอาระเบีย พบว่าเพชรสีน้ำเงินหายไป และเครื่องเพชรประมาณครึ่งหนึ่งเป็นของปลอม นอกจากนี้ มีข่าวลือในสื่อไทยว่าภาพถ่ายในงานเลี้ยงการกุศลพบว่าภรรยาของข้าราชการหลายคน สวมสร้อยคอเพชรที่คล้ายกับเครื่องเพชรที่ถูกโจรกรรมจากซาอุดีอาระเบีย ทำให้ซาอุฯสงสัยว่าตำรวจไทยยักยอกเครื่องเพชรเอาไว้เอง
การย้อนรอยตามหาเพชร โดยคณะทำงานของ พล.ต.ท.ชลอ เริ่มต้นที่กลุ่มญาติของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อ.ตร. แต่ภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบไม่พบว่ามีมูลความจริง นอกจากนี้นักการเมือง ตลอดจนคุณหญิง คุณนาย และ "คนมีสี" หลายคนก็ถูกกล่าวหาว่ามีการจัด "ปาร์ตี้เพชรซาอุ" ในสโมสรแห่งหนึ่งระหว่างนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิค โคจา อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ได้ว่าจ้าง "ชุดสืบสวนพิเศษ" เพื่อแกะรอยอย่างลับๆ ตามหาเครื่องเพชรราชวงศ์แห่งซาอุดีอาระเบียขณะเดียวกัน นายมะหะหมัด อัล รูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ซาอุฯ เดินทางมายังกรุงเทพมหานครเพื่อสืบสวนด้วยตนเอง เขาหายสาบสูญไปในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533 และสันนิษฐานว่าถูกสังหาร ก่อนเขาหายตัวไป นักการทูตชาวซาอุดีอาระเบียก็ถูกฆ่าในย่านสีลม เขตบางรัก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 มีนักการทูตชาวซาอุดีอาระเบียเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คนในย่านยานนาวาด้วยซึ่งคดีเหล่านี้ยังไม่ได้ข้อยุติมาจนปัจจุบัน
ถึงแม้ไม่มีความเชื่อมโยงว่ารัฐบาลไทยเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมเครื่องเพชร แต่ทางการซาอุดีอาระเบียเชื่อว่ารัฐบาลไทยดำเนินการไม่เพียงพอในการไขปริศนาเกี่ยวกับการฆ่านักการทูตซาอุดีอาระเบียประกอบกับ สร้อยพระศอของราชวงศ์ไทยคือบลูแซฟไฟร์มีลักษณะคล้ายกับบลูไดมอนด์ของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียมากๆมีผลให้สัมพันธภาพของไทยกับซาอุดิอาระเบียขาดจากกันไปนานกว่า33ปี
มีสมมุติฐานหลายประการเกี่ยวกับเหตุการณ์ฆ่าดังกล่าว โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา นักการทูตชาวซาอุดีอาระเบีย เชื่อว่ามีนายตำรวจ 18 นาย เกี่ยวข้องกับการหายไปของเพชร และเชื่อว่าตำรวจเป็นผู้ลงมือฆ่านักการทูตชาวซาอุดีอาระเบียสามคน ด้านบันทึกการทูตในปี 2553 จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยที่เผยแพร่โดยวิกิลีกส์ระบุว่า การฆ่าดังกล่าว"แทบแน่นอน ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบาดหมางระหว่างซาอุดีอาระเบียกับกลุ่มติดอาวุธเลบานอนฮิซบุลลอฮ์พลตำรวจโท ชลอ เกิดเทศ กลับมาทำคดีนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ได้ทุกวิถีทางในการนำเพชรที่เหลือกลับคืนมาให้ได้
จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายฯ แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร แต่เขายืนยันว่าคืนให้หมดแล้ว ในปี 2537 ชุดปฏิบัติงานของตำรวจลักพาตัวภรรยาและลูกของสันติเพื่อบีบให้เขาคืนเพชรให้ จนสุดท้ายฆ่าปิดปากทั้งสองโดยจัดฉากให้ดูเหมือนอุบัติเหตุจราจรต่อมาทีมสอบสวนชุดใหม่กลับสืบพบว่าเป็นการอุ้มฆ่า จึงได้ทำการจับกุมตัว พล.ต.ท.ชลอ และลูกน้องทั้ง 9 คน มาดำเนินการทางกฎหมาย
พล.ต.ท. ชลอถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานออกคำสั่งฆ่าสองแม่ลูกในปี พ.ศ. 2538 และในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ และศาลฎีกาก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ยืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต ต่อมาเขาได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี ตำรวจอีก 6 นายถูกพิพากษาว่ามีความผิดด้วย และได้รับพระราชทานอภัยโทษในปี 2558 ตำรวจนายหนึ่งในชุดทำงานยังถูกพิพากษาลงโทษฐานยักยอกเงินของกลางในปี 2557ในวันที่ 22 มีนาคม 2562 ศาลฎีกาพิพากษาปล่อยตัวนายตำรวจห้านายในคดีลักพาตัวและฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย
ผลจากเรื่องดังกล่าว ซาอุดีอาระเบีย ยกเลิกการตรวจลงตราทำงานให้กับคนไทย และประกาศเตือนคนในประเทศไม่ให้เดินทางมายังกรุงเทพมหานคร ทำให้จำนวนคนงานไทยในซาอุดีอาระเบียลดลงจาก 150,000 คน ในปี พ.ศ. 2532 เหลือเพียง 10,000 คน ในปี พ.ศ.2549ความสัมพันธ์ดังกล่าวค่อยกลับมาเป็นปกติในปี 2565 ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีการเยือนระดับผู้นำรัฐบาลครั้งแรกในรอบ 30 ปี หลังการลดความสัมพันธ์มายาวนาน
กระทั่งนาย ชลอ เกิดเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญคดีเพชรซาอุฯ มาเสียชีวิตลงในวันนี้ ถือเป็นการปิดตำนานสิงห์เหนือ เจ้าพ่อแห่งคุ้มพระลอโดยสมบูรณ์ แต่ทว่าคดีที่เกี่ยวกับเพชรซาอุฯ ก็ยังมีความคลุมเครือในหลายๆเรื่อง แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวก็จะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา และไม่มีคำตอบเฉกเช่นวันนี้
พลตำรวจโทชลอนั้นมีสมญาว่าสิงห์เหนือเป็นอดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นมือปราบปรามนายโส ธนะวิสุทธิ์และเสี่ยโต้งนายกัมพล ตันสัจจาร่วมกับพลตำรวจเอกสล้าง บุนนาคเสือใต้ที่ไปจับนายโสและนายกัมพลที่รัฐคาลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกากลับมาด้วย นายชลอยังเป็นลูกพี่ของบิ๊กคกพลตำรวจโทเจตนากร นภิตะภัฎ อดีตนักรักบี้ฟุตบอลทีมชาติไทยสโมสรตำรวจกับนายวิโรจน์ นวลแข,นายวันชัย หงษ์เหิร,นายชูวงศ์ บุนนาค,นายคมจักร ศักดิ์ศรี,นายฉัตรขัย ศรีสมวงศ์และนายเขจร ศิริวรรณ จากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี