ถ้าเป็นปกติ ก็จะไม่ใช่ “อังกฤษ”อย่างแน่นอน
ดังนั้น ปฏิบัติการการพักเบรกฤดูหนาวของพรีเมียร์ลีก หรือเบรกกลางฤดูกาล ที่กลับมาอีกครั้งในฤดูกาลนี้ก็จะไม่เหมือนที่อื่นล้านเปอร์เซ็นต์
การพักก่อนหน้านี้ครั้งเดียวเกิดขึ้นในปี 2020 การพักเบรกเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 26 และฟุตบอลโลกฤดูหนาวปีที่แล้วในกาตาร์ เท่านั้น
นี่คือวิธีการทำงานของพวกเขา
...แทนที่ลีกจะต้องหยุดโดยสิ้นเชิงเหมือนที่เราเห็นในสเปน, เยอรมนีและ ฝรั่งเศส ที่แต่ละสโมสรจะได้“พักพร้อมกัน” แต่ที่นี่ “พักไม่พร้อมกัน”
การพักเบรกจะแบ่งออกเป็นสองสุดสัปดาห์ และทำให้ละม้ายคล้ายว่า “เตะต่อเนื่อง” ดังนั้น นั่นหมายความว่าการแข่งขันแมทช์เดย์ที่ 21 จะใช้เวลาร่วม 2 สัปดาห์ โดยแต่ละสัปดาห์มี 5 เกม
หมายความว่ามี 10 ทีม ลงเล่นในสุดสัปดาห์หนึ่ง และได้หยุดตามหลัง ส่วนอีก 10 ทีม ที่เหลือจะพักล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ และค่อยกลับมาลงเล่น
ดังนั้น “5 เกมแรก” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 มกราคม ส่วนอีก “5 เกมหลัง” จะจัดขึ้นในช่วงวันที่20-22 มกราคม
แต่แฟนบอลยังจะได้ดูบอลสัปดาห์ละ3 วัน ในทั้งสองสุดสัปดาห์
เริ่มจาก 5 คู่แรก
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 02.45 น. เบิร์นลี่ย์ พบ ลูตัน, วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 19.30 น. เชลซี พบ ฟูแล่ม,00.30 น. นิวคาสเซิ่ล พบ แมนฯซิตี้ และวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 21.00 น. เอฟเวอร์ตัน พบ วิลล่า, 23.30 น. แมนฯ ยูไนเต็ด พบ สเปอร์ส
จากนั้น 5 คู่หลัง
วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 19.30 น. อาร์เซน่อล พบ พาเลซ, 00.30 น. เบรนท์ฟอร์ด พบ ฟอเรสต์, วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 21.00 น. เชฟฯยูไนเต็ด พบ เวสต์แฮม, 21.30 น. บอร์นมัธ พบ ลิเวอร์พูล และวันจันทร์ที่ 22 มกราคม 02.45 น. ไบรท์ตัน พบ วูล์ฟส์
แต่ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศจะเล่นในช่วงพักเบรก รวมถึงทีมใดก็ตามที่ต้องการเล่นรีเพลย์ในเอฟเอ คัพ รอบ 3 การพักก็ต้องลดลงไปอันเป็นผลมาจากเกมพิเศษ
แล้วใครทีมไหนที่ได้ประโยชน์จากการพักมากที่สุด!?!?!?
7 ทีมในพรีเมียร์ลีก-คริสตัล พาเลซ, เอฟเวอร์ตัน, เบรนท์ฟอร์ด, วูล์ฟส์, ลูตัน ทาวน์, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และเวสต์แฮม ต้องเล่นเกมรีเพลย์ในเอฟเอ คัพ รอบสาม
วูล์ฟส์ ที่หะแรกถูกกำหนดให้ได้รับประโยชน์สูงสุดด้วยการพัก 17 วัน แต่จะลดลงไปถึง 5 วัน อันเป็นผลมาจากเกมรีเพลย์
3 ทีมในพรีเมียร์ลีก ที่ตัดเชือกลีกคัพได้แก่ เชลซี, ฟูแล่ม และลิเวอร์พูล มีการพักเบรกลดลง สูงสุุดเพียง 11 วัน
การทำงานบนพื้นฐานที่แต่ละทีมเล่นในวันอังคารที่ 16 มกราคมสำหรับการเล่นรีเพลย์ และวันเสาร์ที่ 27 มกราคม เบิร์นลี่ย์จะได้ประโยชน์สูงสุดจากช่วงเบรกฤดูหนาว ทีมของแว็งซองต์
กอมปานี ถูกกำหนดให้มีเวลา 19 วันเพราะจะกลับมาอีกครั้ง คือ เกมเจอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 31 มกราคม
ไบรท์ตัน ถูกกำหนดให้มีวันหยุด 16 วัน โดย บอร์นมัธ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดมี 15 วัน ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล มีวันหยุด 14 วัน รวมถึง อาร์เซน่อล กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ที่มี 13 วัน
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มีเวลาพักสั้นที่สุดเพียง 9 วัน เนื่องจากรีเพลย์การพักเบรกของเอฟเวอร์ตันก็ลดลงเหลือ 10 วันอันเป็นผลมาจากผลเสมอเอฟเอ คัพ
ปัจจุบันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 12.65 วัน
การแหวกม่านประเพณี เพื่อการพักแข้งระหว่างซีซั่นของเมืองผู้ดีครั้งแรกตกลงกันในเดือนมิถุนายน 2018 โดยสมาคมฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก และลีกฟุตบอลอังกฤษ
FA อธิบายว่ามันเป็น “ช่วงเวลาสำคัญ” โดยกล่าวว่ามันจะ “เป็นประโยชน์อย่างมากต่อสโมสรและประเทศ”
ปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นไปในทางบวกเป็นส่วนใหญ่ พอใช้จริงในปี 2020 “เดอะ สเปเชียล วัน” โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวว่าเขา “ไม่สนใจเรื่องการพักเบรก”
ฟากฝั่ง “นอร์มอล วัน” เจอร์เก้นคล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล รู้สึกรำคาญที่เอฟเอ คัพ รีเพลย์ ทำให้ช่วงพักเบรกสั้นลง โดยเลือกที่จะให้นีล คริตช์ลี่ย์ โค้ชทีมยู-23 คุมทีมเตะรีเพลย์กับ ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์
หลังจากที่ คล็อปป์ พาทีมเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-0 เมื่อวันอาทิตย์และหลีกเลี่ยงการรีเพลย์ กุนซือชาวเยอรมันเรียกมันว่า “โบนัสก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ในขณะที่โธมัส แฟรงค์ กุนซือเบรนท์ฟอร์ดที่เห็นทีมของเขาเสมอกับวูล์ฟส์กล่าวว่า “มันเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดในทุกด้าน”
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือคริสตัล พาเลซเรียกรีเพลย์ ว่า “สิ่งสุดท้ายที่พวกเราทั้งสองทีมต้องการ” หลังจากที่ทีมของเขาเสมอกับเอฟเวอร์ตัน 0-0
ถ้าไม่แปลกก็ไม่ใช่ที่นี่แน่นอน
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี