ทุกนัดที่ลงสนามมีความสำคัญทั้งนั้น
ทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์ “คว้าชัยนัดแรก” ในเกม“นัดแรกของการแข่งขัน” ศึกเอเชียนคัพ
หลายคนสับสนทันทีว่า ชนะนัดแรกเลยเหรอ ซึ่งเปล่านะครับไทยเราชนะมาแล้วก่อนหน้านี้ และอย่างน้อยไม่ต้องนึกอะไรไปไกล เพราะปี 2019 ถ้าเราไม่ชนะ บาห์เรน ในเกมแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 ซึ่งเป็นเกมแรกที่ “โค้ชโต่ย” คุมทัพแทน ราเยวัช
ถามว่าเราจะเข้ารอบน็อกเอาท์ไปได้ยังไง
อย่าลืมง่ายและเข้าใจอะไรยากครับผม
.....นัดที่ 2 ของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในศึกเอเชียนคัพ ครั้งที่ 18 หรือ The 2023 AFC Asian Cup กำลังจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ ดวลกับ “ปีศาจทะเลทราย” ทีมชาติโอมาน
เกมนี้วิธีการของทั้งสองทีมจะต้องไม่เหมือนเดิม
ผลจากนัดแรก ไทยเราเอาชนะ คีร์กิซสถาน 2-0 ขณะที่ โอมาน แพ้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้กับ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ถือว่าเป็น “เรื่องที่ดี”
หลายคนเชียร์ให้ออกผลเสมอ ซึ่งก็ไม่รู้จะให้เสมอมาทำไม ยิ่งจะทำให้เราจะเล่นยากมากขึ้นในอีกสองเกมที่เหลือ
เพราะขนาดได้มา 3 แต้มแล้ว ก็จะยากและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เคยบอกกันไปแล้วว่า “โปรแกรม” มีส่วนสำคัญกับบอลทัวร์นาเมนท์ และเราไม่ต้องคิดอะไรหากนับแรงกิ้งฟีฟ่า นับว่าเราค่อยๆ เจอกับทีมที่มีระดับ รวมถึงอันดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
นั่นหมายความว่า ก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ
“เป้าแรก” นั่นคือ 4 แต้มให้ได้จาก 2 เกมแรก ถือว่านัดแรกเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจาก คีร์กิซสถาน กับ ไทย ระดับการเล่นไม่ได้ต่างกัน อยู่ที่จังหวะในการเล่นในวันนั้นๆ ก่อนที่ ไทยเราจะได้ประตูที่สำคัญมากๆ นั่นคือ “ประตูขึ้นนำ”
จากนั้นการกลับมาเล่นในครึ่งหลังแบบ “รู้ตัวเอง” ของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ไม่ยอมให้มันยืดเยื้อแล้วเมื่อเบียดกันไปมาอาจจะส่งผลที่ไม่พึงประสงค์ ก็เลยเดินหน้าลุยและได้ประตูที่ 2 ปิดเกม
ในเกมที่ “เท่าๆ กัน” แบบนี้ โมเมนตัมจะเหวี่ยงแรงทันทีเมื่อบังเกิดสกอร์
ในเกมกับ โอมาน ก็เช่นเดียวกัน.......
l รับรู้พิษสงของ‘ปีศาจทะเลทราย’
วาดกันเฉพาะในเรื่องของสถิติ นับว่าสูสีกันอย่างมาก เพราะผลัดกันชนะชาติละ 5 และเสมอกันแค่หนเดียว
ประสบการณ์ที่เคยเจอก็คือ เมื่อครั้งผมเป็นพิธีกรให้กับ “เชียร์ไทยพาวเวอร์” ของคุณพินิจ งามพริ้ง (คุณพอลลีน ในปัจจุบัน) ในนัดคัดบอลโลก ปรากฏว่า เราแพ้ โอมาน สบายคาบ้าน 0-1 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2008
จบเกมแฟนบอลรอนักบอลอยู่ด้านนอก คุณพินิจ ค่อยๆ ปลอบแฟนบอล, “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล และผมสลับกันประวิงเวลารอนักฟุตบอลออกมาพบแฟนบอลหน้าสนาม
วันนั้น “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นเฮดโค้ชไทย ทำให้เรารู้ว่า โอมาน เป็นทีมที่เล่นด้วยยาก จะบุกก็ไม่บุก จะรับก็ไม่รับเต็มที่ จะไล่ก็ไม่ไล่ มันยากที่จะเล่นด้วยจริงๆ
เป็นที่มาของการพาดหัวข่าว “บิ๊กโต้งร่ำไห้” เมื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผูู้จัดการทีมประกาศลาออก
ตั้งแต่นัดนั้น รู้สึกว่า “พิษแข้ง” ของ โอมาน ก็ไม่ได้บรรเบาเพราะ 4 นัดจากวันนั้น เราแพ้ไปถึง 3 เกม
l ‘โอมาน’มีวินัย-อดทน-แข็งแรง
ถ้านึกถึงดินแดนตะวันออกกลาง เชื่อว่าชื่อของประเทศต่างๆ จะลอยมาในความคิดทันทีไม่พ้น อิรัก, อิหร่าน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุฯ หรือว่าคูเวต
ตอนหลัง กาตาร์ มาแรงทำให้โลกรับรู้จากการใช้กีฬานำทางทั้งเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ 2006 และฟุตบอลโลก 2022
ยุคใหม่ทำให้ภาพทะเลทรายทอดยาว, ม้าแคระ แกะ อูฐ เดินตามพื้นที่ต่างๆ อาจจะน้อยลง แต่จะได้เห็นภาพความหรูหรา และโมเดิร์นคล้ายโลกอนาคต ที่ฉาบให้เห็น อาทิ ดูไบ, โดฮา หรือว่าโครงการระดับโลกอย่าง ซาอุดีวิชัน 2030
อย่างไรก็ตาม ยังมีเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมแห่งเปอร์เซีย นั่นคือ “มัสกัต” หลายคนนึกภาพไม่ออกว่าอยู่ส่วนไหนของโลก แต่นี่คือเมืองหลวงของโอมาน
ไม่ต่างอะไรกับฟุตบอลของพวกเขาที่ยังคงเป็นสไตล์ของอาหรับ มีวินัยในการเล่น, แข็งแรง และมีความอดทนเป็นเลิศ
นัดแรกพวกเขาสตาร์ทด้วยการเล่นแบบเพชร หรือ 4-4-2ไดมอนด์ แต่พอครึ่งหลังเลือกเปลี่ยนแผนถอด อิสซาม อัล-ซาบฮีหนึ่งกองหน้าออกไปแล้วให้ มาตาซ ซาเละห์ ลงมาเติมกลางอีกคน แล้วอยู่ในแผน 4-3-2-1 หรือแทบจะ 4-5-1 ด้วยซ้ำ ทำให้บอลเหนียวแน่น
ตรงกลางคือจุดเด่น เบอร์ 23 ฮาริบ อัล ซาอาดี้ กัปตันทีมคุมพื้นที่หน้าไลน์ และไม่ค่อยเสียตำแหน่ง แม้กระทั่งตัวเจ๋งๆ ระดับทวีปอย่าง ซาอุดีอาระเบีย ยังเจาะยาก ขณะที่การเล่นของ เบอร์ 10 ยามีล อัล ยาฮามาดี้ กับ เบอร์ 12 อับดุลลาห์ ฟาวาซเป็นตัวเคลื่อน ส่วนหมุดเพชรอย่าง เบอร์ 20 ซาเลาะห์อัล ยาฮะยาอี จะเป็นตัวแจกในพื้นที่คู่แข่ง
ประเด็นคือ กองหน้าของโอมาน ทุกยุคไม่ได้คมมาก แต่ มูห์เซน อาลี อัล-กาฮาสซานี่ ก็เผลอไม่ได้ และเคยยิงทีมชาติไทยมาแล้ว เมื่อ 2 มกราคม 2019 ที่อาบูดาบี
อย่าลืมว่า คนเก่งของพวกเขาอยู่ข้างสนาม บรันโก้อิวานโควิช ก็จะได้พิสูจน์ฝีมือของเขาในระดับใหญ่ และเคยนำทีมโอมาน ชนะ ไทยมาแล้ว 1-0 ในยุคของ นิชิโนะ
อาจจะเล่นไม่เร็ว เล่นไม่คล่อง แล้วก็ไม่ได้ว่องไว แต่เผลอไม่ได้จริงๆ
l จับตา‘ไทยทีม’ปรับแผน-ปรับสมดุล
โค้ชญี่ปุ่น ดูเหมือนจะมีสไตล์การจัดทัพที่น่าสนใจ ไม่รู้ว่าเป็นเทรนด์หรือไม่ เมื่อมีการปรับทัพไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ทั้งในเรื่องของแท็กติก, วิธีการ, เรื่องส่วนตัว และคู่แข่ง
มาซาทาดะ อิชิอิ ก็น่าจะมีการปรับทัพเช่นเดียวกัน
ตำแหน่งที่น่าสนใจก็คือ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ กับ คู่มิดฟิลด์ ที่มีโอกาสมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลง ส่วนอีกจุดคือ มิดฟิลด์ทางฝั่งซ้าย
คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ถ้าหากเราเห็นจากผลการแข่งขันเป็นหลัก นั่นก็คือ “ไม่เสียประตู” ย่อมไม่ควรเปลี่ยนจริงหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาตำแหน่งนี้ “ไม่เคยนิ่ง” มีการสลับสับเปลี่ยนมาตลอด
มาเจอกับบอลที่ไม่ได้ตัวใหญ่ ไม่ได้เป็นบอลโด่ง ดังนั้นการใช้ พรรษา กับ เอลเลียส อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ รวมถึงการตั้งบอลจากแนวลึกไม่มีจากสองคนนี้ เมื่อเจอกับบอลที่ต้องอาศัยเทคนิคเข้าสู้มากกว่าพละกำลัง
มีโอกาสที่ กฤษดา กาแมน จะได้ยืนเป็นตัวจริง และถอดคนใดคนหนึ่งออกไปพัก เพื่อให้มีบอลจากแนวลึกมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน กฤษดา เอง ก็มีโอกาสที่จะไปยืนเป็นมิดฟิลด์ เล่นร่วมกับ วีระเทพ ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมมากในเกมแรก เนื่องจากอาการบาดเจ็บของ พีระดนย์ อีกทั้งการเลือก สารัชเล่นใน 45 นาทีหลังมากกว่าาออกสตาร์ทในเกมระดับสูง
ดูเหมือนว่า สารัช จะทำได้ดีกับบทบาทในลักษณะนี้
หรือจะเลือก สารัช เล่นตั้งแต่ต้นเกม แล้วดันขึ้นสูง โดนปรับกลยุทธ์เอา บดินทร์ ที่ใช้พลังไปเยอะมาก ไปพักเพื่อรักษาความสด แล้วให้ตัวรุก 3 คนยืนเรียงเป็น 3
น่าสนใจในการจัดทัพจัดทีม เพราะปกติคือ ไม่เสียอย่าซ่อม
แต่นี่คือวิธีคิด “เจแปนเวย์” ที่ทำให้โลกนี้ได้เห็น ดังนั้นไม่แปลกที่ อิชิอิ ที่ใกล้ชิดกับนักฟุุตบอลมากกว่าใคร จะเลือกตำแหน่งไหนให้ได้เล่น
อย่าระเริงทางความคิดที่บางคนบ้าใบ้ใครถามว่า “แชมป์เอเชีย” เป็นไปได้หรือไม่
ก่อนถามใครให้ส่องกระจกดูก่อน แล้วค่อยวิงวอนความคิด
ว่านี่คือความจริง ไม่ต้องลอยคว้างอ้างถึงการกำชัยจากเกมแรก ต้องดูว่า ตัวเราตีนเราอยู่ตรงไหน
ก้าวและยืนให้ตรงจุดที่สุด ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เข้าใจในโลกจริง
4 แต้ม จากรอบแรก และเข้ารอบให้ได้ คือความหวังตั้งธงที่เหมาะสมที่สุดของทีมชาติไทยครับ!!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี