การแข่งขันระหว่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีทั้งเสน่ห์, การครอบงำ, ความเป็นแบบอย่าง และเปลี่ยนแปลงฟุตบอลอังกฤษ
ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นคู่ต่อสู้ในการชิงตำแหน่งครั้งยิ่งใหญ่ อย่างมิอาจจะหาใครพรีเซนต์เฟซปฏิเสธให้เสียเวลา
แล้วในวันอาทิตย์นี้ โปรแกรมได้กำหนดอย่างเหมาะสมยิ่งให้ทั้งสองคนนำทีมของตนเองมาปะทะกันที่แอนฟิลด์ ในเวลา 22.45 น.
เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูกาล 10 เกมที่เหลือจึงทำให้เกมนี้ยิ่งเข้มข้นและสำคัญยิ่ง ดังนั้นไม่แปลกที่จะเห็นพาดหัวข่าวมากมายเกี่ยวกับเกมนี้
แถมยังเป็นการเน้นนำไปที่สิ่งที่อาจเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของ คล็อปป์ กับ เป๊ป หลังจากได้ปะทะฝีมือกันครั้งแรก จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 11 ปีที่แล้วที่ประเทศเยอรมนี
เป๊ป อาจไม่ได้วางแผนที่จะไปไหนในเร็ว ๆ นี้ แต่สำหรับ คล็อปป์ แล้ว เขาทำให้โลกฟุตบอลตะลึงเมื่อประกาศเมื่อเดือนมกราคม ว่าเขากำลังจะออกจากลิเวอร์พูลเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ทั้งที่อยู่บนเส้นทางการคว้าทุกแชมป์ที่ลงสนาม
ผู้จัดการทีมทั้งสองมีสไตล์ที่แตกต่างกันชัดเจน และประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยทีมซิตี้ของ เป๊ป เคาะกันบอลจนหยดสุดท้าย ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ของ คล็อปป์ ชอบเกมกดดันคู่แข่ง และเล่นด้วยพลังที่เปี่ยมล้น
กุนซือทั้งสองคนคว้าทุกถ้วยรางวัลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ, คอมมิวนิตี้ ชิลด์, แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
ลิเวอร์พูล ของ คล็อปป์ คือทีมเดียวที่ขวางทางไม่ให้ แมนฯซิตี้ คว้าแชมป์อังกฤษ 6 สมัยติดต่อกัน โดยแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20
คล็อปป์ มาถึงแอนฟิลด์ในเดือนตุลาคม 2015 แทนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ถูกไล่ออก และประกาศว่า "หากผมนั่งอยู่ที่นี่ในอีก 4 ปี ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเราจะได้แชมป์หนึ่งรายการ"
ที่สุดแล้วเขายุติการรอคอย 30 ปีสำหรับลิเวอร์พูล และสร้างตำนานของเขาที่แอนฟิลด์
ขณะเดียวกัน 9 เดือนหลังจากคล็อปป์ย้ายมาอังกฤษ ห่างออกไปประมาณ 35 ไมล์ เป๊ป ก็ได้ปรากฏตัวที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
เขาจบอันดับ 3 ในปีแรก จากนั้นเดินหน้าคว้าแชมป์ลีก 5 จาก 6 สมัย
ในปี 2018-19 ลิเวอร์พูลเก็บคะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดอังกฤษ แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีก เนื่องจาก ซิตี้ เก็บได้ 98 แต้ม มากกว่า 97 แต้มของลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลด้วยการชนะติดต่อกัน 9 เกมสุดท้าย แต่ ซิตี้ กลับจบด้วย 14 นัดติดต่อกัน ในปีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำจ่าฝูงถึง 32 ครั้งในฤดูกาลเดียว
ภาพเก่ากลับมาซ้ำในฤดูกาล 2021-22 ถือเป็นวันสุดท้ายที่น่าตื่นเต้นเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล เร่งเครื่องและแซงชนะ วูล์ฟส์ 3-1 แต่แชมป์ตกเป็นของ แมนฯซิตี้ ที่ได้ 3 ประตูในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 ทำให้ เดอะ ซิติเซนต์ เป็นแชมป์ด้วยมีแต้มเหนือ ลิเวอร์พูล 1 แต้มอีกครั้ง
หาก ซิตี้ ทำคะแนนหล่น ลิเวอร์พูล ก็คงคว้าแชมป์ไปแล้ว และเมื่อมันเกิดขึ้น ความฝันสี่แชมป์ประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ก็จบลงทันที.....
ครั้งนี้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกันในการตัดสินอนาคตช่วงท้ายปลายทางของการลุ้นแชมป์ในปีนี้ก็เป็นไปได้เช่นกัน
เพราะอย่าลืมว่า 4แชมป์ของลิเวอร์พูล กับ 3แชมป์ของแมนฯซิตี้
2 ในนั้นทั้งสองทีมต้องฟัดกันโดยตรงและโดยอ้อม
นั่นก็เพราะว่าทั้งสองทีมยังคงอยู่ในเส้นทาง “เอฟเอ คัพ” มีโอกาสที่จะเจอกันในเวมบลีย์ หากว่าผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก หรือ รอบชิงชนะเลิศ
หลังจากนั้นและก็ไม่มีใครเดาได้อีกว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เมื่อเกมจบที่แอนฟิลด์
อีกทั้งสถานการณ์ระหว่าง คล็อปป์ กับ เป๊ป ซึ่งถือเป็นคู่ปะทะสุดยอด แต่ให้ความเคารพกันสุดขั้วที่เรียกกันว่า A respectful rivalry
จากการพบกันครั้งล่าสุดในลีก ซึ่งเสมอกัน 1-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คล็อปป์ ไปดึง ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าของเขาออกมาจากการปะทะคารมกับ เป๊ป ทั้งคู่กำลังสับกันยับด้วยภาษาสเปน
“ผมรักพวกเขาทั้งสองคน ดังนั้นผมจึงพยายามทำให้สถานการณ์สงบลง” คล็อปป์ กล่าว “มันน่าแปลกใจตรงที่ ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยกับการปะทะคารมกันครั้งนี้ ให้ตายเถอะ!!!!ผมไม่เข้าใจสักคำ แต่คุณก็รู้แหล่ะว่า มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน”
“มันเป็นเริ่องของอารมณ์ เป๊ปอยากชนะ เราต้องการชนะ แต่เมื่อทั้งคู่ไม่ชนะ ดังนั้นชัดเจนว่าไม่มีใครมีความสุขจริงๆ และสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
หรือในงานแถลงข่าวที่เราเห็นกันอย่างต่อเนื่องว่า คู่นี้จะบวกมากกว่าลบชัดเจน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คล็อปป์ ยกให้ เป๊ป เป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกแบบนับครั้งไม่ถ้วน
"เป๊ปกับผมไม่ใช่เพื่อนที่ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้จักกัน แต่ผมเคารพเขามาก และผมรู้ว่าเขาก็เคารพสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เช่นกัน”
ในขณะเดียวกัน เป๊ป กล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน ว่า คล็อปป์ช่วยให้ผมกลายเป็นผู้จัดการที่ดีขึ้น
“เขาทำให้ฉันก้าวไปอีกระดับหนึ่ง เพื่อคิดเกี่ยวกับมัน และพิสูจน์ตัวเองให้เป็นผู้จัดการทีมที่ดีขึ้น เพื่อพยายามเอาชนะพวกเขา” กุนซือชาวคาตาลันกล่าว
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ผมยังอยู่ในการทำงานนี้นี้ ผู้จัดการบางคน และเยอร์เก้นก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเก่งกาจและท้าทายให้คุณก้าวไปข้างหน้า”
ทั้งสองคนให้ความเคารพกันขนาดนี้ แฟนบอลบางคนก็ไม่รู้จะขิงกันไปทำไม
ถ้าคุณไม่เชื่อใคร ไม่เชื่ออะไร อย่างน้อยคุณก็ควรจะเชื่อผู้จัดการทีมที่คุมทีมที่คุณรักกันบ้าง
ว่ากันตามเชิง ถึงเวลานี้ คล็อปป์ บอกไปแล้วว่าเขาจะไม่มีวันคุมทีมในอังกฤษอีกต่อไป และเขาตั้งใจที่จะได้พัก 1 ปี นั่นคือซีซั่น 2024-25
จากนั้นคาดกันว่า งานถัดไปที่เป็นไปได้มากที่สุดของ คล็อปป์ คือผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี ที่ควรค่ากับเวลาและสถานการณ์
ฟากฝั่ง เป๊ป ยังมีสัญญากับซิตี้เหลืออีก 1 ฤดูกาลเมื่อสิ้นสุดสัญญานี้
เขากล่าวว่า อยากจะบริหารทีมระดับนานาชาติสักวันหนึ่ง โดยมี บราซิลและอังกฤษ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อของเขาเชื่อมโยงด้วย
ดังนั้นการพบกันครั้งต่อไปของ คล็อปป์ กับ เป๊ป อาจเป็นที่ฟุตบอลโลก 2026 ในอเมริกาเหนือ หรือจะเป็น ยูโร 2028 ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์
หรือเราจะไม่มีโอกาสเห็นอีกเลย?????
#บีแหลมสิงห์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี