ผลเสมอจากเกมบิ๊กแมทช์ที่แอนฟิลด์ แต่สิ่งที่ทุกคนควรจะจดจำมากกว่าเรื่องใด ๆ ก็คือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้แสดงคาแรคเตอร์ที่ยิ่งใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล พยายามดิ้นรนเพื่อหนีเกมบีบและเพรสอย่างหนักหน่วงของ แมนเชสเตอร์ซิตี้ จนเล่นแทบไม่ออก กับแนวทางการเล่นมิดฟิลด์ที่เปลี่ยนไป
"ดับเบิ้ล ไพวอท" นำมาใช้ แต่การยืนสลับฝั่งของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิค โซโบสไล ทำให้เกมพวกเขาไม่ไหลลื่น และจังหวะทรานซิชั่นฟุตบอลไม่มี
วิธีการเล่นจาก 4-3-3 กลางแบบหงาย กลายเป็นกลางแบบคว่ำ และการเล่นที่ไม่มีการเปิดบอลแบบอินสวิงจากด้านซ้ายเลย เนื่องจากต้องใช้ โจ โกเมซ มาบล็อกทางวิ่งของ ฟิล โฟเด้น ผลดีคือเกมรับแน่น แต่มันต้องแลกมากับเกมรุกที่โดดเดี่ยวของ หลุยส์ ดิอาซ ทางด้านซ้าย
อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดของ นาธาน อาเก้ ทำให้เสียจุดโทษ และ อเล็กซิส ยิงเข้า จากนั้น ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่า แรงกระตุ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้พวกเขาเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการโจมตีที่เกือบจะทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ แม้ว่า ซิตี้ เองก็มีโอกาสที่ชัดเจนเช่นกัน
แต่เหมือนว่า ซิตี้ ใช้พลังไปเยอะมากในครึ่งแรก
พยายามกดแต่กิน เอนโดะ ไม่ได้ พยายามสลับกันจั่วแต่บอลที่สลับตำแหน่งมากเกินไป
มันทำให้เสียธรรมชาติไปพอสมควร
เอ็นโดะ มีอิทธิพลมากกว่าโซโบสไล ไปแล้ว เขาอาจไม่มีทักษะแบบโซโบ แต่เขาแข่งขันแย่งบอลเพื่อทุกสิ่ง และถ้าเขาไม่ได้ครองบอล เขาจะค้นหามันหรือเข้าสกัดอย่างแข็งแกร่งเพื่อกลับมามีส่วนร่วม
ขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ พลาดโอกาสที่ดีที่สุดอย่างน่าเสียดาย เมื่อจังหวะที่ โม ซาลาห์ ที่ลงสำรองมาแล้วจ่ายบอลให้อย่างเด็ดขาด
น่าเสียดายเพราะ ดิอาซ ที่เล่นได้อย่างดีเยี่ยม เต็มไปด้วยพลังและฝีเท้าอันคล่องแคล่วตลอดเกม แต่ก็ใช้โอกาสเปลืองอย่างน้อยถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาสำคัญที่ควรจะเปลี่ยนเป็นสกอร์
ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อสู้กันอย่างน่าตื่นเต้นที่แอนฟิลด์ ก่อนจะแบ่งแต้มกันไป ในการเผชิญหน้าที่มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะครั้งสำคัญ
แมนเชสเตอร์ซิตี้ ขึ้นนำในนาทีที่ 23 เมื่อลูกเตะมุมที่ชาญฉลาดของ เควิน เดอ บรอยน์ มาให้กับ จอห์น สโตนส์ ชาร์ทง่าย ๆ เข้าไป
ฟุตบอลไม่ว่าแมทช์ใหญ่หรือเล็ก ไม่ควรพลาดลูกง่าย ๆ แบบนี้
แต่ซิตี้ก็มาเสียง่ายเช่นกัน เมื่อมาเสียจุดโทษเพียง 84 วินาทีหลังจากเริ่มต้นครึ่งหลัง เมื่อ อาเก้ จ่ายคืนหลังสั้น ดาร์วิน นูนเญซ วิ่งเสียบเข้าไปอย่างรวดเร็ว และถูกกระแทกไปกองกับพื้นโดยผู้รักษาประตูเอเดอร์ซอน
พวกเขาเสียสองเด้ง นั่นคือเสียจุดโทษ จนเป็นที่มาของประตูตีเสมอ และเอแดร์ซอนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้จะกัดฟันเล่นได้สักพักก่อนจะต้องออกไปแล้วให้สเตฟาน ออร์เตก้า มาลงแทน
ในที่สุด ลิเวอร์พูลก็กลับมาแสดงพลังอย่างเต็มที่ต่อหน้าแอนฟิลด์ที่คาดหวังไว้ หลุยส์ ดิอาซ พลาดโอกาสจะ ๆ ขณะที่ ออร์เตก้า ก็เซฟสำคัญจากนูนเญซ
กลับกันก็คือ แมนฯซิตี้ ก็น่าจะได้สองประตูจาก ฟิล โฟเด้น ที่หลุดไปยิงแต่ติดเซฟ ควีวีน เคลเลเฮอร์ และช่วงนาทีท้าย ๆ เฌเรมี โดกู ยิงชนเสาไกลแล้วกระเด้งกลับมาเข้ามือ เคลเลเฮอร์
สุดท้าย ลิเวอร์พูล น่าจะได้จุดโทษ เมื่อ โดกู ไปเตะ แม็ค อัลลิสเตอร์ ในเขตโทษในนาทีที่ 90+8 แต่ไม่ได้รับอะไรเลย
จนเป็นประเด็นวิเคราะห์กันไปใหญ่ว่า ผู้ตัดสินอีกแล้วที่ทำแบบนี้
1.เกมกับ สเปอร์ส ไม่ล้ำหน้าบอกล้ำ
2.เกมกับ อาร์เซนอล แฮนด์บอลไม่แฮนด์
3.เกมกับ แมนฯซิตี้
เท่ากับว่าเกมใหญ่ขนาดนี้ ความผิดพลาดไม่ได้แค่เกิดกับนักบอล แต่เกิดกับผู้ตัดสินด้วย
ซ้ำแล้วซ้ำอีก พลาดแล้วพลาดอีกพลาดต่อ
เมื่อสองทีมกินกันไม่ลง หมายความว่าในตอนนี้ อาร์เซน่อล ได้เปรียบในการลุ้นแชมป์เพราะนำจ่าฝูงหลังจบแมทช์เดย์นี้
อาร์เซนอล 64 แต้ม เท่ากับ ลิเวอร์พูล แต่ประตูได้เสีย บวก 46 มากกว่า หงส์ อยู่ 7 ลูก และแมนฯซิตี้ 63 แต้ม
ลิเวอร์พูล อาจจะต้องผิดหวังที่ต้องเสียจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกให้กับอาร์เซนอลไปในสุดสัปดาห์นี้ แต่พวกเขายังคงอยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจเมื่อฤดูกาลเข้าสู่ช่วงสุดท้าย
นั่นเพราะยังสามารถกำหนดชะตาได้ด้วยตนเอง
ซึ่งการเล่นอย่างไม่เกรงกลัวของเยอร์เก้น คล็อปป์ นั้น พวกเขาแสดงให้เห็นเมื่อสามารถกลับมาสู่เกม หมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่กำหนดนี้ด้วยความมั่นใจ
แม้จะเจอกับทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่าง แมนฯซิตี้ ก็ตาม
ต้องไม่ลืมว่า ลิเวอร์พูล ขาดผู้เล่น 8 คนที่เป็นทีมชุดใหญ่ ไม่มีเหตุผลเชิงตรรกะสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใกล้แมนฯ ซิตี้ ได้เลย แต่กลับดูดีกว่าพวกเขามาก ยุคของคล็อปป์โดดเด่นด้วยความมุ่งมั่นที่เหลือเชื่อ
10 นัดสุดท้ายของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และ 10 นัดสุดท้ายบอลลีกกับลิเวอร์พูลของคล็อปป์ มันน่าตื่นเต้นมาก
เช่นเดียวกับการตัดสินของกรรมการ
จนมิอาจจะคาดเดาโดยแท้.........
'enjoy the ride' ครับผม
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี