อีกหนึ่งคือ “หงส์แดง” อีกหนึ่งคือ “ปีศาจแดง” โคจรมาปะทะกัน ความเร้าใจย่อมอุบัติ!!!!!
ไม่ว่าจะยุคใด ค.ศ.ใด เมื่อไหร่ที่คู่นี้โคจรมาเจอกัน ก็ยังน่าสนใจเช่นเดิม
ครานี้พวกเขาจะดวลกันในศึกเอฟเอ คัพ
สถานการณ์ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ลุ้นทุกรายการที่ลงสนาม นำมากอดเอาไว้แล้ว 1 ใบ คือ ลีกคัพ(คาราบาวคัพ) พร้อมกับยังอยู่ในเส้นทางทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรป้า ลีก
ขณะที่ แมนยูฯ หนึ่งเดียวแห่งความหวังคือ เอฟเอ คัพ
หากว่าเขาสามารถชนะ ลิเวอร์พูล นอกจากต่อลมหายใจของตัวเองแล้ว ก็จะดับฝันการเหมาทุกแชมป์ของคู่ปรับตลอดกาลได้อีกด้วย
ความน่าสนใจก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอในรายการนี้แมนฯยูไนเต็ด มักจะทำได้ดีกว่าอยู่เสมอๆ
เจอกันมาทั้งหมด 18 ครั้ง รวมเกมรีเพลย์ สถิติฟ้องว่า แมนยูฯไนเต็ด ชนะ 10 เสมอ 4 และลิเวอร์พูล ชนะ 4
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คู่นี้สร้างหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจดจำในการเจอกัน หลายอาทิ.......
1.วันแดงเดือดที่ไม่มีสีแดง
อย่างที่ทราบกันดีว่า ทั้งสองทีมคือคู่ปะทะแห่ง “เดอะเรด วอร์ เดย์” (The Red War Day)
ทั้งสองทีมมีเสื้อเหย้าเป็นสีแดง เราจะเห็นมาโดยตลอดว่าจะต้องมีหนึ่งทีมใส่สีแดงลงสนาม
ปรากฏว่าเคยมีเหมือนกันที่ไม่ใส่เสื้อแดงลงทั้งคู่
นั่นคือเกมรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ ปี 1979 ที่สนามเมนโรด เมืองแมนเชสเตอร์ ก่อนจะเสมอกันไป 2-2
เป็นครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล ใส่ชุดเหลืองแบบทั้งชุด เสื้อ, กางเกง และถุงเท้า
ขณะที่ แมนยูฯไนเต็ด ก็ใส่เสื้อสีขาว และมีแถบขาวสลับดำที่อกฝั่งซ้าย ที่ใช้เป็นปีแรกเช่นกัน
ทั้งสองทีมไม่มีทีมใดทีมหนึ่งใส่ “เสื้อสีแดง” เป็นครั้งแรก ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ปี 1979
2.คัพไฟนอลส์ดับฝันสามแชมป์-สานแชมป์
การปะทะกันในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งสองครั้งของทั้งสองทีมถือว่าน่าสนใจมาก ที่ผลจบลงด้วยชัยชนะของ แมนยูฯไนเต็ด ทั้งสองนัด
ปี 1977 ในปีนั้น ลิเวอร์พูล กำลังเดินหน้าคว้า 3 แชมป์ใหญ่ทีมแรกของประเทศ เมื่อได้แชมป์ดิวิชั่น 1มาครองเรียบร้อย และอยู่ในเส้นทางแชมป์เอฟเอ คัพ กับยูโรเปี้ยน คัพ
ปีนั้น ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกสูงสุด และไม่แพ้ แมนยูฯที่จบอันดับ 6 เลยในการเจอกัน โดยเสมอที่บ้านผี 0-0 ก่อนจะชนะที่แอนฟิลด์ 1-0
แต่ “หงส์แดง” ต้องพลาดพ่ายให้กับ แมนยูฯ 1-2 ในนัดชิงเอฟเอ คัพ ในการยิง 3 ประตูในระยะเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น โดย ยูไนเต็ด นำจาก สจ๊วร์ต เพียร์สัน นาทีที่ 51 แต่ จิมมี่ เคส ตีเสมอนาทีที่ 53 ก่อนที่นาทีที่ 55 จิมมี่กรีนฮอฟฟ์ ทำประตูชัย
ลิเวอร์พูล ลบความเจ็บปวดด้วยการไปเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ สมัยแรก แต่พลาด 3 แชมป์ด้วยมือของยูไนเต็ด
จากนั้นในปี 1996 ลิเวอร์พูล ที่กำลังเติบโตขึ้นมาจากการทำงานของ รอย เอฟแวนส์ บุตรแห่งบู๊ทรูมคนสุดท้าย ด้วยระบบ 3-5-2 ด้วยการครองแชมป์ลีกคัพ 1995 และเข้าชิงเอฟเอ คัพ เพื่อเป็นการสานต่อ และต่อยอดทีมในยุคที่เรียกว่าเป็น ไอดอล ที่โลกจดจำว่านี่คือ สไปซ์บอย
สุดท้ายพวกเขาก็แพ้ ยูไนเต็ด 0-1 ด้วยลูกถอยหลังยิงของ เอริค คันโตน่า ซึ่งปีนั้นพวกเขาใช้เด็กๆ เป็นตัวหลัก พร้อมกับโลกก็ได้รู้จัก “คลาส ออฟ 92”
ส่วน ลิเวอร์พูล ถูกจดจำเรื่องการแต่งตัวหล่อๆ แต่แหลกไม่ล่าย
3.สู่เส้นทางแห่ง 3 แชมป์
การดวลแข้งในปี 1999 รอบที่ 4 เป็นเส้นทางสู่การเป็น 3 แชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหนึ่งในนั้นคือ เอฟเอ คัพ ที่ “ปีศาจแดง” หักด่าน “หงส์แดง” สู่การเป็นแชมป์น็อกเอาท์
ไมเคิล โอเว่น ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล นำก่อนตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แค่ 3 นาทีแรก และทำท่าจะคว้าชัยชนะได้เมื่อเกมผ่านมาถึงนาทีที่ 89
ยูไนเต็ด ตีเสมอได้สำเร็จจากการซัดของ ดไวท์ ยอร์ค ก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียว และให้หลังแค่ช็อตต่อมาโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เพิ่งลงมาได้แค่9 นาที ก็พังประตูชัยให้ทีมได้สำเร็จ คว้าชัยได้อย่างน่าตื่นเต้นก่อนจะเดินหน้าสู่ 3 แชมป์ประวัติศาสตร์ ด้วยฝีมือของ มิสเตอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนที่ผลงานนี้ท่านจะได้รับการประดับยศเป็น “อัศวิน”
เจมี่ เร้ดแนปป์ แกนนำสไปซ์บอย นัดชิงเอฟเอ คัพ ปี 1996
4.หักด่านสู่เจอร์ราร์ดไฟนอลส์
ในการเจอกันรอบ 5 ปี 2006 ลิเวอร์พูล ไม่เคยเอาชนะ ยูไนเต็ด ได้เลยในรายการนี้ นับไปนับมานับมานับไปยาวนานตั้งแต่ 12 มกราคม 1921
การโคจรมาเจอกันในปี 2006 “หงส์แดง” ที่แปลงร่างจาก “กระทิงแดง” มาเป็นแชมป์แห่งยุโรป ปี 2005 มาต่อยอดความสำเร็จ เป็นแชมป์บอลน็อกเอาท์ของอังกฤษได้สำเร็จ และเป็นถ้วยที่ 2 ในยุคของ ราฟา เบนิเตซ
ประตูชัยประตูเดียวจากลูกโขกย้อนศรของ ปีเตอร์ เคราช์ทำให้ ลิเวอร์พูล เข้ารอบได้สำเร็จ พร้อมกับช็อตโลกจำนั่นคือ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ตะบันฟรีคิกไปอัดขา อลัน สมิธ จนเจ็บหนัก
นี่เป็นชัยชนะเหนือ แมนยูฯ หนแรกในถ้วยนี้รอบ 85 ปี!!!!
5.ที่สุดในวัน “คิงเคนนี่” รีเทิร์น
ทุกอย่างเหมือนกับฟ้าลิขิตเขียนให้ต้องเป็นแบบนี้ ในการเตะรอบ 3 วันที่ 9 มกราคม 2011 กับ 4 เหตุการณ์ที่จดจำจากบอลคู่นี้เพียงนัดเดียว!!!
5.1 เคนนี่ ดัลกลิช รีเทิร์นคุมทีมเป็นครั้งที่ 2 หลังจากลาออกไปเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1991 และต้องนำทัพเตะนัดแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
5.2 เกมผ่านไปแค่ 28 วินาที แมนยูฯ ได้จุดโทษทันที เมื่อ แดเนี่ยล แอ๊คเกอร์ ฟาวล์ ดีมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ ไรอัน กิ๊กส์ สังหารจุดโทษเสียบตาข่าย
5.3 ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินคนดัง ไล่ สตีเว่น เจอร์ราร์ดออกในนาทีที่ 31 หลังจากพุ่งไปเสียบ ไมเคิ่ล คาร์ริค ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยสกอร์ ผีชนะ 1-0
5.4 ไรอัน บาเบล ปีกดัทช์แมน ทวิตภาพ เว็บบ์ ใส่เสื้อแมนยูฯ และกลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ถูกปรับจากการโพสต์บนโลกออนไลน์ ด้วยเงินถึง 10,000 ปอนด์!!!!
นี่คือ 5 ที่สุดแห่งแดงเดือดตลอดกาลโดยแท้!!!!
ปีเตอร์ เคราช์ ขวิดประตูสำคัญให้ ลิเวอร์พูล กำชัยเหนือ แมนยูฯ หนแรก รอบ 85 ปี เมื่อปี 2006
สถิติ แมนฯยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)
12/02/1898 นิวตัน ฮีท 0-0 ลิเวอร์พูล รอบ 2- (แบงค์ สตรีท)
16/02/1898 ลิเวอร์พูล 2-1 นิวตัน ฮีท รอบ 2 (รีเพลย์)-(แอนฟิลด์)
07/02/1903 แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล รอบแรก (แบงค์ สตรีท)
08/01/1921 ลิเวอร์พูล 1-1 แมนฯยูไนเต็ด รอบแรก (แอนฟิลด์)
12/01/1921 แมนฯยูไนเต็ด 1-2 ลิเวอร์พูล รอบแรก (รีเพลย์)-(โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
24/01/1948 แมนฯยูไนเต็ด 3-0 ลิเวอร์พูล รอบ 4 (กูดิสัน พาร์ค)
30/01/1960 ลิเวอร์พูล 1-3 แมนฯยูไนเต็ด รอบ 4 (แอนฟิลด์)
21/05/1977 แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล รอบชิงฯ (เวมบลีย์ เอ็มไพร์ พูล)
31/03/1979 แมนฯยูไนเต็ด 2-2 ลิเวอร์พูล รองรองฯ (ต่อเวลา)-(เมนโรด)
04/04/1979 ลิเวอร์พูล 0-1 แมนฯยูไนเต็ด รอบรองฯ (รีเพลย์)-(กูดิสัน พาร์ค)
13/04/1985 แมนฯยูไนเต็ด 2-2 ลิเวอร์พูล รองรองฯ (ต่อเวลา)-(กูดิสัน พาร์ค)
17/04/1985 แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล รองรองฯ (รีเพลย์)-(เมนโรด)
11/05/1996 แมนฯยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล รอบชิงฯ (เวมบลีย์ เอ็มไพร์ พูล)
24/01/1999 แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล รอบ 4 (โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
18/02/2006 ลิเวอร์พูล 1-0 แมนฯยูไนเต็ด รอบ 5 (แอนฟิลด์)
09/01/2011 แมนฯยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล รอบ 3 (โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
28/01/2012 ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯยูไนเต็ด รอบ 4 (แอนฟิลด์)
28/01/2021 แมนฯยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล รอบ 4 (โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
โอเล่ โซลชา ยิงประตูชัยนาทีที่ 90 เมื่อปี 1999
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี