สุดสัปดาห์พรีเมียร์ลีกนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก 3 ทีมลุ้นแชมป์มีโปรแกรมในวันเดียวกัน และจะต้องเจอกันเองอีกครั้งเป็นโปรแกรมติดกัน 2 แมทช์เดย์
20.00 น. ลิเวอร์พูล พบ ไบรท์ตัน
22.30 น. แมนฯซิตี้ พบ อาร์เซน่อล
บังเอิญว่า มีเกมเอฟเอ คัพ กับ ฟีฟ่าเดย์ มาคั่นกลางทำให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงมีเวลาผ่อนคลายพอสมควรไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเจอทั้ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล แบบต่อเนื่อง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือของซิตี้ จะดวลกับลูกศิษย์อย่าง มิเกล อาร์เตต้าด้วยคำถามที่ยังคงมีอยู่ตลอดไป หากโลกนี้ยังมีลมหายใจของมนุษย์
นั่นคือ 1.เป๊ปเก่งมาก 2.เป๊ปเก่งด้วยเงิน 3.เป๊ปเก่งด้วยมีเงินด้วย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมอุดมทั้งปัญญาและมยุรา
“แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยกระดับมาตรฐานไปสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในวงการฟุตบอล ด้วยวิธีการ ด้วยสไตล์ และก้าวไปเป็น 3 แชมป์” อาร์เตต้า กล่าวยกย่องก่อนเกม
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ อาร์เตต้า ที่มีเครื่องหมายคำถามไม่แพ้กันในเรื่องของบุคลิกภาพ ก็ประกาศกร้าวว่า “แม้ว่า ซิตี้ จะยกระดับ แต่ อาร์เซน่อล กำลังเข้าใกล้มากขึ้น”
อาร์เซน่อลจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกจะมาเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม โดยที่พวกเขาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง ขณะที่ ซิตี้ อยู่อันดับสาม แต่สถานการณ์คือ อาร์เซน่อล นำหน้าอยู่ 1 คะแนน
เกมการลุ้นแชมป์ใกล้ถึงไคลแม็กซ์ที่น่าตื่นเต้น
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มีช่องว่างห่างกัน “แค่คะแนนเดียว” ระหว่างทีมอันดับ 1, 2 และ 3 หลังจากผ่านไป 28 เกม โดยมี ลิเวอร์พูล เป็นอันดับสอง และจะเตะก่อนคู่นี้ 2 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยการเปิดแอนฟิลด์ ชนกับ ไบรท์ตัน
“มันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่สำหรับทั้งสองทีม” อาร์เตต้ากล่าว “มันจะทำให้เรามีกำลังใจอย่างมาก หากเราชนะ แต่ถ้าไม่มันก็มีเกมให้เล่นอีกมากหลังจากนั้น”
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังลุ้นประวัติศาสตร์สำคัญด้วยการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ติดต่อกัน เป็นทีมแรก พวกเขากุมสถิติที่น่าสนใจก็คือ ชนะ 12 จาก 13 นัดหลังสุดในลีกที่เจอกับอาร์เซน่อล ก่อนที่เลือดจะหยุดไหลเมื่อ อาร์เซน่อล เฉือนชนะที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-0 เมื่อต้นฤดูกาลนี้
วี่แววน่าสนใจตั้งแต่การเจอกันในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่เสมอกัน 1-1 และ อาร์เซน่อล สามารถยิงจุดโทษกำชัยได้
ในเวลานี้ทั้งสองทีมมีเป้าใหญ่ที่น่าสนใจมาก ซิตี้ กำลังมองหาการคว้าทริปเปิลแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน โดยเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศกับเรอัล มาดริด และเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศกับเชลซี ที่กำลังจะมาถึง
ขณะที่ อาร์เซน่อล กำลังอยู่ในเส้นทางดับเบิ้ลแชมป์ นั่นคือแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 20 ปี และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แน่นอนว่า ทั้งสองทีมต่างอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
“พวกเขายกระดับมาตรฐานไปสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณต้องตามให้ทัน และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำ เราเรียนรู้จากระดับ มันเป็นระดับที่เราอยากจะเป็นแต่ยากที่จะเป็น เราเข้าใกล้มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องปิดช่องว่างนั้นและพยายามทำให้ดีกว่าพวกเขา”
ตามที่ปรากฏในปฏิทินการแข่งขัน นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้ง 3 ทีม ลุ้นแชมป์จะเล่นในวันเดียวกันจนกระทั่งถึงแมทช์สุดท้ายของฤดูกาล เมื่อเหลืออีก 10 เกม ทั้ง Opta และ Gracenote ของ Nielsen ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล ยังเชื่อมั่นว่า ซิตี้ เป็นทีมเต็งแม้จะอยู่อันดับ 3 ในเวลานี้
“ฤดูกาลนี้เป็นไปด้วยดีจริงๆ” กวาร์ดิโอล่า ซึ่งไม่แพ้ใครเลยตลอด 38 เกมเหย้าหลังสุดในทุกรายการ กล่าวแบบมั่นใจ “ในการแย่งชิงแชมป์สำคัญ 3 รายการในตอนนี้ เราได้ทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่อและเวลานี้มันเป็น 10 เกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก เราเริ่มต้นช่วงเวลาสำคัญ เราเล่นกับจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก และผมมั่นใจว่าแฟนๆ ของซิตี้ จะให้สิ่งที่เราจำเป็นต้องแสดงให้ดีที่สุด”
ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ที่จะได้สตาร์ทก่อนคู่นี้ ยังคงมีเครื่องหมายคำถามเช่นกันว่า พวกเขาจะเดินหมากไหน เมื่อเป้าหมายอันดับ 1 อย่าง ชาบี อลอนโซ่ ยืนยันว่า จะอยู่ต่อที่ เลเวอร์คูเซ่น อีก 1 ปี
เอาเข้าจริง “แอบเดา” กันมานานว่า อลอนโซ่ ยังไม่จำเป็นต้องไปไหนก็ได้ เพราะถ้าเขาเลือกผิด อาจจะทำให้เส้นทางที่เหลือหลังจากวัย 42 ปี อาจจะมืดมนก็ได้ และช่วงเวลานี้ดูเหมาะสมกับทุกฝ่ายจริงๆ
ปฏิเสธก็เนื่องจากให้นักเตะของตัวเองในทัพ “ห้างขายยา”ไม่เสียสมาธิ ในการลุ้นแชมป์ 3 รายการ พร้อมพ่วงด้วยสถิติไร้พ่าย
อลอนโซ่ อยู่ต่อเพื่อรักษาทีมเอาไว้ด้วยกัน ช่องว่างจะไม่เกิดขึ้นและเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ดี และเขาต้องการที่จะอยู่ต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม เพราะมันเพิ่งผ่านมาเพียงปีครึ่งเท่านั้นในการทำงานกับทีมชั้นนำ และเขาอายุเพียง 42 ปีเท่านั้น
เขาไม่เร่งรีบที่จะขึ้นสู่จุดสูงสุด ทั้งที่เขากำลังจะขึ้นสู่จุดสูงสุด เหมือนกับสไตล์การเล่นฟุตบอลของเขา
มันส่งผลที่ดีด้วยซ้ำกับ ลิเวอร์พูล ที่ทุกฝ่ายทั้งผู้บริหารและกองเชียร์ “ได้เห็นอะไร” จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อมีเวลาในการเฟ้นหากุนซือคนใหม่มาทำงานในตำแหน่งของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะอำลาเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
น่าสนใจอีกจุดก็คือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือไบรท์ตัน ที่ปีก่อนเดบิวต์ที่แอนฟิลด์ และโชว์ผลงานเข้าตาเสมอ 3-3 ก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งตลอดที่จะได้มาทำงานกับหงส์แดง
นัดนี้เขาอาจจะต้องเน้นเป็นพิเศษ เพราะนี่คือการ“โชว์ของ” ที่มี อยู่ที่ว่าจะเอาของใส่เป้มาเต็มขนาดไหน
ดังนั้นทุกฝ่ายคือ ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด เชียร์ทีมของตัวเองให้ดีที่สุด จากนั้นไปพักผ่อนสบายๆ มีเป้าหมายที่โดดเด่นชัดเจน
ไม่ต้องเชียร์ทีมโน้นทีมนี้ไปเรื่อย สัปดาห์นี้เชียร์ทีมนั้น สัปดาห์ต่อมาต้องไปเชียร์อีกทีม
เหนื่อยเปล่าและเปลืองพลังงานชีวิต.....(ฮา)
เข้าสู่วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งทวีปยุโรปจะกลับมาใช้เวลา “ซัมเมอร์ ไทม์” จากเดิมที่เคยเพิ่มไป 1 ชั่วโมง กลับมาเป็นเวลาปกติ
ใช้ชีวิตปกติกันบ้าง จะดีนะ....
l ปรีวิวการแข่งขัน
ลิเวอร์พูล VS ไบรท์ตัน เวลา 20.00 น.
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือน “นกนางนวล” ไบรท์ตัน โดยเจ้า ตกรอบเอฟเอ คัพ อังกฤษ ก่อนพักเบรกทีมชาติบุกไปพ่ายให้กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-3 ในเกมแดงเดือด ทำให้โฟกัสหลักกลับมาอยู่ที่การลุ้นแชมป์ลีก หากชนะได้จะขึ้นไปนำจ่าฝูงก่อน เพราะ แมนฯซิตี้ กับ อาร์เซน่อล จะเตะหลังจบเกมนี้
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บรบกวนไม่มี โฌแอล มาติ๊ป, ดีโอโก้ โชต้า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อลิสซอน เบ็คเกอร์ รวมไปถึงเคอร์ติส โจนส์ ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เจ็บมาจากเกมทีมชาติ แต่เบี้องต้นไม่น่าจะฟิตทัน ทำให้ โจ โกเมซ จะได้ไปประจำการแบ๊กซ้าย โดยมี อิบราฮิม่า โกนาเต้ จับคู่กับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค แดนกลางยังเหมือนเดิมใช้ โดมินิค โซโบสไล เล่นกับวาตารุ เอ็นโดะ และอเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ดิอาซ และดาร์วิน นูนเญซ เป็นสามประสานในแนวรุก
ทางฝั่งทีมเยือน ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ รั้งอันดับ 8 ของตาราง 5 เกมหลังชนะ 2 แพ้ 3 นัดนี้ยังไม่มี คาโอรุ มิโตมะ และโซลลี่ มาร์ช ริมเส้นสองฝั่งที่บาดเจ็บรวมไปถึงแบ็คดาวรุ่งอย่าง แจ็ค ฮินเชลวู้ด ส่วน ชูเอา เปโดร และเจมส์ มิลเนอร์ รอทดสอบความฟิต
แผนถนัดของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ 4-2-3-1 นำโดย ปาสกาล กรอสส์, บิลลี่ กิลมอร์, ไซม่อน ไอดินกร้า, ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้, อันซู ฟาติ และแดนนี่ เวลเบ๊ค
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด กลายเป็นไบรท์ตันที่ทำได้ดีกว่า ชนะ 2 เสมอ 2 และลิเวอร์พูล ชนะ 1 ซึ่ง “หงส์แดง” ไม่ชนะไบรท์ตันมา 4 เกมติด
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์, คอนอร์ แบรดลีย์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โดมินิค โซโบสไล, วาตารุ เอ็นโดะ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ และดาร์วิน นูนเญซ ไบรท์ตัน (4-2-3-1) : บาร์ท แฟร์บรูกเก้น, ทาริค แลมพ์ตีย์, แยน พอล ฟาน เฮ็ค, ลูอิส ดั๊งค์, เปอร์วิส เอสตูปิญาน, ปาสกาล กรอสส์, บิลลี่ กิลมอร์, ไซม่อน ไอดินกร้า, ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้, อันซู ฟาติและแดนนี่ เวลเบ็ค
สกอร์ที่คาด: ลิเวอร์พูล 3-1 ไบรท์ตัน
แมนฯซิตี้ VS อาร์เซน่อล เวลา 22.30 น.
เกมบิ๊กแมตช์ที่มีระดับความสำคัญอาจจะเป็นเกมที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดเอติฮัต สเตเดี้ยม รับการมาเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล โดยเจ้าบ้านยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเทรเบิ้ลแชมป์ ไม่แพ้ใครติดต่อกัน 22 เกมในทุกรายการชนะถึง 19 และเสมอ 3 แต่เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอห์น สโตนส์ และไคล์ วอล์คเกอร์ สองแนวรับที่บาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ รวมไปถึง นายทวารมือหนึ่งอย่าง เอแดร์ซอน นอกนั้นน่าจะลงได้หมด
แดนกลางใช้ โรดรี้ ลงคุมจังหวะเกม ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ น่าจะหายเดี้ยงลงปั้นเกมร่วมกับ ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา และฟิล โฟเด้น ขึ้นเกมริมเส้นสองฝั่งหน้าเป้าใช้ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์
ฝั่งทีมเยือน อาร์เซน่อล นำเป็นจ่าฝูงของตารางด้วยการมี 64 คะแนน ในลีกฟอร์มร้อนแรงนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2024 ชนะ 8 เกมรวด ถลุงตาข่ายคู่แข่งไปถึง 33 ประตู ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังไม่มี เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ส่วนกาเบรียล เชซุส กลับมาซ้อมแล้ว นอกนั้นตามรายงานไม่น่ามีปัญหาอะไร ยึดระบบ 4-3-3 ตามถนัด วางจอร์จินโญ่ คุมแดนกลางปล่อยให้ เดแดลน ไรซ์ และมาร์ตินโอเดการ์ด ขับเคลื่อนเกมรุก โดยมี บูคาโย่ ซาก้า, ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เป็นสามประสานในแดนบน
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ผลัดกันชนะไปฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 ฤดูกาลนี้ในลีกเล่นที่เอมิเรตส์ “ปืนใหญ่” เฉือน 1-0 จากประตูชัยของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในช่วงท้ายเกม
แมนฯซิตี้ (4-1-4-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า, ริโก้ ลูอิส, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก้, โรดรี้, แบร์นาร์โด้ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น, เฌเรมี่ โดกู และเออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์, อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า,เบน ไวท์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียบ มากัลเญส, ยาคุบคีวีออร์, มาร์ติน โอเดการ์ด, จอร์จินโญ่, เดแคลน ไรซ์, บูคาโย่ซาก้า, ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่
สกอร์ที่คาด: แมนฯซิตี้ 3-2 อาร์เซน่อล
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี