มิเกล อาร์เตต้า กับ เอริค เทน ฮาก ทำทีมต่างกันดุจฟ้ากับเหว

สองทีมระดับตำนานตั้งแต่ยุคเก่าจนถึงยุคพรีเมียร์ลีก โคจรมาปะทะกันในวันอาทิตย์นี้ด้วยสถานการณ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับนรก

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะดวลกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล

ถ้านึกถึงรุ่นอมตะนิรันดร์กาล คงไม่พ้นการปะทะกันระหว่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ อาร์แซน เวงเกอร์ ที่บดบี้กันในยุคหนึ่งยาวนานนับทศวรรษ

น่าสนใจก็คือ หลังหมดยุคของ เซอร์เฟอร์กี้ ปรากฏว่า ยูไนเต็ด ไม่ได้ใกล้เคียงเลยกับการลุ้นแชมป์ลีก ตรงกันข้ามกับฟากฝั่งผู้มาเยือนที่ได้ลุ้นแชมป์เต็มตัวเป็นปีที่ 2 นับจากหมดยุคของ อาร์แซน เวงเกอร์

เป็นเวลายาวนานเข้าสู่ปีที่ 20 ที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

นับเป็นเรื่องที่น่าแปลก จากทีมในยุคไร้พ่ายซีซั่น 2003-04 พวกเขากลับไม่เคยไปอยู่ในจุดที่พวกเขาควรคู่อีกเลย

ปีก่อน มิเกล อาร์เตต้า ทำทีมแหกโค้งจนพลาดท่าก่อนเข้าเดือนสุดท้าย แต่ในปีนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป

โอกาสของ อาร์เซน่อล ยังคงเปิดกว้าง แม้ว่าจะมี “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จอดแพคอยขวางเต็มลำ

เวลานี้หลังจบเกมที่คราเวน คอทเทจ บ้านของฟูแล่ม จะทำให้ อาร์เซน่อล กับ แมนฯซิตี้ เตะเท่าก้นที่ 36 นัด และจะมาวัดกันในสัปดาห์สุดท้าย

นัดที่ 37 ของ อาร์เซน่อล จะบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้เวลา 22.30 น. ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

นัดที่ 37 ของ แมนฯซิตี้ จะบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันอังคาร เวลา 02.00 น. ที่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม

โปรแกรมก็แปลกดี เพราะโดยปกติแล้ว อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส คือคู่ปรับร่วมนอร์ธลอนดอน ขณะที่ แมนฯซิตี้ คือคู่ปะทะแมนคูเนี่ยนกับ แมนฯยูไนเต็ด

เมื่อปฏิทินการเตะออกมาแบบนี้ คงจะกระอักกระอ่วนใจดีแท้ เพราะแฟนอาร์เซน่อล อาจต้องแอบลุ้น สเปอร์ส ส่วนแฟนแมนฯซิตี้ ก็ต้องไปเชียร์ แมนยูฯ ซะงั้น

สถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าหาก แมนฯซิตี้ ครองแชมป์จะทำให้ลีกนี้เป็น “เรือใบสีฟ้า” ที่ได้แชมป์มากถึง 6 จาก 7 ปีหลังสุด และจะเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ครองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน

นาทีนี้มีแค่ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เท่านั้นที่จะท้าทายกับการหยุดสถิตินี้

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่อยู่ในใจของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมของ อาร์เซน่อล นั่นคือ เขาต้องการได้แชมป์ และหยุดการผูกขาดของแมนฯซิตี้

อาร์เตต้า กล่าวกับ บีบีซี ในขณะที่เขาเตรียมการไล่ล่าแชมป์ในการบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตุปัดตุเป๋เหลือเกินในเวลานี้

“สมองของผม มักจะพาผมให้คิดที่จะไปยังจุดที่เราจะได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก นั่นคือสิ่งที่สมองของผมคิดอยู่ในขณะนี้”

อาร์เซน่อล ชุดล่าสุดที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ปี 2004

“ปัจจุบันมันทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ชัดเจนมาก” อาร์เตต้า กล่าว “เราต้องมีสมาธิและทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”

“เรากำลังอยู่ในการเดินทางเพื่อพยายามไล่ตามแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันทำให้คุณดีขึ้นเสมอ เมื่อมีคนท้าให้คุณไปไกลขึ้นเรื่อยๆ”

“ประวัติศาสตร์ล่าสุดของซิตี้คือการคว้าแชมป์ ในฐานะคู่ต่อสู้พวกเขาทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อตลอด 15 ปีที่ผ่านมา แต่เราต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น”

อาร์เตต้า กล่าวว่า “พลังและความทะเยอทะยาน” ของเขาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมไปถึงความผูกพันในทีมสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ “น่าทึ่ง” และผมหวังว่าเราจะทำมันได้สำเร็จ

ขณะที่ อาร์เซน่อล กำลังไล่ล่าแชมป์ ตรงกันข้ามกับ “ปีศาจแดง” ที่กำลังวุ่นวายยิ่งกว่าขายปลาช่อน เพราะทีมกำลังย่ำแย่อย่างที่สุด ทั้งผลงานในสนาม และข่าวลือต่างๆ นานา

การพ่ายแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ แบบหมดรูป หมดสภาพ 0-4 มาพร้อมกับประเด็นที่นักบอล “ไร้ใจ” ไม่อยากจะลงเล่นให้กับ เอริค เทน ฮาก อีกต่อไป ยิ่งพิจารณาจากอันดับคะแนนแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาเหมือนกับ “จะทิ้ง” เพื่อเก็บร่างกายไว้ชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ

แต่สภาพก็ต้องรู้จักรักษาทรง รักษาอาการกันไว้บ้าง

ไม่มีครั้งไหนที่เก้าอี้ของ เทน ฮาก จะสั่นคลอนมากไปกว่านี้อีกแล้วนับตั้งแต่รับงานกำลังจะครบ 2 ฤดูกาล

เทน ฮาก กลายเป็นเต็ง 1 ที่จะถูกปลดออกในเวลา หลังจากผลงานยอดแย่ บวกกับการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้ถือหุ้น เมื่อสำรวมกับผลการแข่งขันยิ่งทำให้สถานการณ์ของเขากดดันมากขึ้นไปเรื่อยๆ

จุดที่น่าสนใจก็คือ เทน ฮาก ไม่ได้ใช้ทีมชุด เอลงเล่นเลยเพราะมีปัญหาบาดเจ็บระนาว และน่าจะเป็นชุด ซีลบด้วยซ้ำ

ข่าวดีก่อนเกมก็คือ บรูโน่ เฟอร์นานเดส, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และมาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาซ้อมได้แล้ว มีโอกาสกลับมาช่วยทีม แต่ที่เหลือปัญหามันอยู่ที่แผงหลังที่บาดเจ็บกันบานตะไท

ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาเอล วาราน, ลุค ชอว์, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, วิลลี่ คัมบวาล่า และไทเรลล์ มาลาเซีย นี่คือกองหลังที่ลงไม่ได้

กลายเป็นจุดสลบของทีมทันที เพราะกองหลังอาชีพในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเหลือรุ่นเดอะอย่าง จอนนี่อีแวนส์ แค่คนเดียว และจำเป็นที่ต้องเข็น กาเซมิโร่ ลงมายืนคู่ด้วย

เละสิครับ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชั่วโมงนี้ฟอร์มย่ำแย่อย่างหนัก

ตรงกันข้าม เราจะเห็นว่า อาร์เซน่อล ไม่มีปัญหานักเตะเจ็บเลย ยกเว้นคนที่เดี้ยงยาว ๆ ไม่ได้เล่นเลยอย่าง เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์

ทีนี้น่าสนใจก็คือ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ถูกไล่ยิงแบบถลุงต่อเนื่อง เพราะเกมมันแบ่งแยกชัดเจนจากกลางไปหน้า เพราะ แอนโทนี่, บรูโน่ และการ์นาโช่ ไม่ชอบเล่นเกมรับ ถอยมาไม่หมด ระยะห่างเกิดขึ้นเป็นช่องใหญ่ตรงแก็บนั้นที่ ค็อบบี้ เมนู เก่งแค่ไหน ไวแค่ไหนก็มาปิดไม่ทัน

ราสมุส ฮอยจ์ลุนด์ โดดเดี่ยวเกินไปในเกมรุก ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน เพราะช่องว่างมันก็เกิดอีก แล้ว การ์นาโช่ ก็เลี้ยงจนเสียจังหวะ ส่วน แอนโทนี่ ยิ่งแล้วใหญ่ นี่ก็ล็อกไปมาอย่างไร้เหตุผล

ประเด็นสำคัญก็คือ เทน ฮาก แทบจะไม่มีวางระบบอะไรเอาไว้รองรับการสลับการเล่นของนักเตะ เขามีแต่แผนการเล่นที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

ว่ากันตามเชิง นี่คือเกมใหญ่และเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี แน่นอนว่า ยูไนเต็ด คงไม่อยากจะแพ้อีก และสิ่งที่ต้องงัดมาสู้คือ ลูกหนัก ต้องปะทะเพื่อให้สายเทคนิคได้หวั่นไหว

แต่จะไล่ปิด ไล่เตะ ไล่สกัดได้ทันหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่อง

ว่ากันตามเชิง หากเป็นเมื่อก่อน การมาเยือนที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยูไนเต็ดเคยทำผลงานได้ดีในการเจอกับคู่ปรับสำคัญอย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่ง อาร์เซน่อล เองก็ถือเป็นระดับคู่ปรับสายโหดไม่แพ้กัน

เพียงแต่สภาพของยูไนเต็ด ไม่มีความพร้อมเอาซะเลย

ดังนั้น จึงไม่แปลกใจหากว่า อาร์เซน่อล จะชนะ แต่ถ้ามันออกเสมอหรือยูไนเต็ดคว้าชัยนัดนี้ถือว่า พลิกล็อก

พลิกตำราดูหลายมุม ยูไนเต็ด จะชนะได้ในเกมนี้พวกเขาต้องมีทุกสิ่งอย่างในเวลาเดียวกัน นั่นคือ หมัดเดียวน็อก, โป้งเดียวจอด, ปืนดวงแตก และพวกเขารับได้ดีสุดๆ

ผิดกับ อาร์เซน่อล หากพวกเขาสามารถเล่นได้ตามมาตรฐานปกติ รับรองว่า ไม่พลาด 3 คะแนน

ระดับมันห่างกันมากจริงๆ ในปีนี้ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ นี่มันคือฟุตบอล

พังมาหลายทีกับทฤษฎีต่างๆ

บี แหลมสิงห์