แชมป์ยุโรป : อตาลันต้า ทีมแกร่งจาก อิตาลี ฉลองแชมป์ ยูโรป้า ลีก อย่างชื่นมื่นหลังถล่มเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 3-0 ที่สนามอวีว่า สเตเดี้ยม ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

“ห้างยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แชมป์เยอรมนี บุนเดสลีกาแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ก็กลายเป็นการพ่ายแพ้นัดชิงชนะเลิศพลาดการเป็นดับเบิ้ลแชมป์

สถิติ 51 เกมไร้พ่าย พวกเขาได้ลิ้มรสความปราชัยตรงนี้ด้วยพิษแข้งของทีมจากอิตาลี นั่นคือ อตาลันต้า แห่งแบร์กาโม่ 0-3 พลาดแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

● แผนหน้าตัวหลอก

การเล่นแบบใช้กองหน้าตัวหลอกหรือฟอลไนน์ ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะพวกเขาเคยใช้เกมใหญ่มาแล้วในการเจอกับบาเยิร์นมิวนิค แต่วันนั้นบาเยิร์นฯเล่นกองหลัง 3 คนที่ตัวเองไม่ถนัด แต่ อตาลันตา เป็นทีมที่เล่นกองหลังสามคนมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทำให้การเข้าสกัดหรือการสอดซ้อนค่อนข้างแม่นยำกว่าชัดเจนโดยเฉพาะการกลับเข้าสู่ตำแหน่งเพื่อไปคุมพื้นที่

● เปลี่ยน ‘กรีมัลโด้’

แน่นอนว่ามันสร้างความประหลาดใจอยู่แล้วกับการเปลี่ยน อเล็กซ์ กรีมัลโด้ นักฟุตบอลที่เล่นดีมาตลอดทั้งฤดูกาลลงสนามถึง 49 นัด โดยเฉพาะในรายการนี้เล่นไป 11 นัดยิงไป 2 จ่ายไป 4แต่วันนี้วันนี้เล่นไม่ดีเลยเพราะว่าโดนคู่แข่งปิดพื้นที่เข้าทีเดียวสามตลอด เข้าใจว่าไม่อยากเปลี่ยนแต่ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน ว่ากันตามเชิง อลอนโซ่ พลาดตรงการเปลี่ยนตัวมากกว่าการจัดตัว

● บอลเพรสซิ่งกดพาสซิ่งเกม

จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ จัดแผนงานตามวิสัยน์ ด้วยการปิดพื้นที่ไม่ให้ตัวทำเกมคนสำคัญได้บอลนั่นก็คือ ฟลอเรียนเวียร์ตซ์ กับ อเล็กซ์ กรีมัลโด้ คายพิษสงไม่ออก 3-4-2-1โดยเฉพาะ เทิน คุบไมเนอร์ เป็นตัวกำหนดทิศทางการเข้าปิดพื้นที่ในแนวลึกของคู่แข่ง ที่น่าสนใจก็คือมันได้ผลมากกว่า 80% ทำให้ฟุตบอลที่เคยเข้าคู่รวมไปถึงฟุตบอลโอเวอร์โหลดที่เคยยอดเยี่ยมของห้างขายยา แทบจะไม่มีเห็นเลยในเกมนี้

● บอลนัดชิงเหมือนโยนเหรียญ

เราจะสังเกตเห็นได้ว่าผู้เล่นของห้างขายยามีอาการเกร็งชัดเจนก่อนที่จะเสียประตูแรกไปค่อนข้างที่จะง่ายไปหน่อย แน่นอนว่า เกมนัดชิงชนะเลิศมันเป็นแบบนี้จริงๆ มันเหมือนกับการโยนเหรียญ อตาลันต้า ดีกว่าตรงที่ พวกเขาทำได้ตามแผนได้ประตูนำก่อนและที่สำคัญก็คือเล่นให้เป็นธรรมชาติของตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อเดโมล่า ลุคแมน กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำแฮททริกในรอบชิงชนะเลิศยูโรปาลีก เป็นคนแรกที่ยิงแฮททริกได้ในนัดชิงตั้งแต่ จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส ยิงไว้ตั้งแต่ปี 1975ตลอดทั้งเกมเล่นสบายกว่าในฐานะทีมที่เป็นรองและถูกคาดหวังน้อยไม่มีอะไรที่จะกดดันพวกเขาไปมากกว่าตัวเอง ผิดกับ เลเวอร์ฯ แรงคาดหวังแรงกดดันและสถิติที่ตัวเองสร้างขึ้นมาทำให้พวกเขาเจอกับความยากลำบาก

● พิษสง ‘ดอน กาสเปรินี่’

3 กุนซือคนดังพังเพราะ อตาลันต้า รอบ 16 ทีม รูเบนอาโมริม ของสปอร์ติ้ง, รอบ 8 ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ของลิเวอร์พูลและรอบชิงฯ ทีมของอลอนโซ่ ทั้งหมดต่างโดนแท็กติกที่เหนือชั้นกว่าด้วยการเพรสซิ่งสูง และการจ่ายบอลที่รวดเร็ว หลังจากที่พวกเขาแย่งบอลคืนมา คือผลงานของ “ดอน กาสเปรินี่”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะแพ้ในเกมนี้ก็ไม่ได้เสียของอะไรแต่อย่างใด นี่คือทีมในตำนานของวงการฟุตบอลเยอรมนี ยังมี “ดับเบิ้ลแชมป์เมืองเบียร์” รออยู่ และเมื่อเราได้เห็น อตาลันต้าชูถ้วยยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พวกเขาเล่นเกมยุโรปนัดแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2505 หรือ ค.ศ.1962 และต้องรอถึง 60 ปี 261 วันต่อมา พวกเขากำลังจะได้มีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศยุโรปครั้งแรก และเป็นการรอคอยที่ยาวนานที่สุดระหว่างเกมแรกและนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขันยูฟ่า!!!!!!

ในรอบ 8 ปีภายใต้การคุมทีมของจาน ปิเอโร กาสเปรินี อตาลันต้า มีกำไรสุทธิจากการใช้จ่าย มากถึง 157 ล้านยูโร!!!! พวกเขามีบิลค่าจ้างที่จะเป็นอันดับ 18 เมื่อเทียบพรีเมียร์ลีก

“ไม่ใช่แค่ว่าเราชนะ แต่มันวิธีที่เราชนะด้วย!” เขากล่าว“เราเอาชนะลิเวอร์พูลได้เมื่อพวกเขาอยู่จ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีกเร่เอาชนะสปอร์ติ้ง ลิสบอน จ่าฝูงโปรตุเกส รอบ 15 ทีมและตอนนี้เราชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แชมป์เยอรมนี เราภูมิใจอย่างยิ่ง”

กาสเปรินี่ คว้าถ้วยรางวัลแรกในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา ด้วยวัย 66 ปี เป็นถ้วยรางวัลแรกของเขาหลังจากคุมทีมมา 21 ปีนับเป็นกุนซือวัยดึกที่สุดที่ทำได้ในบอลยุโรปถ้วยนี้ เขาเข้ามาคุมอตาลันต้า ในปี 2016 เป้าหมายคือการหนีตกชั้น, ปี 2018 พวกเขาได้ไปเล่นในยูโรป้าลีก, ปี 2019 พวกเขาอยู่ใน UCL เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และปีนี้ แชมป์ยูโรป้า ลีกเป็นทีมจากอิตาลี ทีมแรกที่ได้ถ้วยนี้ต่อจาก ปาร์ม่า ปี 1999

พร้อมกับยุติความหวังสามแชมป์ไร้พ่ายของ เลเวอร์คูเซ่น!