การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยใหญ่ที่สุดของยุโรปเดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูกาล 2023-24 ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ เกมนี้เล่นที่สนาม เวมบลีย์ ในมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์ 14 สมัยจะพบกับ “เสือเหลือง” โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ แชมป์ 1 สมัย ในเวลา 02.00 น.

ความพร้อมของ ดอร์ทมุนด์ ในลีกผลงานไม่สู้ดีนักจบอันดับ 5 แต่โชคดีที่ปีนี้ค่าสัมประสิทธิ์ยุโรปของบุนเดสลีกาอยู่ในระดับสูงทำให้ได้โควตาในฤดูกาลหน้า 5 ทีม ทีมของ เอดิน แตร์ซิซ ถูกจัดว่าเป็นม้ามืดเต็งจะร่วงตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ฝ่าฟันเข้ามาได้ เกมนี้ไม่มี เรมี่ เบนเซไบนี่ แบ๊กซ้ายที่บาดเจ็บ และรอทดสอบความฟิตเซบาสเตียน ฮัลแลร์ นอกนั้นถือว่าพร้อมเต็มสูบ มาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย มาร์เซล ซาบิตเซอร์,เอ็มเร่ ชาน, เจดอน ซานโช่, ยูเลี่ยน บรันด์ท, คาริม อเดเยมี่ และนิคลาส ฟืลล์ครืก

ทางฝั่ง เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ รอบที่แล้วพลิกนรกเอาชนะ บาเยิร์นฯมิวนิค ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งานออเรลิยง ชูอาเมนี่ ที่ฟิตไม่ทัน รวมไปถึง ดาวิดอลาบา ที่เดี้ยงไปก่อนหน้านี้ ส่วนในรายผู้รักษาประตู อังเดรย์ ลูนิน ป่วยเป็นหวัดบินมาสมทบเพื่อนร่วมทีมช้าหน่อย แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไรได้ออกสตาร์ทก่อนตีโบต์ กูร์กตัวส์

“คาร์เล็ตโต้” เตรียมจัดระบบระบบ 4-3-1-2 เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ คุมแดนกลางร่วมกับ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า และโทนี่ โครส แนวรุกใช้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมลาลีกา สเปน ได้ชนทีมเก่า ด้วยการยืนเป็นจอมทัพปั้นเกมอยู่ด้านหลังคู่หัวหอกความเร็วสูงอย่าง โรดริโก้ และวินิซิอุส จูเนียร์

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เรอัล มาดริด เหนือกว่าชนะได้ 2 เสมอ 2 ส่วน ดอร์ทมุนด์ ชนะ 1

ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : เกรกอร์ โกเบล,ยูเลี่ยน ไรเยอร์สัน, มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์, นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค,เอียน มาตเซ่น, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เอ็มเร่ ชาน,เจดอน ซานโช่, ยูเลี่ยน บรันด์ท, คาริม อเดเยมี่ และนิคลาส ฟืลล์ครืก

เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : อังเดรย์ ลูนิน, ดานี่ การ์บาฆาล, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กลองด์ เมนดี้, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, เอดูอาร์โด้คามาวิงก้า, โทนี่ โครส, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, โรดริโก้ และวินิซิอุส จูเนียร์

อัตราต่อรอง : เรอัล มาดริด ต่อ ครึ่งควบลูก

สกอร์ที่คาด : ดอร์ทมุนด์ 1-2 เรอัล มาดริด

Road To Wembley 2024

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี)

รอบแบ่งกลุ่ม

19/09/2023 (เยือน) แพ้ เปแอสเช (ฝรั่งเศส) 0-2

04/10/2023 (เหย้า) เสมอ เอซี มิลาน (อิตาลี) 0-0

25/10/2023 (เยือน) ชนะ นิวคาสเซิ่ล (อังกฤษ) 1-0

07/11/2023 (เหย้า) ชนะ นิวคาสเซิ่ล (อังกฤษ) 2-0

28/11/2023 (เยือน) ชนะ เอซี มิลาน (อิตาลี) 3-1

13/12/2023 (เหย้า) เสมอ เปแอสเช (ฝรั่งเศส) 1-1

ลงเล่น 6 เกม ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้1 มี 11 คะแนน เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

รอบ 16 ทีม

20/02/2024 เลกแรก (เยือน) เสมอ พีเอสวีฯ(เนเธอร์แลนด์) 1-1

13/03/2024 เลกสอง (เหย้า) ชนะ พีเอสวีฯ (เนเธอร์แลนด์) 2-0

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 3-1

รอบก่อนรองชนะเลิศ

10/04/2024 เลกแรก (เยือน) แพ้ แอตฯ มาดริด (สเปน) 1-2

16/04/2024 เลกสอง (เหย้า) ชนะ แอตฯ มาดริด (สเปน) 4-2

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 5-4

รอบรองชนะเลิศ

01/05/2024 เลกแรก (เหย้า) ชนะ เปแอสเช (ฝรั่งเศส) 1-0

07/05/2024 เลกสอง (เยือน) ชนะ เปแอสเช (ฝรั่งเศส) 1-0

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 2-0

เรอัล มาดริด (สเปน)

รอบแบ่งกลุ่ม

20/09/2023 (เหย้า) ชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน (เยอรมนี) 1-0

03/10/2023 (เยือน) ชนะ นาโปลี (อิตาลี) 3-2

24/10/2023 (เยือน) ชนะ บราก้า (โปรตุเกส) 2-1

08/11/2023 (เหย้า) ชนะ บราก้า (โปรตุเกส) 3-0

29/11/2023 (เหย้า) ชนะ นาโปลี (อิตาลี) 4-2

12/12/2023 (เยือน) ชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน (เยอรมนี) 3-2

ลงเล่น 6 เกม ชนะ 6 มี 18 คะแนน เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

รอบ 16 ทีม

13/02/2024 เลกแรก (เยือน) ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี) 1-0

06/03/2024 เลกสอง (เหย้า) เสมอ แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี) 1-1

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 2-1

รอบก่อนรองชนะเลิศ

09/04/2024 เลกแรก (เหย้า) เสมอ แมนฯซิตี้ (อังกฤษ) 3-3

17/04/2024 เลกสอง (เยือน) เสมอ แมนฯซิตี้ (อังกฤษ) 1-1

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 4-4 (ชนะจุดโทษ 4-3)

รอบรองชนะเลิศ

30/05/2024 เลกแรก (เยือน) เสมอ บาเยิร์นฯมิวนิค (เยอรมนี) 2-2

08/05/2024 เลกสอง (เหย้า) ชนะ บาเยิร์นฯ มิวนิค (เยอรมนี) 2-1

เข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 4-3