เมื่อบอกว่า “อังกฤษ” เป็นเต็ง 1 แน่นอนว่า เสียจะต้องออกมาแค่สองทางเท่านั้นแหล่ะ
คือหัวเราะ กับหัวร่อร่วน
ส่วนจะหัวเราะไปทางไหนนั้นมันขึ้นอยู่กับท่านพิจารณาและเข้าใจกันไปได้เลย
อังกฤษ ในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าว่ากันด้วยความเป็นธรรม พวกเขาเข้าใกล้กับความสำเร็จอย่างน่าสนใจมาก ทั้งจากการได้อันดับ 4 ในศึกบอลโลก 2018 ต่อด้วยเข้าชิงแต่แพ้จุดโทษ อิตาลี ได้แค่รองแชมป์ยูโร 2020 แต่เตะปี 2021
ก่อนจะเข้าถึงรอบ 8 ทีมด้วยการแพ้ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด 2022 ที่กาตาร์
ถ้ามองถึงผลงานภาพรวม เซาธ์เกต ทำทีมได้อย่างมั่นคงและมีมาตรฐาน แต่ก็ยังไม่สุดซะทีจนคนคิดว่า โอกาสสุดท้ายของเขาคือรายการยูโรครั้งนี้
แล้วเป็นเต็ง 1 มันเป็นผลดีหรือผลเสียที่มากกว่ากัน
แน่นอนว่า บริษัทพูลแม้จะเป็นสกุลอังกฤษของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ได้มา “ยกหางกันเอง” แบบสั่วๆ แต่จากการพิจารณาจากผู้เล่น และฟอร์มโดยรวมก็ถือว่า ไม่ได้แปลกอะไร
พวกเขามีกองหน้าที่ไว้ใจได้อย่าง แฮร์รี่ เคน
พวกเขามีกองกลางเพชรเม็ดใหม่อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม
พวกเขามีกองกลางพลังม้าอย่าง เดแคลน ไรซ์ และมีดาวรุ่งจะ ค็อบบี้ เมนู รวมถึงแบ๊กแปลงกายอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เปลี่ยนมิติได้
พวกเขามีตัวรุกที่น่าสนใจที่ท็อปฟอร์มอยู่ทั้งหมดคือฟิล โฟเด้น นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก, โคล พาลเมอร์ และบูคาโย่ ซาก้า
อีกทั้งคู่แข่งร่วมสาย เซอร์เบีย, เดนมาร์ก และสโลวีเนีย มันทำให้ “คิดได้” เพราะจากนั้นรอบน็อกเอาท์มันหนีไม่ออกต้องไปวัดดวงกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม คำถามที่สวนกลับมาก็คือ อังกฤษ เองไม่มีแบ๊กซ้ายธรรมชาติ นั่นเพราะ ลุค ชอว์ ที่ถูกเข็นเข้ามาทั้งที่ไม่มีแมทช์ฟิต ตามภาพรวมคือ คีแรน ทริปเปียร์ ต้องไปเป็นฤาษีดัดตน
คำถามต่อมาคือ ไม่ว่าจะที่จะมาจับเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ จอห์น สโตนส์ จะดีพอหรือไม่อย่างไร
อีกทั้งผู้รักษาประตูที่ไม่รู้เหมือนกันว่า “ผีจะออก” ตอนไหนระหว่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด กับ แอร่อน แรมสเดลล์
รวมไปถึงอาถรรพ์ของ แฮร์รี่ เคน ที่เข็ดขี้อ่อนขี้แก่กันทั้งบาง
ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า เมื่อถึงเวลาแข่งขันจริงจะเป็นอย่างไร เพราะสถิติเปิดสนามของ “สิงโต” มันไม่ค่อยจะ “ตุ้งแช่” เท่าไหร่นัก
ปี 1968 แพ้ ยูโกสลาเวีย 0-1 ที่ฟลอเรนซ์
ปี 1980 เสมอ เบลเยียม 1-1 ที่ตูริน
ปี 1988 แพ้ ไอร์แลนด์ 0-1 ที่ สตุ๊ตการ์ท
ปี 1992 เสมอ เดนมาร์ก 0-0 ที่มัลโม
ปี 1996 เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ที่ลอนดอน
ปี 2000 แพ้ โปรตุเกส 2-3 ที่ไอนด์โฮเฟ่น
ปี 2004 แพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ที่ลิสบอน
ปี 2012 เสมอ ฝรั่งเศส 1-1 ที่โดเนตส์
ปี 2016 เสมอ รัสเซีย 1-1 ที่มาร์กเซย
ปี 2021 ชนะ โครเอเชีย 1-0 ที่ลอนดอน
เท่ากับว่า เพิ่งจะชนะนัดแรกในศึกนี้ ก็เมื่อหนที่แล้วเมื่อ3 ปีก่อน
ความยากในการเป็นตัวเต็ง แม้ผลงานในอดีตไม่ได้สวยหรูนัก แชมป์ก็หนเดียวนั่นคือการเป็นแชมป์โลก ปี 1966 แต่ด้วยความเป็นอังกฤษ เป็น “แผ่นดินแม่แห่งวงการฟุตบอล” เป็น “เจ้าของกฎกติกาของฟุตบอล”
ดังนั้น จึงถูกคาดหวังว่า “ต้องเป็นเจ้าแห่งฟุตบอล” นั่นเป็นเรื่องของกิเลสที่อยู่คู่กับมนุษย์มาเป็นพันๆ ปี
ท้ายสุดแล้ว “เต็ง 1” จะเป็นแชมป์หรือไม่นั้น มันเป็นเรื่องของสองสิ่งรวมกันนั่นคือ 1.ฝีเท้า และสำคัญสุดๆ คือ 2.วาสนา
อังกฤษ นั้นมีฝีเท้าที่ดี มีลีกฟุตบอลที่มั่งคั่งสุดของโลก แต่ถ้านับเรื่องวาสนานั้น
ไม่ต้องถึงขั้นอรหันต์....เชื่อว่าทุกท่านคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี