แฮร์รี่ เคน จะนำทัพทีมชาติอังกฤษ ในฐานะเต็ง 1 ประเดิมสนามดวลกับ เซอร์เบีย

ศึกฟุตบอลยูโร 2024 ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2024 ลงสนาม 3 คู่ถ่ายทอดสดผ่านทาง พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 และทรูวิช่ันส์ เริ่มต้นด้วยนัดแรกของกลุ่ม ดี ในเวลา 20.00 น. “อินทรีขาว” ทีมชาติโปแลนด์ จะพบกับ “อัศวินสีส้ม” ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทีมแชมป์รายการนี้เมื่อปี 1988 มี อาร์ตูร์ โซอาเรส ดิอาส จากโปรตุเกส เป็นผู้ตัดสิน

โปแลนด์ ชุดนี้คุมทีมโดย มิชาล โพรเบี๊ยร์ซ ผลงานในเกมอุ่นเครื่องถือว่ายอดเยี่ยมเอาชนะ ยูเครน และตุรกี ที่เป็นทีมในระดับใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม เกมแรกต้องเจอปัญหาใหญ่ เมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งาน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกคนสำคัญที่บาดเจ็บยังไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้โอกาสจะตกเป็นของ คริสซ์ตอฟ พีออนเต็คลงเล่นแทน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร มาในระบบ 3-5-2 นำโดย เปอร์เซสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, บาร์ตอสซ์ สลิสซ์, ยาคุบ โมเดอร์, ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้, นิโกล่า ซาเลฟสกี้ และคาโรล สวิเดอร์สกี้

ทางฝั่ง “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน ลงอุ่นเครื่องฟอร์มยอดเยี่ยมถล่ม แคนาดา และไอซ์แลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 4-0 แต่น่าเสียดายชุดนี้ต้องขาด 3 มิดฟิลด์คนสำคัญอย่าง มาร์เท่น เดอ รูน, เทิน คุปไมเนอร์ส และเฟร็งกี้ เดอ ยองก์ ที่บาดเจ็บถอนตัวออกไป เรียกได้ว่ากลางยวบเลยทีเดียว มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะใช้หลังสาม เพราะแนวรับค่อนข้างแข็งแกร่ง เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค เป็นกำแพงเหล็ก ตรงกลางอาจจะต้องใช้ ทียานี่ ไรนเดอร์ส เล่นกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุมโดยมี ซาฟี่ ซิม่อนส์ คอยปั้นเกมอยู่หลังคู่หัวหอกอย่าง เมมฟิส เดอปาย และโคดี้ กัคโป

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 19 ครั้งในทุกรายการ เนเธอร์แลนด์ ชนะ 9 เสมอ 7 และโปแลนด์ ชนะ 3 ส่วนรายการนี้เจอกันแต่รอบคัดเลือก ถือว่าสูสี 6 ครั้ง ผลัดกันชนะไปฝั่งล่ะ 2 และเสมอ 2

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม โปแลนด์ (3-5-2) : วอยเซ็ค เชสนี่, แยน เบ็ดนาเน็ค, พาเวล ดาวิโดวิชซ์, ยาคุบคีวิเออร์, เปอร์เซสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, บาร์ตอสซ์ สลิสซ์,ยาคุบ โมเดอร์, ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้, นิโกล่า ซาเลฟสกี้, คริสซ์ตอฟพีออนเต็ค และคาโรล สวิเดอร์สกี้

เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) : มาร์ค เฟล็คเค่น, ลุทชาเรล เกียร์ทุยด้า, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้, เดนเซล ดุมฟรีส์, ทียานี่ ไรนเดอร์ส, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เอียน มาตเซ่น, ซาฟี่ซิม่อนส์, เมมฟิส เดอปาย และโคดี้ กัคโป

อัตราต่อรอง : เนเธอร์แลนด์ ต่อ ครึ่งควบลูก

สกอร์ที่คาด: โปแลนด์ 1-2 เนเธอร์แลนด์

เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมเนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอบททดสอบแรกกับ โปแลนด์

คู่ต่อมาไปที่กลุ่ม ซี ลงเล่นในเวลา 23.00 น. ที่สนามเมอร์เซเดส เบนซ์ อารีน่า ในสตุ๊ตการ์ท “มังกรน้อย” ทีมชาติสโลวีเนียจะพบกับ “โคนม” เดนมาร์ก ที่เคยสร้างเทพนิยายเดนส์คว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 1992 มี ซานโดร แชรเรอร์ จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้ตัดสิน

สโลวีเนีย คุมทีมโดย มาเทียช เค็ค ลงอุ่นเครื่องมา 2 เกม ชนะ อาร์เมเนีย 2-1 และเสมอบัลแกเรีย 1-1 เกมนี้อาจจะต้องรอทดสอบความฟิตของผู้เล่นบางรายแต่ตัวหลักๆ ยังถือว่าอยู่กันครบ ตัวเก๋าอย่าง ยาสมีน คูติซ และโยซิป อิลิซิซ อาจจะต้องนั่งสำรองไปก่อนเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ลงเล่น นำโดยผู้รักษาประตูมือดีอย่าง ยาน โอบลัค ที่จะเฝ้าเสาเป็นด่านสุดท้าย ส่วนเกมรุกฝากความหวังไว้ที่ดาวรุ่งอย่าง เบนจามิน เซสโก้

ทางฝั่ง เดนมาร์ก ยังใช้โค้ชคนเดิมคือ แคชเปอร์ ยูลมันด์ ที่ผ่านเข้าถึงรอบตัดเชือกครั้งที่แล้ว ขุมกำลังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยรวมถือว่าแข็งแกร่ง ลงอุ่นเครื่องมา 2 เกมกับทีมในแถบสแกนดิเนเวียชนะ สวีเดน 2-1 และนอร์เวย์ 3-1 ตามรายงานเกมนี้ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ อาจจะเล่นในระบบหลังสามตรงกลางใช้ คริสเตียน เอริคเซ่น คุมจังหวะเกมร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค และโธมัส เดลานีย์ โดยมี โยนาส วินด์ และราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นคู่หัวหอก

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 6 ครั้งในทุกรายการ เดนมาร์ก เหนือกว่าเยอะ พวกเขาไม่เคยแพ้เลยชนะ 5 และเสมอ 1 ล่าสุดเพิ่งเจอกันมาในรอบคัดเลือกรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว เดนมาร์ก ไปเยือนเสมอ 1-1 ก่อนจะกลับมาเฝ้ารังเฉือน 2-1

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม สโลวีเนีย (4-4-2) : ยาน โอบลัค, แซน คานิชนิค, มิฮา บลาซิซ, จาก้า บิยอล, เอริค ยานซ่า, เปตาร์ สโตยาโนวิช, ทิมี่ มักซ์ เอลสนิค, อดัม เชริน,ยาน มลาคาร์, เบนจามิน เซสโก้ และอันดราซ สโปราร์

เดนมาร์ก (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, ซิมง เคียร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ราสมุสคริสเตนเซ่น, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, โธมัส เดลานีย์, โยอาคิม เมห์เล่, คริสเตียน เอริคเซ่น, โยนาส วินด์ และราสมุส ฮอยลุนด์

อัตราต่อรอง : เดนมาร์ก ต่อ ครึ่งควบลูก

สกอร์ที่คาด: สโลวีเนีย 1-2 เดนมาร์ก

ราสมุส ฮอยจ์ลุนด์ หัวหอกเดนมาร์ก ตัวความหวังของทีมจะดวลกับ สโลวีเนีย

ปิดท้ายคู่ดึกสุดที่ เฟลตินส์ อารีน่า, เกลเซนเคียร์เช่น กลุ่ม ซี ลงเล่นในเวลา 02.00 น. เซอร์เบีย จะพบกับเต็งหนึ่งทีมขวัญใจมหาชน “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ มีดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ จากอิตาลี เป็นผู้ตัดสิน ขนาดยังไม่เตะก็มีประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันต้องตรึงกำลังกว่า 1,000 มาค่อยรักษาความปลอดภัยในเกมนี้ หวั่นฮูลิแกนของ เซอร์เบีย จะไปทำร้ายแฟนบอลอังกฤษ และมีการจำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามด้วย

ความพร้อมเริ่มที่ เซอร์เบีย ชุดนี้คุมทีมโดย ดราแกน สตอยโกวิช ขุมกำลังมีชื่ออยู่แล้ว ส่วนใหญ่ค้าแข้งในลีกดังของยุโรป ลงอุ่นเครื่องมา 2 เกม พ่ายออสเตรีย 1-2 และถล่ม สวีเดน 3-0 ตามรายงานเกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มตัวผู้เล่นที่เรียกเข้ามาถือว่าพร้อมลงเล่นทั้งหมด จัดทัพในระบบ 3-4-2-1 นำโดยอันดริย่า ซิฟโควิช, เนมานย่า กูเดลจ์, ซาช่า ลูคิช, ฟิลิป คอสติส,เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิช และอเล็กซานดาร์มิโตรวิช โดยมี ดูซาน วลาโฮวิช ค่อยสแตนด์บาย

ทางฝั่ง อังกฤษ ไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ แต่พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่แข็งแกร่งสุดๆ แต่ชุดนี้ไม่มี แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงแจ็ค กรีลิช ที่ถูกหั่นออกไป เกมนี้รอลุ้นความฟิตของ ลุค ชอว์ ส่วน จอห์น สโตนส์ กลับมาซ้อมได้แล้วน่าจะได้สตาร์ตัวจริงคุมแนวรับกับ มาร์ค เกฮี แดนกลางอาจจะส่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงไปคุมจังหวะเกมร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ โดยมี บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิ่งแฮม และฟิล โฟเด้น ประสานงานเกมรุกป้อนบอลให้หน้าเป้า แฮร์รี่ เคน

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมครั้งเดียวในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2003 อังกฤษ เอาชนะ 2-1

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เซอร์เบีย (3-4-2-1) : วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช, นิโกล่า มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช, เนมานย่า กูเดลจ์,ซาช่า ลูคิช, ฟิลิป คอสติส, เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิช และอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

อังกฤษ (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดแคลน ไรซ์, บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน

อัตราต่อรอง : อังกฤษ ต่อ ลูกครึ่ง

สกอร์ที่คาด : เซอร์เบีย 1-3 อังกฤษ