ซูเปอร์ซับ : ฟรานซิสโก้ คอนไซเซา กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกส สะใจสุดขีดหลังลงมาเป็นฮีโร่ ซัดประตูชัยช่วยให้ทัพ “ฝอยทอง” เอาชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1 ในศึกยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม ที่ประเทศเยอรมนี

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17“ยูโร 2024” ในค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2024 ลงสนาม3 คู่ รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 เริ่มจากกลุ่มซี ฟาดแข้งที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า ในเมืองมิวนิค สโลวีเนีย จะพบกับ เซอร์เบีย ในเวลา 20.00 น. โดยมี อิสต์วาน โควัคส์ จากโรมาเนีย เป็นผู้ตัดสิน

ความพร้อมเริ่มที่ สโลวีเนีย ออกสตาร์ทเกมแรกด้วยการเสมอกับ “โคนม” เดนมาร์ก 1-1 ถือว่าเล่นได้ดีมีแนวทางการเข้าทำที่ชัดเจน เกมนี้ทีมของ มาเทียช เค็ค ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ แกนหลักยังอยู่กันครบ เชื่อว่าไม่น่าจะปรับทีมเล่นในระบบ 4-4-2 วาง อดัม เซริน และทิมี่ แม็กซ์ เอลสนิคทำหน้าที่คุมแดนกลาง โดยมี เปตาร์ สโตยาโนวิช และยาน มลาคาร์เป็นตัวริมเส้นสองฝั่งคอยลงมาปิดพื้นที่เกมรับ วางบอลยาวให้กับคู่หัวหอกอย่าง เบนจามิน เซสโก้ และอันดราซ สโปราร์ คอยวิ่งโฉบเก็บบอล

ทางฝั่ง เซอร์เบีย ภายใต้การคุมทีมของ ดราแกนสตอยโควิช เกมแรกพ่ายให้กับเต็งหนึ่ง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ 0-1 เกมนี้ต้องรอทดสอบความฟิตของ ฟิลิป คอสติช ริมเส้นคนสำคัญที่บาดเจ็บมาจากนัดที่แล้วผ่านมา ที่เหลือถือว่าไม่มีปัญหาอะไร จัดทัพเหมือนเดิมเล่นในระบบ 3-4-2-1 หาก คอสติช เล่นไม่ไหว มีความเป็นไปได้ว่า ดูซาน ทาดิช อาจจะต้องถอยมาประจำการแทน โดยมี ซาช่า ลูคิช และเนมานย่ากูเดลจ์ คุมแดนกลาง ปล่อยให้ เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช และดูซาน วลาโฮวิช ทำเกมรุกอยู่ด้านหลังหน้าเป้าอย่าง อเล็กซานดาร์มิโตรวิช

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 4 ครั้งในทุกรายการ ถือว่าสูสี ผลัดกันชนะไปฝั่งล่ะ 1 ครั้ง และเสมอ 2

สกอร์ที่คาด : สโลวีเนีย 1-1 เซอร์เบีย

คู่ต่อมากลุ่ม ซี นัดที่ 2 ลงเล่นในเวลา 23.00 น. ที่สนามดอยซ์ แบงก์ พาร์ค ในเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต ขวัญใจมหาชน “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะพบกับ “โคนม” เดนมาร์ก โดยมี อาร์ตูร์ โซอาเรส ดิอาส จากโปรตุเกสทำหน้าที่ผู้ตัดสิน

เดนมาร์ก ออกสตาร์ทเกมแรกไม่ดีนักพวกเขาครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งมีโอกาสหลายครั้ง แต่จบไม่คมมาโดน สโลวีเนีย ตามตีเสมอ 1-1 ทีมของกุนซือ แคสเปอร์ ยูลมันด์ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ จากแนวโน้มไม่น่าจะมีการปรับทัพยึดระบบ 3-4-1-2เหมือนเดิม คริสเตียน เอริคเซ่น ที่เพิ่งยิงประตูแรกในรอบสุดท้ายของรายการนี้มีอิสระในการปั้นเกมรุกประสานงานกับคู่หัวหอกอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์

ทางฝั่ง ทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าจะเก็บ 3 คะแนน ในเกมแรกด้วยการเฉือน เซอร์เบีย 1-0 แต่ในเรื่องของรูปเกมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีโอกาสยิงทั้งเกมแค่ 5 ครั้ง จนถูกแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์ เกมนี้ ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาจุดเดียวคือต้องเช็คความฟิตของ ลุค ชอว์ แบ๊กซ้ายที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์แต่ก็ติดทีมมา นอกนั้นอยู่กันครบ มีความเป็นไปได้ว่าจะยึดแกนหลักชุดเดิม วาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คุมแดนกลางร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ โดยมี บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิ่งแฮม และฟิล โฟเด้น ประสานงานเกมรุกป้อนบอลให้กับหน้าเป้า
แฮร์รี่ เคน ที่เพิ่งสร้างสถิติเป็นนักเตะอังกฤษที่ลงสนามรอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนท์ระดับเมเจอร์มากที่สุดจำนวน 23 เกม

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 22 ครั้งในทุกรายการ อังกฤษ เหนือกว่าเยอะ ชนะได้ 13 เสมอ 5 และเดนมาร์ก ชนะ 4 เพิ่งดวลกันในรายการนี้รอบคัดเชือกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เสมอในเวลาปกติ 1-1 ก่อนที่อังกฤษจะเฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 ในการต่อเวลาพิเศษจากประตูชัยของ แฮร์รี่ เคน

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เดนมาร์ก (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, อันเดรียสคริสเตนเซ่น, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, อเล็กซานเดอร์ บาห์,มอร์เท่น ยูลมันด์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, วิคเตอร์ คริสเตนเซ่น,คริสเตียน เอริคเซ่น, ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์

อังกฤษ (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์,จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดแคลน ไรซ์, บูคาโย่ ซาก้า,จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน

สกอร์ที่คาด : เดนมาร์ก 1-2 อังกฤษ

ปิดท้าย นัดที่ 2 ของกลุ่ม บี ลงเล่นในเวลา 02.00 น.ถือเป็นเกมบิ๊กแมทช์ของสองทีมที่คว้าชัยมาในเกมแรกที่สนามเฟลตินส์ อารีน่า ในเมืองเกลเซนเคียร์เช่น“ กระทิงดุ” สเปนจะพบกับ อิตาลี โดยมี สลาฟโก้ วินซิซ จากสโลวีเนีย เป็นผู้ตัดสิน

สเปน ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ออกสตาร์ทได้อย่างสวยหรูด้วยการถล่ม “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ขาดลอย 3-0 เกมนี้อาจจะต้องรอทดสอบความฟิตของ อัลบาโร่โมราต้า ดาวยิงคนสำคัญที่เดี้ยงมาจากเกมที่แล้ว นอกนั้นไม่มีรายงานนักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติม มาในระบบ 4-3-3 ตามถนัด วาง เปดรี้ คุมแดนกลางร่วมกับ โรดรี้ และฟาเบียน รุยซ์ แนวรุกใช้ ลามีน ยามาล ที่เพิ่งจะทุบสถิติแข้งอายุน้อยสุดที่ลงเล่นและแอสซิสต์ในรอบสุดท้ายของรายการนี้ ประสานงานกับ นีโก้วิลเลี่ยมส์ หาก โมราต้า ลงไม่ไหวอาจจะต้องใช้ โฆเซลู ลงมาค้ำในแดนหน้า

ทางฝั่ง อิตาลี ของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ เสียประตูตั้งแต่ 23 วินาทีแรก แต่ก็ยังเอาตัวรอดพลิกกลับมาชนะ แอลเบเนีย 2-1 พวกเขาเป็นทีมที่จ่ายบอลมากที่สุดสำหรับเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม 822 ครั้ง เกมนี้ต้องลุ้นว่า นิโคโล่ ฟาโจลี่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่บาดเจ็บไม่มีส่วนร่วมในเกมแรกจะฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกหรือไม่ ที่เหลือไม่น่ามีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-2-3-1 วางจอร์จินโญ่ คุมแดนกลางร่วมกับ นิโคโล่ บาเรลล่า แนวรุกคาดว่าเฟเดริโก้ เคียซ่า น่าจะผ่านความฟิตสตาร์ทตัวจริงประสานงานกับ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ และลอเรนโซ่ เปเลกรินี่ โดยมี จานลูก้า สกามัคค่า ยืนหน้าเป้า

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 36 ครั้งในทุกรายการ สเปน เหนือกว่า ชนะ 14 เสมอ 12 และอิตาลี ชนะ 10 ถือว่าเจอกันบ่อยในรอบสุดท้ายของรายการนี้ 7 ครั้ง นับแบบเวลาปกติ อิตาลี ชนะ 2 สเปน ชนะ 1 และเสมอถึง 4 โดยชัยชนะของทัพ “กระทิงดุ” เป็นเกมรอบชิงชนะเลิศในปี 2012 พวกเขาถล่มทีม “อัซซูรี่” ไปแบบขาดลอย 4-0

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม สเปน (4-3-3) :อูไน ซิม่อน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรบิน เดอ นอร์มองด์, นาโช่เฟร์นานเดซ, มาร์ค คูคูเรลญ่า, เปดรี้, โรดรี้, ฟาเบียน รุยซ์, ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และนีโก้ วิลเลี่ยมส์

อิตาลี (4-2-3-1) : จานลุยจิ ดอมนารุมม่า, โจวานนี่ดิ ลอเรนโซ่, อเลสซานโดร บาสโตนี่, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่,เฟเดริโก้ ดิมาร์โก, จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาเรลล่า, เฟเดริโก้ เคียซ่า,ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่, ลอเรนโซ่ เปเลกรินี่ และจานลูก้า สกามัคค่า

สกอร์ที่คาด : สเปน 1-1 อิตาลี