การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2024 ลงสนาม 3 คู่ รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 เริ่มจากกลุ่ม อี ในเวลา 20.00 น. ที่สนามเมอร์คูร์ สปีล-อารีน่า ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ สโลวะเกีย จะพบกับ ยูเครน โดยมี ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ จากอังกฤษ เป็นผู้ตัดสิน
ความพร้อมเริ่มที่ สโลวะเกีย คุมทัพโดย ฟรานเชสโก้คัลโซน่า พลิกล็อกเอาชนะ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม มา 1-0 ตามรายงานอาจจะต้องรอทดสอบความฟิต ยูรายคุซก้า มิดฟิลด์จอมเก๋า แต่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่เหลืออยู่กันครบ มี มาร์ติน ดูบราฟก้า เป็นด่านสุดท้าย พร้อม มิลาน สคีร์เนียร์ เป็นหัวใจในแนวรับ แดนกลางวาง สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า เล่นกับ ออนเดรย์ ดูด้า ส่วนเกมรุกฝากความหวังไว้ที่ อีวาน ชรานซ์, โรเบิร์ต โบเซนิค และลูคัส ฮาราสลิน
ทางฝั่ง ยูเครน ทำผลงานน่าผิดหวังในเกมแรกพ่ายให้กับ “ผีดิบ” โรมาเนีย แบบหมดรูป 0-3 ทีมของ เซอร์เกย์เรบรอฟ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ อาจจะมีการปรับทัพบางตำแหน่ง โอเล็คซานเดอร์ ชินเชนโก้ น่าจะต้องขยับขึ้นมาคุมแดนกลางร่วมกับ ทาราส สเตปาเนนโก้ โดยมี วิคเตอร์ซีกานคอฟ ประสานงานเกมรุกกับ จอร์จี้ ซูดาคอฟ และมิคายโล มูดริค โดยมี อาร์เต็ม ดอฟบิค ยืนหน้าเป้า
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 8 ครั้งในทุกรายการ ยูเครน ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยชนะ 3 เสมอ 3 และสโลวะเกียชนะ 2
สกอร์ที่คาด : สโลวะเกีย 2-2 ยูเครน
คู่ต่อมาเป็นการเตะในกลุ่ม ดี นัดที่สอง ฟาดแข้งในเวลา 23.00 น. ที่สนามโอลิมปิกสตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลินเป็นการเจอกันของสองทีมที่พ่ายมาในเกมแรก โปแลนด์ จะพบกับ ออสเตรีย มี ฮาลิล อูมุต เมแลร์ จากตุรกี เป็นผู้ตัดสิน
โปแลนด์ ของ มิชาล โพรเบี๊ยร์ซ พ่ายให้กับ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ไปแบบสนุก 1-2 พวกเขามีโอกาสสองเข้ากรอบจนนายทวารคู่แข่งต้องออกแรงเซฟถึง 6 ครั้ง เกมนี้ต้องรอทดสอบความฟิต บาร์ตอสซ์ ซาลามอนแนวรับที่บาดเจ็บ ส่วนข่าวดีคือการได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ดาวยิงคนสำคัญที่น่าจะฟิตเต็มร้อยพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร อาจจะปรับทีมบางตำแหน่งแต่ยึดแผนเดิม 3-5-2 นำโดย วอยเซ็ค เชสนี่, ยาคุบคีวิออร์, ยาคุบ โมเดอร์, ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ และนิโกล่า ซาเลฟสกี้
ทางฝั่ง ออสเตรีย ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟรังนิค พ่ายให้กับเต็งสองอย่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส 0-1 ด้วยรูปเกมที่พวกเขาสู้ได้ ตามรายงานเกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติม เรียกได้ว่าแกนหลักยังคงอยู่กันครบมีความเป็นไปได้จะจัดทีมในระบบ 4-2-3-1 นิโคลัส ไซวัลด์คุมแดนกลางร่วมกับ โฟลเรียน กรีลลิทช์ โดยมี คอนราดไลเมอร์ ที่ต้องถางไปขึ้นเกมริมเส้นประสานงานกับคริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ และมาร์เซล ซาบิตเซอร์ โดยมีมิชาเอล เกรกอริตช์ ยืนเป็นหน้าเป้า
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 11 ครั้ง ในทุกรายการโปแลนด์ ทำได้ดีกว่า ชนะ 6 เสมอ 2 และออสเตรีย ชนะ 3
สกอร์ที่คาด : โปแลนด์ 1-1 ออสเตรีย
ปิดท้ายนัดที่สอง กลุ่ม ดี ลงเล่นในเวลา 02.00 น.ที่สนามเรด บูลล์ อารีน่า ในเมืองไลป์ซิก ถือว่าเป็นเกมบิ๊กแมทช์ใครชนะผ่านเข้ารอบทันที “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จะพบกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส มี แอนโธนี่ เทย์เลอร์ จากอังกฤษ เป็นผู้ตัดสิน
ความพร้อมเริ่มที่ เนเธอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน พลิกเอาชนะ โปแลนด์ มาแบบหืดจับ 2-1 เก็บ 3 คะแนนตามเป้า เกมนี้รอทดสอบความฟิต ไบรอันบร็อบบี้ ดาวยิงร่างตันที่ยังไม่สมบูรณ์ นอกนั้นอยู่กันครบ มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้แผนเดิม 4-2-3-1 วาง เยอร์ดี้ เชาเท่นคุมแดนกลางร่วมกับ โจอี้ เฟียร์มัน แนวรุกนำโดย ซาฟี่ ซิมอนส์, ทิยานี่ ไรน์เดอร์ส และโคดี้ กัคโป คอยทำเกมประสานงานกับหน้าเป้าอย่าง เมมฟิส เดอปาย
ทางฝั่ง ฝรั่งเศส เกือบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกันในเกมแรกชนะ ออสเตรีย แค่ 1-0 ปัญหาใหญ่ในเกมนี้คือต้องรอประเมินจากทีมแพทย์ถึงอาการบาดเจ็บของสตาร์ดังอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่จมูกหัก เตรียมใส่หน้ากากลงเล่น แต่มีแนวโน้มว่า ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ อาจจะไม่เสี่ยงให้พักไปเลย ตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าพร้อม เอ็นโกโล ก็องเต้ แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ในเกมที่แล้วจะลงปัดกวาดหน้าแนวรับมี อาเดรียง ราบิโอต์ เป็นพาร์ทเนอร์ แนวรุกปล่อยให้ อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, แบรดลีย์ บาร์โคล่า และมาร์คุส ตูราม
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 30 ครั้ง ในทุกรายการฝรั่งเศส ชนะ 16 เสมอ 3 และเนเธอร์แลนด์ ชนะ 11 เจอกันในยุโรปรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง นับตามเวลาปกติ เนเธอร์แลนด์ ไม่แพ้เลย ชนะ 2 และเสมอ 1
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม
เนเธอร์แลนด์ (4-2-3-1) : บาร์ท แฟร์บรูกเก้น, เดนเซล ดุมฟรียส์, สเตฟาน เดอ ไฟร์จ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้, เยอร์ดี้ เชาเท่น, โจอี้ เฟียร์มัน, ซาฟี่ ซิมอนส์, ทิยานี่ ไรน์เดอร์ส, โคดี้ กัคโป และเมมฟิส เดอปาย
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ไมค์ เมญอง, ฌูลส์ คุนเด้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, วิลเลี่ยม ซาลิบา, เตโอ แอร์กนองเดซ, เอ็นโกโล ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, แบรดลีย์ บาร์โคล่า และมาร์คุส ตูราม
สกอร์ที่คาด : เนเธอร์แลนด์ 1-1 ฝรั่งเศส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี