การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือ “ยูโร 2024” ในค่ำคืนวันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2024 นัดสุดท้ายลงสนามรวมทั้งสิ้น 4 คู่ จาก 2 กลุ่ม และ 2 ช่วงเวลา นั่นคือ เวลา 5 ทุ่ม กับ ตี 2
เริ่มจาก 23.00 น. กลุ่มดี ที่สนามซิกนัลอิดูน่า พาร์ค ในเมืองดอร์ทมุนด์ “ตราไก่” ทีมชาติฝรั่งเศส จะพบกับ ทีมชาติโปแลนด์ มี มาร์โก กุยด้า จากอิตาลีเป็นผู้ตัดสิน
ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์มี 4 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 1 เกมนี้ขอแค่ไม่แพ้ก็การันตีเข้ารอบทันที ตามรายงานไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน เพราะ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ อาการจมูกหักดีขึ้นมีความเป็นไปได้ว่าจะกลับมาลงสนามในเกมนี้เนื่องจากทีมยังเท้าบอดสนิทยิงใครด้วยตัวเองไม่ได้ คาดว่าจะยึดระบบ 4-2-3-1เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะคุมแดนกลางร่วมกับ อาเดรียง ราบิโอต์ แนวรุกใช้ อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้ หน้าเป้าใช้ มาร์คุส ตูราม
ทางฝั่ง โปแลนด์ กลายเป็นชาติแรกของศึกยูโร 2024 ที่ต้องกระเด็นตกรอบหลังจบเกมที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่มการันตีการคว้าอันดับสุดท้ายของกลุ่ม เล่นมา 2 เกม ยังไม่มีคะแนนเพราะแพ้รวด ทีมของ มิชาล โพรเบี๊ยร์ซ ยังไม่มี บาร์ตอสซ์ ซาลามอน แนวรุกที่บาดเจ็บ ส่วนโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กลับมาแล้วอาจจะได้ลงเล่นเกมส่งท้าย เช่นเดียวกับแข้งเก๋าหลายๆ หลาย อาทิวอยเซ็ค เชสนี่ และคามิล โกรซิซกี้ เล่นร่วมกับ ยาคุบ คีวิออร์,ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ และนิโคล่า ซาเลฟสกี้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 9 ครั้ง ในทุกรายการ ฝรั่งเศส เหนือกว่า ชนะ 9 เสมอ 5 และโปแลนด์ ชนะ 3
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ไมค์ เมญอง, ฌูลส์ คุนเด้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, วิลเลี่ยม ซาลิบา, เตโอแอร์กนองเดซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้,อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และมาร์คุส ตูราม
โปแลนด์ (3-5-2) : วอยเซ็ค เชสนี่, แยน เบดนาเร็ค,พาเวล ดาวิโดวิช, ยาคุบคีวีออร์, เพรมีสลาฟฟรานคอฟสกี้,ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้, บาร์ตอสซ์ สลิสซ์, ยาคุบ ปีโอทรอฟสกี้,นิโคล่า ซาเลิฟสกี้, อดัม บุคซ่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
อัตราต่อรอง : ฝรั่งเศส ต่อ ลูกควบลูกครึ่ง
สกอร์ที่คาด : ฝรั่งเศส 2-0 โปแลนด์
อีกคู่ของกลุ่มดี ในเวลาเดียวกัน 23.00 น. ที่สนามโอลิมปิกสตาดิโอน ในเมืองเบอร์ลิน “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จะพบกับ ออสเตรีย มี อีวาน ครุซเลี๊ยค จากสโลวะเกีย เป็นผู้ตัดสิน
เนเธอร์แลนด์ มีอยู่ 4 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 1 เกมล่าสุดเจ๊ากับ ฝรั่งเศส 0-0 ตามรายงานทีมของ โรนัลด์ คูมัน ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ ไบรอัน บร็อบบี้ ที่ไม่สมบูรณ์ตอนนี้ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในแดนหน้า ที่เหลืออยู่กันครบ คาดว่าจะยึดระบบการเล่นเดิม 4-2-3-1 ทียานี่ ไรน์เดอร์ส คุมแดนกลางร่วมกับเยอร์ดี้ เชาเท่น โดยมี เฌเรมี่ ฟริมปง ประสานงานเกมรุกกับ ซาฟี่ ซิมมอนส์ และโคดี้ กัคโป โดยมี เมมฟิส เดอปาย ยืนหน้าเป้า
ทางฝั่ง ออสเตรีย ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟ รังนิค ถล่ม โปแลนด์ มา 3-1 ทำให้พวกเขามี 3 คะแนน หวังถึงการคว้าแชมป์กลุ่มได้เลย หากชนะเกมนี้ และอีกคู่ฝรั่งเศสไม่ชนะโปแลนด์ ปัญหาหลักในเกมนี้คือรอทดสอบความฟิตของ เกอร์น็อต เทราเนอร์ แนวรุกจอมแกร่งที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ ฟิลิปป์ ลินฮาร์ท น่าจะได้เสียบแทนที่เหลืออยู่ครบ นำโดย คอนราด ไลเมอร์, นิโคลัส ไซวัลด์,แพทริค วิมเมอร์, คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และมาร์โก อาร์เนาโตวิช
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 19 ครั้ง ในทุกรายการ เนเธอร์แลนด์ ชนะ 9 เสมอ 4 และออสเตรีย ชนะ 6 ดวลกันในรอบสุดท้ายของรายการนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว “อัศวินสีส้ม” ชนะ 2-0
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เนเธอร์แลนด์(4-2-3-1) : บาร์ต แฟร์บรูกเก้น, เดนเซล ดุมฟรีส, สเตฟานเดอ ไฟร์จ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้, ทียานี่ ไรน์เดอร์ส, เฌเรมี่ ฟริมปง, ซาฟี่ ซิมอนส์, โคดี้ กัคโป และเมมฟิส เดอปาย
ออสเตรีย (4-2-3-1) : แพทริค เพนท์ซ, สเตฟาน พอสช์, เควิน ดานโซ่, ฟิลิปป์ ลินฮาร์ต, ฟิลิปป์ เอ็มเวเน่, คอนราด ไลเมอร์,นิโคลัส ไซวัลด์, แพทริค วิมเมอร์, คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์, มาร์เซลซาบิตเซอร์ และมาร์โก อาร์เนาโตวิช
อัตราต่อรอง : เนเธอร์แลนด์ ต่อ ครึ่งลูก
สกอร์ที่คาด: เนเธอร์แลนด์ 1-1 ออสเตรีย
ขยับมาในช่วงเวลา 02.00 น. ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 นัดสุดท้ายของกลุ่มซี 2 คู่ เริ่มจากขวัญใจมหาชน “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะพบกับ สโลวีเนีย ลงเล่นที่สนามไรน์เอเนอร์กี้สตาดิโอน ในเมืองโคโลญจน์ โดยมี เคลมองต์ ตูร์แปง จากฝรั่งเศส เป็นผู้ตัดสิน
ความพร้อมเริ่มที่อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีอยู่ 4 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 1 นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในรูปแบบการเล่นที่น่าเบื่อ ทั้งที่ขุมกำลังเต็มไปด้วยยอดนักเตะ เกมนี้ยังคงไม่มี ลุค ชอว์ แบ๊กซ้ายที่บาดเจ็บยังไม่ได้ซ้อมสักที ที่เหลือพร้อมลงเล่น แต่น่าจะมีการปรับทัพในแดนกลาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น่าจะหลุดไปนั่งสำรองถอย จู๊ด เบลลิ่งแฮม ลงมาคุมจังหวะเกมร่วมกับ เดแคลน ไรซ์พร้อมส่ง แอนโธนี่ กอร์ดอน ลงไปประสานงานกับ บูคาโย่ ซาก้าและฟิล โฟเด้น ในแนวรุก โดยมี แฮร์รี่ เคน ยืนเป็นหน้าเป้า
ทางฝั่งสโลวีเนีย มีอยู่ 2 คะแนน จากการเสมอกับ เดนมาร์ก และเซอร์เบีย ของทีม มาเที๊ยช เค็ค ต้องลุ้นหนักว่า ยาน โอบลัค นายทวารคนสำคัญจะพร้อมลงเล่นหรือไม่หลังพลาดการซ้อมแบบไร้สาเหตุ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แกนหลักที่เหลืออยู่กันครบ มีความเป็นไปได้ว่าจะยึดทีมชุดเดิมลงเล่นในระบบ 4-4-2 ตามถนัด นำโดย เอริค ยานซ่า, ยาก้า บิโยล, ยาน มลาคาร์, เบนจามิน เซสโก้ และอันดราซ สโปราร์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 6 ครั้ง ในทุกรายการ อังกฤษ เหนือกว่าเยอะ พวกเขาไม่เคยแพ้ ชนะ 5 เสมอ 1 และถ้าพวกเขาพลาดตกเป็นที่ 2 ของกลุ่มจะต้องไปดวลกับ เยอรมนี ในรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายทันที
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม อังกฤษ (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, บูคาโย่ ซาก้า, ฟิล โฟเด้น, แอนโธนี่ กอร์ดอน และแฮร์รี่ เคน
สโลวีเนีย (4-4-2) : ยาน โอบลัค, ซาน คาร์นิชนิค, วานย่า เดอร์คูซิซ, ยาก้า บิโยล, เอริค ยานซ่า, เปตาร์ สโตยาโนวิช, อดัมเซริน, ทิมี่ เอลสนิค, ยาน มลาคาร์, เบนจามิน เซสโก้ และอันดราซ สโปราร์
อัตราต่อรอง : อังกฤษ ต่อ ครึ่งควบลูก
สกอร์ที่คาด: อังกฤษ 1-0 สโลวีเนีย
คู่ปิดท้ายของกลุ่มซี ฟาดแข้งในเวลาเดียวกัน 02.00 น.ที่สนามอัลลีอันซ์ อารีน่า ในเมืองมิวนิค “โคนม” เดนมาร์ก กับเซอร์เบีย โดยมี ฟร็องซัวส์ เลเตอซิเย่ร์ จากฝรั่งเศส เป็นผู้ตัดสิน
เดนมาร์ก มีอยู่ 2 คะแนน จากการเสมอมา 2 เกม ตามรายงานทีมของ แคสเปอร์ ยูลมันด์ ถือว่าสมบูรณ์ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ แถม โธมัส เดลานีย์ ที่ป่วยก็กลับมาซ้อมแล้วสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือนักเตะที่มีใบเหลืองคาดโทษอยู่ถึง 4 ราย อาจจะปรับทีมบางตำแหน่ง แต่ยึดระบบการเล่น 3-4-1-2 เหมือนเดิมวาง ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค คุมแดนกลางร่วมกับ มอร์เท่นยูลมันด์ โดยมี คริสเตียน เอริคเซ่น ยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่ด้านหลังคู่หัวหอกอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์
ทางฝั่ง เซอร์เบีย ภายใต้การคุมทีมของ ดราแกน สตอยโควิชรอดพ้นความพ่ายแพ้ไล่ตามตีเสมอ สโลวีเนีย ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย 1-1 ทำให้พวกเขายังมีโอกาสเข้ารอบ แต่เงื่อนไขต้องชนะในเกมนี้เท่านั้น ไม่มี ฟิลิป คอสติช ที่บาดเจ็บ แต่ยังอยู่ในแคมป์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เพื่อนร่วมทีม ตามรายงานถือว่าพร้อมลงเล่นทั้งหมด น่าจะมีการปรับทีมตามความเหมาะสมมาในระบบหลังสามเหมือนกัน 3-4-2-1 นำโดย อันดริย่า ซิฟโควิช,อีวาน อีลิช, ซาช่า ลูคิช, ดูซาน ทาดิช, เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช และอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 3 ครั้ง ในทุกรายการ เดนมาร์ก เก็บเรียบเอาชนะได้หมด
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เดนมาร์ก (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, อันเดรียส คริสเตนเซ่น,ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, อเล็กซานเดอร์ บาห์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค,มอร์เท่น ยูลมันด์, โยอาคิม เมห์เล่, คริสเตียน เอริคเซ่น, ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์
เซอร์เบีย (3-4-2-1) : เปรแดร็ก ไรจ์โควิช, มิลอสเวลจ์โควิช, นิโกล่า มิเลนโควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช, อันดริย่าซิฟโควิช, ซาช่า ลูคิช, อีวาน อีลิช, ฟิลิป มลาเดนโนวิช, เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิชและอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
อัตราต่อรอง : เดนมาร์ก ต่อ เสมอควบครึ่ง
สกอร์ที่คาด : เดนมาร์ก 2-1 เซอร์เบีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี