การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2024 ลงแข่งขัน 2 คู่ เริ่มต้นที่เวลา 23.00 น. ถือว่าเป็นเกมใหญ่ที่สนาม เมอร์คูร์ สปีล-อารีน่า ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัย จะดวลกับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม โดยมี เกล็นน์ ไนเบิร์ก จากสวีเดน เป็นผู้ตัดสิน

ฝรั่งเศส เจ้าของแชมป์รายการนี้ 2 สมัย เมื่อปี 1984 และ2000 ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ดี ชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 คะแนน ตามรายงานทีมของ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน แต่จุดที่น่ากังวลคือการปรับตัวของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ต้องสวมหน้ากากป้องกันจมูก ซึ่งถือว่ามีส่วนในการบดบังวิสัยทัศน์ทำให้ผลงานในช่วงที่ผ่านมายังไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ระบบการเล่นยังถือว่าไม่ลงตัว จะใช้ระบบ 4-3-1-2 หรือ 4-2-3-1 และ 4-3-3 เป็นไปได้หมด คาดว่า อาเดรียงราบิโอต์ หรือออเรเลียง ชูอาเมนี่คนใดคนหนึ่งต้องนั่งสำรอง แผงเกมรุกวาง อุสมาน เดมเบเล่ประสานงานกับ อองตวนกรีซมันน์, มาร์คุส ตูราม และคีลิยัน เอ็มบัปเป้

ทางฝั่ง เบลเยียม ภายใต้การคุมทีมของโดมินิโก้ เตเดสโก้ ผิดฟอร์มไปหน่อยเข้ารอบมาด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม อี ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 4 คะแนน ทำให้ต้องมาเจองานหนักในรอบนี้ 2 เกมที่ผ่านมาถือว่ามีความลงตัวมากขึ้น ตามรายงานเกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ดูเหมือนว่าจะได้ทีมที่ลงตัวแล้วในระบบ 4-2-3-1 วาง อมาดู โอนาน่า คุมแดนกลางร่วมกับ ยูริตีเลมานส์ โดยมี โดดี้ ลูเคบาคิโอ้ ที่พ้นโทษแบนได้ออกสตาร์ทประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ และเฌเรมี่ โดกู โดยมี โรเมลู ลูกากูยืนเป็นหน้าเป้า ส่วน เลอันโดร ทรอสซาร์ รอโอกาสที่ม้านั่งสำรอง

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 75 ครั้ง ในทุกรายการ กลายเป็น เบลเยียม ที่เหลือกว่าชนะได้ 30 เสมอ 19 และฝรั่งเศส ชนะ 26 นับเฉพาะรายการนี้เคยเจอกันในรอบสุดท้ายมา 1 ครั้ง เมื่อปี 1984 ฝรั่งเศส จัดหนักถล่ม 5-0 จากการทำแฮททริกของ มิเชล พลาตินี่ ก่อนจะผงาดไปคว้าแชมป์

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ไมค์ เมญอง, ฌูลส์ คุนเด้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, วิลเลี่ยมซาลิบา, เตโอ แอร์กน็องเดซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมานเดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, มาร์คุส ตูราม และคีลิยัน เอ็มบัปเป้

เบลเยียม (4-2-3-1) : เคิน กาสตีลล์, ทีโมธี กาสตานเญ่, เวาท์ ฟาส,แยน แฟร์ตองเก้น, อาร์ตูร์ เธียส, อมาดู โอนาน่า, ยูริ ตีเลมานส์, โดดี้ ลูเคบาคิโอ้, เควิน เดอ บรอยน์, เฌเรมี่ โดกู และโรเมลู ลูกากู

อัตราต่อรอง : ฝรั่งเศส ต่อ ครึ่งควบลูก

สกอร์ที่คาด : ฝรั่งเศส 0-0 เบลเยียม

อีกคู่ลงเล่นในเวลา 02.00 น. ที่สนามวัลด์สตาดิโอน ในเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต “ฝอยทอง” โปรตุเกส จะพบกับ “ขุนศึกสโลวีน” สโลวีเนีย
โดยมี ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ จากอิตาลี เป็นผู้ตัดสิน

โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เข้ารอบมาด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มเอฟ ชนะ 2 แพ้ 1 มี 6 คะแนน นัดสุดท้ายพักตัวหลักยกแผงก่อนจะพ่ายจอร์เจีย เกมนี้เตรียมกลับมาใช้ชุดตัวจริงลงสนาม นำโดย ดิโอโก้ คอสต้า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, วิตินญ่า และชูเอากานเซโล่ พร้อมกับได้ ราฟาเอล เลเอา ที่พ้นโทษแบนกลับมาผนึกแนวรุกกับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และยังมีอาวุธที่น่าสนใจบนม้านั่งสำรองอีกเพียบ

ทางฝั่ง สโลวีเนีย คุมทีมโดย มาเทียซ เค็ค ภายเข้ารอบน็อกเอาท์ในทัวร์นาเมนท์เมเจอร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มเสมอมาทั้ง 3 นัด เกมนี้เจอปัญหาใหญ่เมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอริค ยานซ่า แบ๊กซ้ายคนสำคัญที่ติดโทษแบน แต่ที่เหลือถือว่าอยู่กันครบ ยึดระบบการเล่น 4-4-2 มี ยาน โอบลัค เป็นด่านสุดท้าย แนวรับวาง ยาก้า บิยอล เป็นหัวใจสำคัญ แดนกลางนำโดย เปตาร์ สโตยาโนวิช, ทิมี่ มักซ์
เอลสนิค, อดัม แซริน และยาน มลาคาร์ โดยมี เบนจามินเซสโก้ และอันดราซ สโปราร์ ค้ำแดนหน้า

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เพิ่งดวลกันมาในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2024 เป็นสโลวีเนียที่เอาชนะไปได้ 2-0

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม โปรตุเกส (4-3-3) : ดีโอโก้ คอสต้า, ชูเอา กานเซโล่, เปเป้, รูเบน ดิอาส, นูโน่ เมนเดส,วินตินญ่า, ชูเอา ปาลินญ่า, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และราฟาเอล เลเอา

สโลวีเนีย (4-4-2) : ยาน โอบลัค, ซาน คานิชนิค, วานย่าเดอร์คูซิช, ยาก้า บิยอล, ยูเร่ บัลโดเว็ค, เปตาร์ สโตยาโนวิช, ทิมี่ มักซ์ เอลสนิค, อดัม แซริน, ยาน มลาคาร์, เบนจามิน เซสโก้และอันดราซ สโปราร์

อัตราต่อรอง : โปรตุเกส ต่อ 1 ลูก

สกอร์ที่คาด : โปรตุเกส 2-0 สโลวีเนีย