โทนี่ โครส

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือ 8 ทีมสุดท้าย หลังได้พักกันไป 2 วัน ประเดิมคู่แรกในคืนวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม เป็นเกมรีแมทช์นัดชิงชนะเลิศปี 2008 ของสองทีมที่ผลงานดีที่สุดในทัวร์นาเมนท์นี้ “กระทิงดุ” สเปน แชมป์ 3 สมัย และดวลกับเจ้าภาพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์ 2 สมัย เล่นที่เอ็มเอชพี อารีน่า ในเมืองสตุ๊ตการ์ท โดยมีแอนโธนี่ เทย์เลอร์ จากอังกฤษ เป็นผู้ตัดสิน

สเปน ผลงานสุดสะเด่าเป็นทีมเดียวในรายการนี้ชนะมา 4 เกมรวด ยิงไป 9 และเสียแค่ประตูเดียว นัดล่าสุดถล่ม จอร์เจีย 4-1 พวกเขาสร้างโอกาสได้มากถึง 36 ครั้ง ตามรายงานทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ปรับทีมจากนัดล่าสุดยึดระบบ 4-3-3 วาง โรดรี้ คุมแดนกลาง ปล่อยให้ เปดรี้ และฟาเบียน รุยซ์คอยขับเคลื่อนเล่นร่วมกับสามประสานในแนวรุกอย่าง ลามีนยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และนีโก้ วิลเลี่ยมส์

ทางฝั่ง เยอรมนี ภายใต้การคุมทีมของ ยูเลี่ยนนาเกลส์มันน์ ยังไม่แพ้ใครเช่นกัน 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 ยิงได้ 10 ประตู ถือว่ามากที่สุด เกมนี้ได้รับข่าวดีเมื่อ โจนาธาน ทาห์ กองหลังจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นพ้นโทษแบนกลับมา แต่ก็ยังคิดหนักว่าจะเอาใครลงเล่นเพราะนัดล่าสุดที่ชนะเดนมาร์ก 2-0นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค ก็ทำผลงานได้ดี ส่วนแนวรุกอาจจะต้องปรับให้ เลรอย ซาเน่ กลับไปนั่งสำรองและส่ง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ลงไปประสานงานเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน, จามาล มูเซียล่า และไค ฮาแวร์ตซ์ ส่วนตรงกลางใช้ โรเบิร์ต อันดริช เล่นกับโทนี่ โครส เหมือนเดิม

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 26 ครั้ง ในทุกรายการ ถือว่าสูสีสุดๆ เยอรมนี ชนะ 9 เสมอ 9 สเปน ชนะ 8 เจอกันในยูโรรอบสุดท้าย 3 ครั้ง 1984 สเปน ชนะ 1-0, 1988 เยอรมนี ชนะ 2-0, 2008 รอบชิงชนะเลิศ สเปน ชนะ 1-0 ประตูชัยของ เฟร์นานโด ตอร์เรส

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีมสเปน (4-3-3) : อูไน ซิมอน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรบินเลอ นอร์มองด์, อายเมอริค ลาปอร์ก, มาร์ค คูคูเรลญ่า, เปดรี้,โรดรี้, ฟาเบียน รุยซ์, ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และนีโก้ วิลเลี่ยมส์ เยอรมนี (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์, โยชัวคิมมิช, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค, ดาวิด รอม, โรเบิร์ต อันดริช, โทนี่ โครส, อิลคาย กุนโดกาน, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และไค ฮาแวร์ตซ์

อัตราต่อรอง : เสมอ สเปน

สกอร์ที่คาด : สเปน 1-1 เยอรมนี

คู่ต่อมา ในช่วงเวลา 02.00 น. ที่สนาม โฟล์คสวาเก้นอารีน่า ในเมืองฮัมบูร์ก เป็นการรีแมทช์นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2016 “ฝอยทอง” โปรตุเกส จะดวลกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส โดยมี ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ จากอังกฤษเป็นผู้ตัดสิน

โปรตุเกส เป็นทีมเดียวที่ผ่านเข้ารอบมาแบบหืดขึ้นคอเพราะต้องไปตัดสินถึงการดวลจุดโทษกับ สโลวีเนีย ซึ่งทีมของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ไม่มีรายงานนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน สภาพทีมถือว่าอยู่กันครบ ดูแล้วก็ไม่น่าจะปรับเปลี่ยนไลน์อัพใช้ระบบเดิม 4-2-3-1 วาง วิตินญ่า คุมแดนกลางร่วมกับ ชูเอา ปาลินญ่า โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประสานงานเกมรุกร่วมกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และราฟาเอล เลเอา โดยมี คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ยังยิงประตูไม่ได้จากโอกาส 20 ครั้ง ยืนเป็นหน้าเป้า

ทางฝั่ง ฝรั่งเศส ผลงานในช่วง 4 เกมที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบมาได้ ล่าสุดบดเอาชนะ เบลเยียม 1-0 เกมนี้ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ เจอปัญหาเมื่อจะหมดสิทธิ์ใช้งาน อาเดรียง ราบิโอต์ มิดฟิลด์ที่ติดโทษแบน นอกนั้นไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ ต้องเดาใจว่าจะปรับทีมเล่นสูตรไหน แต่มีความเป็นไปได้ว่า อุสมาน เดมเบเล่ ที่หลุดตัวจริงจะได้กลับมา หรือจะอัดกลางใช้ เอดูอาร์โด้ คาวามิงก้าลงสนาม โดยแนวรุกนั้น อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้เป็นหัวใจแล้วให้ มาร์คุส ตูราม เป็นหน้าเป้า

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 28 ครั้ง ในทุกรายการ ฝรั่งเศส เหนือกว่าเยอะ ชนะ 19 เสมอ 3 และโปรตุเกส ชนะ 6เจอกันในยูโรรอบสุดท้าย 4 ครั้ง 1984 ฝรั่งเศส ชนะ 3-2, 2000 ฝรั่งเศส ชนะ 2-1, 2016 โปรตุเกสชนะ 1-0 (นัดชิงฯ) และ 2020 เสมอ 2-2

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม โปรตุเกส (4-2-3-1) : ดีโอโก้ คอสต้า, ชูเอา กานเซโล่, เปเป้,รูเบน ดิอาส, นูโน่ เมนเดส, วิตินญ่า, ชูเอา ปาลินญ่า, แบร์นาร์โด้ซิลวา, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, ราฟาเอล เลเอา และคริสติอาโน่โรนัลโด้ ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ไมค์ เมญอง, ฌูลส์ คุนเด้, ดาโยต์อูปาเมกาโน่, วิลเลี่ยม ซาลิบา, ลูก้าส์ แอร์กนองเดซ, เอ็นโกโล่ก็องเต้, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวนกรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และมาร์คุส ตูราม

อัตราต่อรอง : ฝรั่งเศส ต่อ เสมอควบครึ่ง

สกอร์ที่คาด : โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส