เกมนัดเปิดสนามรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลชาย โอลิมปิกเกมส์ เรียกว่าอลหม่านสุดๆ เมื่อคู่ อาร์เจนติน่า กับ โมร็อคโก ต้องกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังผ่านไปแล้ว 2 ชั่วโมง และกลายเป็น โมร็อคโก ที่เอาชนะไป 2-1 เนื่องจาก VAR ริบประตูตีเสมอของทัพ "ฟ้าขาว" คืน

เกมนี้โมร็อคโก นำห่าง อาร์เจนติน่า 2-0 ตั้งแต่ 50 นาทีแรก ก่อนที่เกล็น นีย์เบิร์ก ผู้ตัดสินชาวสวีเดน จะทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังนานถึง 15 นาที ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรให้ทดนานขนาดนั้น กระทั่งนาที 90+16 อาร์เจนติน่า ก็มายิงตีเสมอ 2-2 ได้จริงๆจากลูกยิงของ คริสเตียน เมดิน่า 

จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดจบเกมไปแล้ว
จากนั้นอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ผู้ตัดสินแจ้งว่าเกมยังไม่จบ ที่เป่านกหวีดเพราะ มีแฟนบอลโมร็อคโก ขว้างสิ่งของลงมาประท้วงที่ทดเจ็บนานเกินไป  ทำให้ทั้งคู่ต้องกลับมาเตะกันต่ออีก 3 นาที

ซึ่งก่อนที่จะเตะกันต่อ ผู้ตัดสินได้เช็ค VAR ปรากฏว่าประตูตีเสมอของ  เมดิน่า ที่ยิงเข้าไปนั้นถูกริบคืน เนื่องจากเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ โมร็อคโก กลับมานำ อาร์เจนติน่า 2-1 เหมือนเดิม จากนั้นหลังกลับมาเตะครบ 3 นาที จบเกม  โมร็อคโก ชนะ อาร์เจนติน่า 2-1 คว้า 3 แต้มแรกในโอลิมปิกครั้งนี้ได้สำเร็จ

ล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนตินา หรือ เอเอฟเอ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการไปยังคณะกรรมการวินัยของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลระดับโลก แล้ว เพื่อใช้มาตรการกำกับดูแลที่จำเป็นสำหรับเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้

"เป็นเรื่องน่าเสียใจที่เราต้องเจอ ในฐานะชาวอาร์เจนติน่าในแซงต์-เอเตียน ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในห้องแต่ง กว่าจะให้ผู้เล่นของเรากลับออกไปลงไปอบอุ่นร่างกายและเล่นแมตช์นี้ต่อ ผู้ตัดสินหลัก ควรตัดสินใจพักการแข่งขันหลังจากแฟนบอลชาวโมร็อกโกบุกสนามและความรุนแรงที่ อาร์เจนตินา ประสบนั้นไร้เหตุผลอย่างแท้จริงและขัดต่อกฎการแข่งขัน"

"ยิ่งกว่านั้นความคิดเห็นของกัปตันของทั้งสองทีมที่เชื่อว่าเกมไม่ควรกลับมาเล่นต่อก็ไม่เป็นผล ในฐานะสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา เราได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการวินัยของฟีฟ่าแล้วเพื่อให้สามารถใช้มาตรการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องได้ และการลงโทษแก่ผู้รับผิดชอบ"