โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 จบลงไปอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อไฟใน “บอลลูน” หรือที่เรียกว่า “กระถางลอยฟ้า”ดับลงไป
พิธีการแสดงเต็มไปด้วยสีสัน การเชื่อมโยง เรียบหรูและการผูกเรื่องตั้งแต่พิธีเปิดมาถึงพิธีปิด จาก “มนุษย์สีเงิน”ในพิธีเปิด กลายเป็นมาแสดงร่วมกันกับ “มนุษย์สีทอง”ในพิธีปิด
นั่นก็คือ Golden Voyager หรือนักเดินทางทองคำ ตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสรวมถึงจิตวิญญาณแห่งป้อมบาสตีย์
ไฮไลท์ก็คือ การแสดงของ ทอม ครูซ และ สนู๊ป ด็อกพร้อมกับให้ตำนานมาช่วยเป่าไฟโอลิมปิกให้ดับไป ง่ายๆแต่ได้ใจความ
แน่นอนที่สุดก็คือ ฝรั่งเศส มีความตั้งใจ ชนิดที่“เสียเงินไม่ว่า” แต่ “เสียหน้าไม่ได้”
ไม่ได้จริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องระดับโลก
พวกเขาทุ่มเงินมหาศาลอย่างมากในหลากหลายเรื่องเพื่อรองรับผู้คนนับล้านคนที่เดินทางมาถึง แน่นอนว่าความปลอดภัยอยู่ในระดับสูงสุดและเป็นลำดับแรก
ตำรวจและทหารเดินกันเพ่นพ่านไปหมด
การทุ่มงบประมาณการปรับปรุงแม่น้ำแซน ให้มาใช้เปิดการแข่งขัน และต้องต่อสู้กับธรรมชาติเพื่อให้แข่งขันไตรกีฬา สุดท้ายก็ผ่านพ้นไป แม้จะต้องเลื่อนการแข่งขันเนื่องจากสภาพน้ำไม่ได้มาตรฐาน
การเคลียร์พื้นที่ให้ทุกคนได้เห็นว่า ปารีส ที่มันสะอาดนั้นเป็นอย่างไร หรือรถไฟฟ้าที่เคยเหม็นฉี่ ได้ค่อยๆ หายไปนับตั้งแต่พิธีเปิดการแข่งขันเริ่มขึ้น
คนจรถูกนำไปที่อื่นนับหมื่นคน คนที่เคยตอแยบนรถสาธารณะเหลือแทบจะนับหัวได้ ความปลอดภัยทำให้ความไว้วางใจมันเกิด
พวกเขาใช้เวลายาวนานกว่า 3 ปี ในการสร้างสนามแข่งขันแบบถอดประกอบมากมาย เพื่อให้อยู่ร่วมกับสถานที่สำคัญและสถาปัตยกรรมอันลือเลื่องของประเทศ
ขอยกตัวอย่าง 2 แห่ง ก็คือที่แรก ใครจะไปคิดว่า อยู่มาวันหนึ่ง “เลอ กร็อง ปาแลส์ เดส์ ฌ็อง เซลิเซ่” (The Grand Palais des Champs-Élysées) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศ สร้างมาเมื่อปี 1900 เป็นปีที่ ฝรั่งเศส งานนิทรรศการสากล (Universal Exhibition) จะกลายเป็นสนามแข่งขันกีฬาสมบูรณ์แบบ
ที่ที่ 2 คือ “ปลาซ เดอ ลา คองคอร์ด” (Place de Concorde) ซึ่งเป็นที่ประหาร พระเจ้าหลุยส์ 16 กับ พระนางมารีอังตัวเนตต์ พระชายา รวมถึง มักซิมิเลียน ฟรังซัวส์ มารีอิซาดอเร เดอ โรเบสปิแอร์
เราก็ได้เห็นเป็นฉากสำคัญตั้งแต่วันพิธีเปิดนั่นก็คือประเด็นของการแสดงถึง พระนางมารี อังตัวเนตต์
ฝรั่งเศส ทำให้ผู้ชมได้ซึมซับ และดูกีฬาผ่านพื้นที่ประวัติศาสตร์ รวมถึงงานศิลปะไปในตัว หากใครไม่รู้ต้องรีบเปิดดูว่า ที่นี่คืออะไร มีอะไรในเบื้องหลังบ้าง ส่งความเป็นนัยสำคัญมาโดยตลอด
พวกเขามีความพร้อมเป็นพื้นฐาน และมีแนวคิดที่เหนือล้ำชาติอื่นๆ ไปหลายฝีก้าว
การจัดโอลิมปิกไม่เพียงแต่แสดงศักยภาพของประเทศ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่หมายว่า คุณจะมีอะไรต่อไปนับจากนี้ คนทั่วโลกจะหลั่งใหลเข้ามาอีกในอนาคต เพื่อมายัง ฝรั่งเศส ซึ่งปกติคนก็จ้องจะมาที่ดินแดนเสรีที่นี่กันอยู่แล้ว
ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก
สำหรับผมนี่คือ โอลิมปิก ครั้งที่ 4 ในชีวิต เริ่มต้นครั้งแรกที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร ปี 2012 และมาครั้งนี้ยอมรับว่าใช้รถไฟฟ้ามากกว่ารถอื่นๆ เนื่องจากสนนราคา และไม่ต้องไปต่อกรการจราจรด้านบน เหมือนกับเมื่อ 12 ปีก่อนเป๊ะๆ
เพียงแต่ ฝรั่งเศส ลงใต้ดินที่ลึกมากๆ ถ้านับเป็นตึกต้องมี 4 ชั้น สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีปัญหา ผิดกับอังกฤษ ที่ลงปุ๊บดับสนิททันที
เป็นโอลิมปิกที่นักกีฬาไทย แข่งขันต่อเนื่องและดึกดื่นกับแทบทุกคืน มีให้ได้ลุ้นกันทุกวัน จึงมีความรู้สึกว่า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ กับโอลิมปิกหนนี้
เหมือนเพิ่งตากฝนสุดโหด 3-4 ชั่วโมง ในวันเปิดมาหมาดๆ ก็ได้เวลาบอกลากันแล้ว
อีก 4 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่า จะเป็นเช่นไร แต่ต้องขอขอบพระคุณบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนการเดินทางมาทำข่าวคราครั้งนี้
การเดินทางนับจากนี้ต่างหากที่น่าจับตามอง แต่เพลานี้คงต้องเอาไว้ก่อน เนื่องจากนักกีฬาก็ถึงเวลาฉลอง
ส่วนนักข่าวก็ถึงเวลากลับบ้านไปนอน...พักผ่อนก่อนครับ!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี