วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานต้อนรับนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 (ผู้ฝึกสอน นักกีฬาเทควันโด นักกีฬามวยสากล และนักกีฬายูโด) โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย และนางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา ร่วมต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า คณะนักกีฬาที่เดินทางกลับมาในวันนี้ประกอบด้วย นักกีฬาเทควันโด มวยสากล และยูโด ซึ่งนำโดย “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกในกีฬาเทควันโด และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง เจ้าของเหรียญทองแดงมวยสากล เป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลและคนไทย ที่นักกีฬาไทยสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ทั้งหมด 6 เหรียญ ถือเป็นก้าวหนึ่งในการพัฒนาวงการกีฬาไปสู่เวทีโลก ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนตั้งแต่การคัดเลือกนักกีฬา การฝึกสอน รวมถึงการพัฒนาและดูแล เชื่อว่าในอนาคตนักกีฬาของไทยจะสามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาได้อีกมาก
ทั้งนี้รัฐบาลเตรียมจัดงานฉลองที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจบการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งจะมีแข่งขันในวันที่ 28 ส.ค. - 8 ก.ย. นี้ พร้อมขอบคุณนักกีฬาที่ทำอย่างสุดความสามารถ และนำชัยชนะกลับมาฝากคนไทย ส่วนนักกีฬาที่เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันแต่ไม่ได้เหรียญรางวัล รัฐบาลจะมอบเงินสนับสนุน 100,000 บาทเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจต่อไป
ขณะที่ “น้องเทนนิส“ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง โอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส และเป็นนักกีฬาไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญโอลิมปิก 3 สมัยติดต่อกัน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในหลากหลายประเด็น หลังเดินทางกลับถึงไทย โดยสิ่งแรกที่อยากจะบอกกับแฟนๆ เมื่อมาถึงบ้านคือรู้สึกอบอุ่นและดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมารอรับเยอะขนาดนี้ เพราะตอนแรกคิดว่าคงจะไม่มีใครมารับเลย
น้อง“เทนนิส“ เปิดเผยว่า เหรียญทองที่ 2 ที่ทำได้ มันรู้สึกอิ่มเอมจนทำให้นอนไม่หลับ มันภูมิใจมากๆ ดีใจที่ทำได้สำเร็จ เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ทุกคนได้ร่วมกันเขียนร่วมกันสร้าง ที่ได้นำชื่อประเทศไทยไปปักธงได้สำเร็จในโอลิมปิก ปารีส 2024 เป็นผลตอบแทนที่แสนคุ้มค่าสำหรับความทุ่มเทของตัวเองและประเทศไทย ทำใหิหายเหนื่อยเลย
ส่วนภาพแรกหลังคว้าชัยชนะที่วิ่งไปกราบโค้ชเช น้องเทนนิส บอกว่า จังหวะนั้นมันคือโมเมนต์ที่รู้สึกว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง จึงอยากไปขอบคุณโค้ชที่ทุ่มเทมาร่วมกัน เชื่อใจกันมาตลอดทั้งก่อนและหลังแข่ง
ส่วนสภาพร่างกายในตอนนี้ หลังแข่งจบก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไรเพิ่มเติม จากเดิมที่มีอยู่ลักษณะเป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ถ้าจะให้หายหรือดีขึ้น คือต้องผ่าตัด แต่บอกกับตัวเองว่ายังไม่ขอผ่าตัด เพราะต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน อยากมาแข่งโอลิมปิกครั้งนี้ก่อน หลังจากนี้คงจะมีเวลา คงจะกลับไปดูแลร่างกายให้ละเอียดมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้บอกหมอไปว่าไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะตัวเองและคนอื่นจะยิ่งกังวลและเครียดกันไปอีก
ตอนนี้ตัดสินใจแน่นอนเเล้วว่าโอลิมปิก 2024 จะเป็นเวทีสุดท้ายสำหรับชีวิตนักกีฬา หนังสือเล่มนี้ที่เขียนไว้ชื่อว่า “เทควันโด้” มันจบอย่างสวยงามแล้ว ได้เขียนตอนจบไว้อย่างสวยงาม สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ได้ใส่สุดหมดแม็กเท่าที่ตัวเองจะมีแรง ตอนนี้มันสมบูรณ์ สำเร็จ มีความสุขมากๆ
น้อง“เทนนิส“ เปิดเผยอีกว่า หนูว่ามันโคตรจะสวยงาม หนูไม่คิดว่ามันจะมีอะไรสวยงามได้มากไปกว่านี้แล้ว หนูก็อยากจะไปเขียนหนังสือเล่มต่อไปแล้ว ที่ชื่อว่า “เทควันโด สาขา 2” จะเปิดแล้ว ฝากทุกคนด้วยนะคะ ทั้ง 2 สาขา JAS Green Village Prawet และโครงการ Little Walk กรุงเทพกรีฑา มาเรียนกับหนู และจูเนียร์ได้นะคะ
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับ จูเนียร์-รามณรงค์ เสวกวิหารี อดีตนักกีฬาเทควันโด น้องเทนนิส บอกว่า ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมานาน ปีนี้เป็นปีที่ 9 แล้ว เทนนิสบอกว่า ”เราทั้งคู่ต่างก็มีความฝันในนามทีมชาติเหมือนกัน คือต้องการจะไปโอลิมปิกด้วยกัน และคว้าเหรียญทองให้ได้เหมือนกันทั้งคู่ ก็เลยไม่อยากพูดเรื่องของความสัมพันธ์กับใครให้ทราบมากนัก เพราะอยากให้ทุกคนโฟกัสที่ผลงาน และความฝันของเราทั้งคู่กันมากกว่า
ซึ่งวันนี้ตัวเองสามารถทำตามความฝันได้แล้วก็รู้สึกเหมือนกับปลดล็อกความรู้สึกต่างๆ เลยอยากจะบอกกับทฺกคนว่าทุกเส้นทางที่ผ่านมามีจูเนียร์คอยเคียงข้าง ต้องขอขอบคุณจูเนียร์ที่คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ เป็นคู่ซ้อม ให้หนูเตะทุกวัน อยู่ข้างกัน ร้องไห้ด้วยกัน จนประสบความสำเร็จ ต้องขอบคุณเขามากๆ จริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามแบบนื้เรียกแฟนได้หรือยัง น้องเทนนิส ได้แต่หัวเราะ ก่อนตอบกลับมาสั้นๆ ว่า เดี๋ยวพ่อว่า
อนาคตหลังจากนี้นอกจากสอนเทควันโดก็พร้อมที่จะเปิดรับงานทุกอย่าง อยากลองงานใหม่ๆ เพราะที่ผ่านมาโฟกัสแค่เทควันโด ตอนนี้พร้อมเปิดรับทุกโอกาสที่เสนอเข้ามา งานวงการบันเทิงก็ยินดีรับ ส่วนบทที่อยากเล่นเป็นบทตลกน่าจะถนัดที่สุด
น้องเทนนิส กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากกลับมาเมืองไทยอยากจะกินทุกอย่างที่อยากกิน เพราะที่ผ่านมาอดทนอดกลั้นรักษาควบคุมน้ำหนักมาตลอด ตอนเย็นก็ได้กินแต่แซลมอน อยู่ที่ฝรั่งเศสดีใจมากที่ได้กิน ไอศกรีม ได้กินชาเย็น ชาไทย แบบคนอื่นซะที กลับมาคงจะเดินหน้าตะลุยกินทุกอย่าง อยากจะลองกินแบบคนอืันดูบ้าง แต่คงไม่ได้ปล่อยตัวให้อ้วน ยังต้องออกกำลังกายเพราะตัวเองมีปัญหาเอ็นขาด ถ้ากล้ามเนี้อไม่เเข็งแรงก็จะมีปัญหาการใช้ชีวิตได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี