"เสริมศักดิ์"ออกโรงแจงยิบเหตุไทยเลิกจัดอินดอร์เกมส์ อ้าง"โอซีเอ" ได้ทำหนังสือขอปรับลดจำนวนชนิดกีฬาลง 14 ชนิดกีฬา เหลือ 22 ชนิด ทำให้ตัวเลขนักกีฬากับผู้เกี่ยวข้องจาก 1.4 หมื่นคน เหลือเพียง 1.9 พันคน ยืนยันงบประมาณพร้อม แต่ต้องใช้ให้คุ้มค่าเหมาะสม ยอมรับเสียดาย แต่การันตีจะไม่ซ้ำรอยจัดซีเกมส์ในปี 68 

21 สิงหาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวเรื่องการยกเลิกการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6ว่า จริง ๆ จะต้องจัดตั้งแต่ปี 2564 แต่มีการเลื่อนมาเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เรามีการเตรียมการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีการอนุมัติงบประมาณไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ตนได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้มีการพูดคุยกับ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) มีการคุยกันหลายประเด็น และสิ่งที่คุยกันคือจะจัดการแข่งขันอย่างไรให้คุ้มค่า ต่อมาโอซีเอ ได้ทำหนังสือขอปรับลดจำนวนชนิดกีฬาลง 14 ชนิดกีฬา เหลือ 22 ชนิดกีฬากับ 2 กีฬาสาธิต ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าทางกระทรวงไม่ได้เป็นคนเสนอเรื่องนี้เอง

“ปัญหาที่เกิดคือเรื่องของความคุ้มค่า สิ่งสำคัญคือจะต้องดูจากยอดจำนวนนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งเดิมมีข้อมูลว่าจะมีนักกีฬาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประมาณ 14,000 คน แต่ปรากฎว่าจนถึงวันที่ลงทะเบียนนักกีฬา (Entry form by name) วันสุดท้าย วันที่ 17 สิงหาคม มีเพียง 1,938 คน ใน 24 ชนิดกีฬา ทำให้เราตระหนักว่าจะมีคนมามากแค่ไหน ตัวเลขมันไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้”

นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ส่งหนังสือยืนยันกับโอซีเอว่าจะเป็นเจ้าภาพอย่างแน่นอน ไม่มีแนวทางที่จะไม่เป็นเจ้าภาพ เพราะการเป็นเจ้าภาพเป็นการแสดงถึงความเป็นศูนย์รวมของการแข่งขันและได้ประสบการณ์ในการจัดกีฬา เพียงแต่การของบประมาณบางอย่างยังไม่ได้รับอนุมัติ เป็นเพราะเรารอดูการลงทะเบียน อยากดูความคุ้มค่า จนกระทั่งวันที่ 19 สิงหาคม โอซีเอ มีหนังสือยกเลิกการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย ถ้าถามส่วนตัว ก็รู้สึกเสียดายโอกาสที่ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพ แต่เราก็เคารพการตัดสินใจของโอซีเอ

ต่อข้อซักถามที่ว่า คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ แจ้งว่าโอซีเอมีความกังวลใน 9 ประเด็น ประเด็นสำคัญคืองบประมาณที่ไม่พร้อม จึงทำให้เป็นการยกเลิกการแข่งขันนั้น จนมองว่ารัฐบาลไทยไม่มีความพร้อมทำให้ถูกยกเลิกหรือไม่ ทางนายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเงินมีพร้อม แต่เราจะต้องใช้ให้คุ้มค่า 

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การดำเนินการโดยรอให้นักกีฬาลงทะเบียนครบแล้วค่อยดำเนินการจัดงานนั้นช้าไปหรือไม่ นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า เราคุยกันว่า การจะจัดกีฬา จะต้องดูเรื่องการใช้งบที่เหมาะสม จึงต้องการให้มีตัวเลขที่ชัดเจน แล้วเรายังมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เราไม่มีเงิน แค่ต้องใช้ให้เหมาะสมและโปร่งใส 

“มันต้องมีความชัดเจนว่านักกีฬาจะมีจำนวนเท่าไหร่ กับจำนวนงบประมาณ ถ้าเข้าร่วมน้อย งบก็ต้องน้อยลง เพราะมันคิดตามจำนวนนักกีฬาอยู่แล้ว” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

ถ้าใช้หลักการนี้ในการจัดซีเกมส์ ที่จะมีขึ้นในปี 2568 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จะซ้ำรอยปัญหาหรือไม่นั้น นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่เกิดปัญหาแน่นอน

นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ซีเกมส์เรามีการเตรียมการ มีความพร้อมอยู่แล้ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลา เราจะมีความพร้อมทุกอย่าง จริงๆ เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตส์เกมส์ ก็ไม่คิดว่าจะยกเลิก เพราะอีกเล็กน้อยจะปรับเรื่องงบประมาณได้ ต่อให้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติไม่พอ รัฐบาลก็พร้อมจะสนับสนุนงบกลางให้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพกีฬาใด ๆ ก็ตาม เราจะมีความพร้อมและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้

ทางด้าน นายจิรวัฒน์ อรัญยกานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้ดำเนินการล่าช้า แต่ถ้าทำทุกอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการตรวจสอบเงื่อนไขให้เรียบร้อย จะก่อให้เกิดความเสียหาย ฉะนั้นการรอบคอบก็สำคัญ

“อีกอย่างหนึ่งคือประเทศไทยไม่ได้เสียหายอะไร เพราะโอซีเอ เป็นคนยกเลิก เราไม่ได้เป็นคนยกเลิกเอง ในทางกลับกัน งบประมาณที่เหลืออยู่จากเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ เรารักษางบตรงนั้นเอาไปเดินหน้าจัดซีเกมส์หรือส่งนักกีฬาแข่งขันรายการต่าง ๆ รวมถึงเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ปีหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย หรือเตรียมซีเกมส์ ฉะนั้นถือว่าไม่ล่าช้าและไม่เสียหายแน่นอน”