ปิดตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการเมื่อเช้ามืดของวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดย 3 ทีมที่จบท็อปทรีเมื่อซีซั่นก่อนนั้น มีการใช้เงินที่แตกต่างกันออกไป “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าทำกำไรได้ 115.8 ล้านปอนด์ พวกเขา
ใช้เงิน 21.4 ล้านปอนด์ กับปีกทีมชาติบราซิล ซาวินโญ แต่การขายผู้เล่นอย่าง ฆูเลียน อัลวาเรซ กองหน้า และกองหลังอย่าง ชูเอา กานเซโล และเทย์เลอร์ ฮาร์วูด-เบลลิส ทำให้ช่วงตลาดซื้อขายนี้มีกำไร
อาร์เซน่อลใช้เงินไป 93.9 ล้านปอนด์ โดยใช้ไป 38.4 ล้านปอนด์กับ ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี กองหลังทีมชาติอิตาลี และ 27.4 ล้านปอนด์กับ 2 ผู้เล่นชาวสเปน อย่าง ดาบิด รายา และ มิเกล เมริโน แต่ขายผู้เล่นไปได้ 76.8 ล้านปอนด์
ลิเวอร์พูล ซื้อตัวรุกอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า แค่คนเดียวที่มาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ เพราะผู้รักษาประตูอย่าง จอร์จิ มามาร์ดาชวิลี่ จะมาในปีหน้า แต่การขายผู้เล่นอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ บ็อบบี้ คลาร์ก ทำให้พวกเขาทำกำไรได้ 14.4 ล้านปอนด์
เคสของ ลิเวอร์พูล น่าตกใจในเรื่องของการลงทุนนักเตะ ทั้งที่รายได้นช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมาอยู่ที่ 702 ล้านยูโร และ 683 ล้านยูโร ตามลำดับ แต่ Fenway Sports Group (FSG) เจ้าของทีม ไม่สามารถจัดสรรเงินสุทธิอย่างน้อย 150 ล้านยูโร สำหรับการลงทุนด้านทีมในแต่ละฤดูกาล ก็จะเกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงินของสโมสร
โดยแฟนบอลจำนวนมาก ตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า เงินอาจถูกนำไปใช้ในธุรกิจอื่นหรือดึงมาจากลิเวอร์พูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น นอกเหนือจากความต้องการเร่งด่วนของสโมสรฟุตบอลในแต่ละกรณี
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล
ฟากฝั่งตัวละครต่อเนื่องในตลาดอย่าง เชลซี ซึ่งนับตั้งแต่ที่ ท็อดด์ โบห์ลี เข้ามาเป็นเจ้าของทีมในเดือนพฤษภาคม 2022 ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1.3 พันล้านปอนด์ แต่พวกเขาขายผู้เล่นออกไปมากกว่า 12 คน พวกเขาจึงจบลงด้วยการใช้จ่ายสุทธิ 46.5 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีกอีก 12 แห่ง
การขายของพวกเขามีข้อตกลงมูลค่า 35.6 ล้านปอนด์สำหรับ คอนอร์ กัลลาเกอร์ กับแอตเลติโก มาดริด, เอียน มาตเซน ไปแอสตัน วิลล่าด้วยมูลค่า 38 ล้านปอนด์ และการย้ายทีมของ โรเมลู ลูกากู ไปนาโปลีด้วยมูลค่า 28.2 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวไม่รวม ไมค์ เพนเดอร์ส ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียม ซึ่งจะย้ายไปร่วมทีมเชลซีในช่วงซัมเมอร์หน้าด้วยค่าตัวประมาณ 17 ล้านปอนด์ หรือ เอสเตวา วิลเลียน ชาวบราซิล มูลค่า 29 ล้านปอนด์ ซึ่งจะย้ายไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้าเช่นกัน
ขณะที่ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน มีค่าใช้จ่ายสุทธิสูงสุดในพรีเมียร์ลีก 153.6 ล้านปอนด์ โดยพวกเขาจ่ายเงิน 39.9 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติสโมสรสำหรับจอร์จินิโอ
รุตแตร์ของลีดส์, 29.9 ล้านปอนด์ สำหรับ ยานคูบา มินเตห์ ของนิวคาสเซิ่ล และมากกว่า 25 ล้านปอนด์ สำหรับเฟอร์ดี คาดิโอกลู, บรายัน กรูดา, มัทส์ วิฟเฟอร์ และอิบราฮิม ออสมัน
การขาย บิลลี่ กิลมอร์ ในราคา 12 ล้านปอนด์ ในวันปิดตลาด รวมถึงการขาย เดนิส อุนดาฟ ด้วยราคา 22 ล้านปอนด์ ก่อนหน้านี้ในตลาด ทำให้ได้เงินมาบ้าง
ทีมอันดับ 2 ที่ใช้เงินรองลงมาคือ อิปสวิช ทาวน์ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมารอบ 22 ปี รวม 07.6 ล้านปอนด์
ไบรท์ตันไม่ใช่สโมสรเดียวที่ทำลายสถิติการย้ายทีม แต่มี บอร์นมัธ ที่คว้ากองหน้า เอวานิลสันมา ด้วยราคาเบื้องต้น 31.7 ล้านปอนด์, เบรนท์ฟอร์ด เซ็นสัญญากับ อิกอร์ เทียโก้ ด้วยราคา 30 ล้านปอนด์ และฟูแล่ม ซื้อเอมีล สมิธ โรว์ ด้วยราคาเบื้องต้น 27 ล้านปอนด์ นอกจากนี้แอสตัน วิลล่า, อิปสวิช, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังทำลายสถิติของตนเองอีกด้วย
ทั้งนี้ น้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาต่างทุ่มเงินส่วนหนึ่งจากพรีเมียร์ลีก เพื่อพยายามเพิ่มโอกาสในการอยู่รอด โดย อิปสวิช และเซาแธมป์ตันต่างใช้เงินไปมากกว่า 100 ล้านปอนด์ ในขณะที่ เลสเตอร์ ใช้เงินไปมากกว่า 75 ล้านปอนด์ รวมแล้วกว่า 300 ล้านปอนด์
สำหรับในวันสุดท้ายที่ขีดเส้นตายนั้น น่าสนใจอย่างมาก เมื่อมีบิ๊กดีลเกิดขึ้นพอสมควร
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกของเชลซี ย้ายไปอยู่กับอาร์เซนอลด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล และเชลซี เองก็ยืนยันการเซ็นสัญญากับ เจดอน ซานโช่ ของแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ด ด้วยข้อตกลงที่คล้ายกัน
แมนฯยูไนเต็ด เติมกลางในวันสุดท้ายดีลจบกับ มานูเอล อูการ์เต้
การย้ายทีมทั้งสองครั้งจำเป็นต้องมีเอกสารข้อตกลงซึ่งขยายเวลากำหนดเส้นตาย 23.00 น. ในอังกฤษ ออกไปอีกสองชั่วโมง จึงจะลงนามได้ โดยแฟนๆ ต่างรอคอยการยืนยันกันจนดึกดื่นหรือเช้าตรู่บ้านเราเลยทีเดียว
ก่อนจะปล่อยให้ ซานโช่ ออกไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมควักเงินจ่ายที่สูงที่สุดประจำวัน โดยเซ็นสัญญากับ มานูเอล อูการ์เต้ กองกลางทีมชาติอุรุกวัย จากปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 42.1 ล้านปอนด์ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50.5 ล้านปอนด์ หลังจากจ่ายเพิ่มเติม
ทำให้ยูไนเต็ดได้ตัวผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางเพียงคนเดียว หลังจากที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กองหน้าทีมชาติสกอตแลนด์ ย้ายไปอยู่กับ นาโปลี ในเซเรียอา
ด้วยค่าตัว 25.7 ล้านปอนด์ ได้รับการยืนยันแล้ว
ไอแวน โทนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญ ย้ายจากเบรนท์ฟอร์ดไปอยู่กับอัล-อาห์ลีทีมในลีกโปรลีกของซาอุดีอาระเบีย ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กองหน้าของอาร์เซน่อล ย้ายไปอยู่กับคริสตัล พาเลซ ด้วยค่าตัวประมาณ 30 ล้านปอนด์ และ อาร์เซน่อลยังขายอารอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตูให้กับ เซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์
ส่วนดีลที่คาดว่าจะเกิดแต่สุดท้ายเป็นหมันคือเชลซี ไม่สามารถเซ็นสัญญากองหน้าคนใหม่ได้ เนื่องจากวิกเตอร์ โอซิมเฮน ของนาโปลี ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก แต่อย่างใด
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี