‘ปืนใหญ่’กับชัยชนะ‘นอร์ธลอนดอนดาร์บี้’ครั้งที่196

เกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมทช์ เป็นแบบนี้แทบจะทุกยุคสมัย

บอลไปเร็วมาเร็ว เต็มไปด้วยความสนุก เร้าใจ กระทบกระทั่ง และมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

สเปอร์ส จัดตัวทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่ ออสวัลโด้ อาร์ดิเลส คุมทัพ เมื่อกลางทศวรรษที่ 90 หรือยุคเริ่มพรีเมียร์ลีกได้ 2-3 ปี

ตอนนั้น สเปอร์ส ลงสนามแต่ละทีมันสนุกเร้าใจสไตล์ 4-1-5

ตอนนั้น สเปอร์ส ใช้ เดวิด ฮาวล์ ยืนเป็นตัวรับ ที่เหลือบุกหมดทั้ง อีลี่ ดูมิเตรสคู ,​ ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน , นิค บาร์มบี้ , เอ๊ดเวิร์ด(เท็ดดี้) เชอริงแฮม และเยอร์เก้น คลินส์มันน์

เกมนี้ แองค์ ปอสเตโคกลู  จัดระบบ 4-1-4-1 ลงสนาม เนื่องจากเห็นอย่างที่เราหลายคนเห็น

นั่นเพราะ อาร์เซนอล ขาดกองกลางคนสำคัญไป 2 คน

โรดริโก้ เบนตันกูร์ ผ่านฟิตถูกส่งมาคุมกลาง และยืนเป็นตัวกลางจริง ๆ  เพราะที่เหลือบุกล้วน ๆ  จากขวาซ้ายคือ เบรนแดน จอห์นสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี้, เจมส์ แมดดิสัน และ ซน ฮึง-มิน โดยมี โดมินิก โซลันกี้

อาร์เซนอล ต้องสวมชุดเยือนลงเล่นดาร์บี้ลอนดอนเหนือเป็นครั้งแรกในรอบ 38 ปี เพราะ PGMOL ตัดสินใจว่าชุดเหย้าของพวกเขามี "สีขาวมากเกินไป" และอาจทำให้เกิดการสับสนกันระหว่างชุดกันได้

ไม่ได้ต่างอะไรกับเกมบุนเดสลีกา ระหว่าง แอร์เบ ไลป์ซิก กับ อูนิโอน เบอร์ลิน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มันขาวสลับแดงใกล้เคียงกันมาก

โธมัส ปาร์เตย์ กับ จอร์จินโญ่ ยืนพักปักแน่นอยู่หน้าคู่เซ็นเตอร์แบ๊ก แล้วให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ เลอันโดร ทรอสซาร์ สลับกันขึ้นลงในตำแหน่ง หน้าต่ำ กับกลางรุก

สเปอร์ส (4-1-4-1) : กูเยลโม่ วิคาริโอ - เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, เดสตินี่ อูโดกี้ - โรดริโก้ เบนตันกูร์ - เบรนแนน จอห์นสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี้, เจมส์ แมดดิสัน, ซน ฮึง-มิน - โดมินิก โซลันกี้

อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า - เบน ไวท์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, เยอร์เรียน ทิมเบอร์ - โตมาส ปาร์เตย์, จอร์จินโญ่, ไค ฮาแวร์ตซ์ - บูคาโย่ ซาก้า, เลอันโดร ทรอสซาร์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

แต่อาวุธ สเปอร์ส มันเบาเกินไป จิกแล้วไม่ค่อยระคายเคือง

เกมบดขยี้กันแบบมันส์มาก เวลาเล่นเกมรับทั้งสองทีมเหมือนกันมากในครึ่งชั่วโมงแรก นั่นคือ การเล่นแบบ 4-4-2 แบบกางเต็มสนาม

เจ้าบ้านให้ โซลันกี้ กับ คูลูเซสกี้ ขึ้นไปกด ตรงข้ามกับทีมเยือนที่ให้ ทรอสซาร์ กับ ฮาแวร์ตซ์ เป็นคนไปจั่ว

น่าสนใจว่า บอลทั้งทีมดูขาด ๆ เกิน ๆ  ผิดปกติ และมีข้อผิดพลาดค่อนข้างเยอะในทุกพื้นที่ จนทำให้มีจังหวะทำประตูเฉี่ยวไปมาพอกัน เพราะพื้นที่ในการเล่นมันกว้าง เนื่องจากเกมมันเปิดจริง ๆ 

อาร์เซนอล มาเล่นแบบอดทน อยู่ในแดนตัวเองแบบแพ๊คแน่น ปักหลักมากกว่าเคลื่อนตัว แล้วค่อยอาศัยจังหวะและพื้นที่ของเกมสวนขึ้นไป ส่วน สเปอร์ส ไม่ต้องพูดถึง สไตล์โค้ชชัดเจนว่า เดินเข้าใส่มากกว่า ซึ่งเกมสูสีสุด ๆ 

ในครึ่งแรกของนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ มีการแจกใบเหลืองถึง 7 ใบ

แบ่งเป็น 5 ใบจากท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และ2 ใบจากอาร์เซนอล ถือเป็นจำนวนใบเหลืองสูงสุดร่วมที่เกิดขึ้นในช่วง 45 นาทีแรกของการแข่งขันพรีเมียร์ลีก

ครึ่งหลังเกมก็ยังเหมือนเดิม และเกิดเหตุการณ์สำคัญที่โอกาสพังประตูหนแรกของทั้งสองทีมในครึ่งหลังที่ผ่านมา 20 นาที

ลูกเซ็ตเพลย์ในเกมที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ถือว่าสำคัญมาก ๆ 

แล้ว อาร์เซนอล ก็ได้ประตูออกนำก่อนจาก กาเบรียล มากัลเญส นาทีที่ 65

กองหลังของ สเปอร์ส ยืนผิดตำแหน่งในลักษณะแบบนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตั้งแต่ แองค์ เข้ามาทำงาน ยังแก้ไม่ตก

3 จาก 4 ประตูหลังสุดที่ อาร์เซนอล ที่ทุบใส่ สเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก มาจากลูกเตะมุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นแค่ 3 จาก 88 ประตูในดาร์บี้แมตช์นอร์ธ ลอนดอน

นี่เป็นเกมที่ยิงกันน้อยที่สุด โดยทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น โดยเกมล่าสุดที่ยิงแค่ประตูเดียวต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2018 หรือ 14 เกมที่แล้ว

ต้องชม มิเกล อาร์เตต้า ที่แก้ไขปัญหาได้ดีมาก

อาร์เตต้า ทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ได้ชัยชนะครั้งสำคัญ

เมื่อ โอเดการ์ด ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อช่วยครองบอล

ไรซ์ ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อช่วยกดดันให้สูงขึ้นในสนาม บล็อกลึก โต้กลับ และลูกตั้งเตะ

แต่ทำให้ทีมคว้าชัยชนะมาได้ นี่คือความยืดหยุ่นทางยุทธวิธีที่ยอดเยี่ยม

CB 4 ตัว เล่นบล็อกลึก และมีบทบาทกับลูกตั้งเตะ ทั้งรับทั้งรุก

หากปล่อยให้ผลจบเสมอ จะตาม แมนฯซิตี้ 5 แต้มตั้งแต่ 4 เกม ซึ่งไม่ดีเอาซะเลย

แต่ อาร์เตต้า และ อาร์เซนอล ทำได้

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สเปอร์ส ไม่ชนะ อาร์เซนอล เป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันแล้ว

#บีแหลมสิงห์