จากเดิมหลังจบนัดที่ 3 มีทีมไม่แพ้ใคร 7 ทีม แต่ในแมทช์เดย์นี้เหลือ 5 เท่านั้น นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล,ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อ ลิเวอร์พูล กับ บอร์นมัธ ต้องพบกับความพ่ายแพ้เกมแรกของซีซั่น

l ลิเวอร์พูล พลาดท่าคารังแอนฟิลด์ เมื่อแพ้น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 มีสถิติด้านลบเกินขึ้นถึง 4 เรื่อง นั่นคือทำให้หยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 3 นัด, เสียประตูแรกในซีซั่น, อาร์เน่อ สล็อตแพ้ในการคุมทีมนัดแรก และทีมแพ้ให้กับ “เจ้าป่า” ครั้งแรกในบ้านหนแรกตั้งแต่ปี 1969

l บอร์นมัธ พลาดท่าแพ้ให้กับ เชลซี 0-1 และมีสถิติใหม่เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก เมื่อทั้งสองทีมโดนใบเหลืองรวมกันมากถึง 14 ใบ โดย บอร์นมัธ โดนไป 6 ใบ ฝั่ง เชลซี โดนไป 8 ใบทุบตัวเลขเดิม 12 ใที่เคยเกิดขึ้นระหว่าง เชลซี กับ สเปอร์ส เมื่อปี 2016 และเกม วูล์ฟส์ กับ นิวคาสเซิ่ล ปี 2010

l ขณะที่เกมนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลบุกชนะ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส 1-0 โดยครึ่งแรกของเกมนี้มีการแจกใบเหลืองถึง 7 ใบ แบ่งเป็น 5 ใบจากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์และ 2 ใบ จากอาร์เซน่อล ถือเป็นจำนวนใบเหลืองสูงสุดร่วมที่เกิดขึ้นในช่วง 45 นาทีแรกของการแข่งขันพรีเมียร์ลีกตลอดกาล

l “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะ 4 เกมรวดเป็นทีมเดียวในลีก ด้วยการพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะเบรนท์ฟอร์ด ไปได้หวุดหวิด 2-1 “จอมมารบู” เออร์ลิ่ง เบราท์-ฮาลันด์ซัดคนเดียวสองประตู เท่ากับว่าออกสตาร์ท 4 นัดแรก ฮาลันด์ ตะบันไปถึง 9 ประตู ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แซงหน้า “สุกรโลกันตร์” เวย์น รูนี่ย์ อดีตหัวหอกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาไว้ 8 ประตู เมื่อซีซั่น 2011-12

l เอฟเวอร์ตัน กับ เซาแธมป์ตัน เป็นสองทีมที่มีสถิติย่ำแย่ด้วยการแพ้รวดทั้ง 4 เกม ที่ลงสนาม โดย เซาธ์แฮมป์ตันมีโอกาสลุ้นแต้มแรก เมื่อได้จุดโทษแต่ยิงไม่เข้า จากนั้นโดน แมนยูฯถล่มแหลกคาบ้าน 3-0

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ทำพลาดมหันต์อีกครั้ง เมื่อบุกไปออกนำ แอสตัน วิลล่า 2-0 ก่อนจะแพ้ 2-3 เหมือนกับนัดที่แล้ว ที่อุตส่าห์นำ 2-0 ก็แพ้คาบ้านให้ บอร์นมัธ

l ขณะนี้เหลืออีกทีมที่ยังไม่เคยชนะใคร ประกอบด้วย เลสเตอร์ ซิตี้,คริสตัล พาเลซ, อิปสวิช ทาวน์, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส,เซาแธมป์ตัน และเอฟเวอร์ตัน

บี แหลมสิงห์