……นับจากวันที่คณะกรรมการอิสระของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ (The Independent Commission) ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบการดำเนินกิจการของสโมสร “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย้อนหลัง ได้ออกมาแถลงความผิด ที่มีการ “ละเมิดกฎ” เรื่องผลกำไรและความยั่งยืน

ไม่มีความโปร่งใสทางการเงินมากถึง 115 กรณี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023

คณะกรรมการอิสระฯ ใช้เวลา 4 ปี(2018-2022) ในการรวบรวมหลักฐาน โดยหลักใหญ่ใจความ ก็คือการละเมิดกฎการเงิน จากการทุ่มงบประมาณ อัดฉีดเงินสู่การยกระดับทีมในระหว่างปี 2009-2018 คิดเป็นช่วงเวลาถึง 9 ปีเต็ม

ใช้เงินนอกระบบ, ตกแต่งบัญชี, ละเมิดกฎ ฯลฯ

พรีเมียร์ลีก ตั้งข้อหาคือ แมนฯ ซิตี้ ละเมิดกฎเรื่องผลกำไรและความยั่งยืนในฤดูกาล 2015-16, 2016-17 และ 2017-18

อารยะขัดขืนไม่ปฏิบัติไปในแนวทางของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป ตามข้อบังคับการออกใบอนุญาตสโมสร และเรื่องอื่นๆในฤดูกาล 2013-14, 2014-15 และ 2017-18

แน่นอนว่า ซิตี้ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

คดีนี้จะถูกวางเอาไว้ว่าจะพิจารณาและตัดสินในปลายปี 2024 เงื่อนไขเวลาคือ พฤศจิกายน-ธันวาคม

เสียงในโลกนี้ที่ปกติก็แตกกันอยู่แล้ว ยิ่งไปกันคนละทาง แยกแตกไปเป็นเสี่ยงๆ

เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายกับโลกฟุตบอลว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม หรือชอบธรรมขนาดไหนกับการที่ ซิตี้ กวาดแชมป์มากมายขนาดนี้

หากเรานับจากวันที่ก่อตัวเรื่องคดี 6 กุมภาพันธ์ 2023 นั่นคือการเข้ามาเทคโอเวอร์ของ ชีค มานซูร์ กับ City Football Group Limited (CFG) ครบ 15 ปี และจนถึงปัจจุบันปี 2024 รวม 16 ปีที่พวกเขากวาดแชมป์บอลลีกได้มากถึง8 สมัย รวมถึงการเป็นแชมป์ 4 ปีซ้อนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาเก่าก่อน

การได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยแรก, แชมป์สโมสรโลก สมัยแรก, เอฟเอ คัพ 3 สมัย และลีกคัพ อีกถึง 6 สมัย

หล่อ ใจดี สปอร์ต กทม. ก็โดนหมั่นไส้ไม่แปลกเมื่อคุณมีถุงเงินถัง, มีนักเตะดี, โค้ชเก่ง, เป็นแชมป์ ต่อให้คุณไม่มีเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีทางรอด

ไม่แปลกที่ ซิตี้ จะถูกทั้งรักทั้งชังจากวงการ นั่นก็คือการประสบความสำเร็จ

สำคัญก็คือ ไม่แปลกอีกเช่นกันเมื่อมันมีข่าว “เชิงลบ” แบบนี้ พวกเขาจึงไม่พ้นคำ “ครหา” หนักขึ้นกว่าเดิม

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก!

ในปี 2020 พวกเขาเคยเจอกับปัญหาทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า เมื่อเอกสารจาก Football Leaksที่ไปแฮ็กข้อมูลมาแฉยับ

ยูฟ่า ตรวจสอบแล้วและได้สั่งแบน ซิตี้ ออกจากบอลยุโรป 2 ฤดูกาล แต่โดนสู้กลับด้วยการว่าจ้าง “ทีมทนายที่เก่งที่สุดในโลก” ด้วยการยื่นเรื่องต่อศาลกีฬาโลก หรืออนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS)

สุดท้าย ยูฟ่า ก็จนปัญญา ไม่สามารถจัดการกับ ซิตี้ ได้ในการดำเนินคดีทางการเงินหรือ Financial Fair Play เนื่องมาจากศาลฯระบุว่า ข้อมูลที่ถูกแฉจาก Football Leaks ไม่สามารถเป็นปัจจัยในการตัดสินได้

แต่ถือว่ารอดมาแบบระฆังช่วย เพราะการโหวตชนะแค่ 2-1 และถูกปรับเงินข้อหาไม่ให้ความร่วมมือแค่ 10ล้านยูโรเท่านั้น

...มาถึงครั้งสำคัญก็คือ พรีเมียร์ลีก เปิดข้อมูลที่สืบเสาะเคาะค้นด้วยตัวตนของพวกเขาเองเป็นเวลานานถึง 4 ปี ก่อนจะตั้งข้อหามากถึง 115 กระทง ในการมัดตัว ซิตี้ ให้ดิ้นไม่หลุด

โดยเฉพาะการ “แก้ลำ” เพื่อให้ ซิตี้ นั้น“จำนนด้วยหลักฐาน”

เพราะการฟ้องของ ยูฟ่า มาจากเว็บไซต์ที่ก่อตั้งไม่นาน ดูเหมือนว่าจะเป็นเท็จ

อีกหนึ่งในสาเหตุของ ยูฟ่า ที่พลาดแพ้เพราะถูกตีความว่า เอกสารหมดอายุแต่พรีเมียร์ลีก นำกฎที่ “ไม่มีวันหมดอายุ” มาใช้ในการทำงานและอ้างอิง

อย่างไรก็ตาม จากเดือนกุมภาพันธ์ 2030 และจะว่ากันในปลายปี 2024 ทำให้ ซิตี้ มีเวลานานเกือบ 2 ปี ในการรับมือและเข้ารับการสู้ศึกนี้

หนึ่งในฟรอนท์แมน ที่ ซิตี้ ตั้งมาเพื่อนำทัพสู้ ก็คือ ลอร์ด เดวิด แพนนิค ทนายมากประสบการณ์ วัย 67 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ว่าความให้สโมสรทุบ ยูฟ่า ดิ้นมาแล้ว

การต่อสู้ครั้งนี้ ระหว่างองค์กรดังระดับโลกอย่าง “พรีเมียร์ลีก” ที่มีเครื่องหมายการค้ายักษ์ใหญ่ ตีตรามานานตั้งแต่ ปี 1992 กับ ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคปัจจุบัน

จนกล้าที่จะติดตราพะยี่ห้อไว้หน้าสโมสร ว่า THE BEST TEAM IN THE LAND and ALL THE WORLD

ใครจะได้รับการชูมือ……

เริ่มต้นสอบสวนตั่งแต่วันนี้เป็นต้นไป!!!!

#บีแหลมสิงห์

- 006