19 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมาเกิดแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญของโลกลูกหนัง เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพลิเวอร์พูล เป็นนัดสุดท้าย

เขาประกาศอำทีมตั้งแต่ 26 มกราคม 2024 ทำให้ “เดอะ ค็อป”ค่อนโลก โศกเศร้าและทำใจลำบาก

อันเนื่องมาจากการเข้าถือบังเหียนของ คล็อปป์ ตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2015 ด้วยกุศโลบายการทำงานที่บอกว่า“คนธรรมดา” แต่สุดท้ายสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของสโมสรไปตลอดกาล

เขากลายเป็น “เครื่องหมายการค้า” และเป็น ”ผู้กุมจิตวิญญาณทีม” ต่อจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด และสำคัญที่สุดก็คือ เปลี่ยนคำว่า “สงสัย” ให้กลายเป็น “ความเชื่อ” ได้สำเร็จ

เปลี่ยนอดีตให้เป็นปัจจุบัน และเห็นอนาคต พร้อมกับเปลี่ยนคำว่า“ปีหน้าเอาใหม่” ให้กลายเป็น “ปีหน้าเอาอีก”

คล็อปป์ คุมทัพลิเวอร์พูล นานเกือบ 9 ปี นำทีมประสบความสำเร็จมากมาย ก่อนที่เขาจะเลือกทางเดินใหม่ และประกาศอย่างแน่วแน่ว่าจะเป็น “ผู้ดูแลฟุตบอลของเรดบูลล์” ทั้งระบบ หรือ Head of Soccer Red Bull

งานนี้น่าจะเหมาะกับเขาในฐานะกุนซือสายปั้น เพราะจะได้ดูแลนักบอลระดับเยาวชนจากทั่วโลกที่ “เรดบูลล์” เป็นพันธมิตรทั่วโลก ที่สำคัญก็คือ อย่างที่ คล็อปป์ เคยบอกเอาไว้ว่า เขาไม่ต้องการทำทีมอีกต่อไป

อยากอยู่กับฟุตบอลต่อไปแต่ไม่ใช่การยืนข้างสนามในฐานะผู้จัดการทีม...แน่นอนที่สุดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แฟนบอลย่อมเคารพการตัดสินใจของ เจเค!!!

l แล้ว ‘คล็อปป์’ จะทำอะไรแน่ที่ ‘เรดบูลล์’

อดีตกุนซือวัย 57 ปี จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายฟุตบอลที่เรดบูลล์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไปซึ่งจะรับผิดชอบดูแลเครือข่ายสโมสรฟุตบอลระดับนานาชาติของเร้ดบูลล์ ประกอบด้วย เรดบูลล์ บรากันติโน่ ในบราซิล, แอร์เบ ไลป์ซิกในเยอรมนี, อาร์บี โอมิยา อาร์ดิจา ในญี่ปุ่น และนิวยอร์ก เรดบูลส์ ในสหรัฐอเมริกา

ในบทบาทนี้ เขาจะรับหน้าที่ดูแลเชิงกลยุทธ์ในภาพรวม และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานประจำวันของสโมสรแต่อย่างใด โดยหน้าที่รับผิดชอบหลัก คือให้การสนับสนุนผู้อำนวยการด้านกีฬาและโค้ชของสโมสรต่างๆ ในการพัฒนาปรัชญาการเล่นของเร้ดบูลล์ต่อไป
รวมถึงการนำเครือข่ายของเขามาช่วยในการแสวงหาผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ควบคู่กับการฝึกอบรมพัฒนาโค้ชให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

l ซีอีโอ สุดปลื้ม! กับการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญ

โอลิเวอร์ มินท์ซลาฟฟ์ ซีอีโอฝ่ายโครงการและการลงทุนของเรดบูลล์ กล่าวว่า เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งกับการเซ็นสัญญาที่โดดเด่นครั้งนี้ ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของเร้ดบูลล์เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในวงการโลกฟุตบอล ที่มีทั้งความสามารถและเสน่ห์ที่ไม่ธรรมดา ในบทบาทหัวหน้าฝ่ายฟุตบอล เขาจึงเปรียบเสมือนผู้เปลี่ยนเกมสำหรับการมีส่วนร่วมของเราในฟุตบอลระดับนานาชาติและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรากำลังหวังว่าจะได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าและมีความสำคัญในด้านหลักๆ เพื่อทำให้สโมสรแต่ละแห่งดีขึ้นโดยรวม

l ‘บอส’ พร้อมแล้วกับบทบาทใหม่

เจอร์เก้น คล็อปป์ หัวหน้าฝ่ายฟุตบอล เร้ดบูลล์ กล่าวว่า หลังจากอยู่ข้างสนามมาเกือบ 25 ปี ตอนนี้ผมกำลังตั้งตารอที่จะนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ด้านฟุตบอลของผมมาช่วยเรดบูลในระดับโลก เพื่อพัฒนาปรัชญาการเล่นและการฝึกซ้อมต่อไป พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังกับทีมกีฬาอื่นๆระดับโลก อย่างเต็มที่ ผมมองบทบาทของผมเป็นเหมือนที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนแก่โค้ชและระดับบริหารของสโมสรเรดบูลล์

เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเข้าร่วมการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในกลางเดือนมกราคมปีหน้า หรือ พ.ศ.2568

l สถิติที่เหนือกว่าสถิติของบอส

คล็อปป์ คุมทีมตลอดชีวิตนี้รวมทั้งสิ้น 1,080 นัด เริ่มจากการทำงานที่ ไมนซ์ 05 ตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ 2001 จนถึง 30 มิถุนายน 2008รวม 270 นัด ชนะ 109 เสมอ 78แพ้ 83 ผลงานเด่นคือพาทีมเลื่อนชั้นเมื่อปี 2003-04

จากนั้นเซ็นสัญญาคุม ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2008 จนถึง 30 มิถุนายน 2015 รวม 319 นัด ชนะ 180 เสมอ 69 แพ้ 70 ครองแชมป์บุนเดสลีกา2 สมัยซ้อน, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล1 สมัย, เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ 2 สมัย และเป็นรองเจ้ายุโรป ปี 2013 และรองแชมป์บอลถ้วยในประเทศ 2 สมัย

หลังจากออกจาก ดอร์ทมุนด์ได้ไม่นาน คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูล และปลุกทีมจากหลับไหลก่อนกว่าแชมป์สำคัญได้ทั้งหมด คุมทีม 491 นัด ชนะ 299 เสมอ 109 แพ้ 83 แต่ถ้าหากจะนับการดวลจุดโทษให้เป็นผลแพ้ชนะ ไม่ใช่ผลเสมอนั้น คล็อปป์ จะมีสถิติ ชนะ 305 เสมอ 99 และแพ้ 87 เกม

คล็อปป์ พาทีมครองแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่สโมสรรอคอยมานานถึง 30 ปี, เข้าชิงบิ๊กเอียร์ถึง 3 ครั้งได้แชมป์มา 1 สมัย, ชิงลีกคัพ 3 ครั้งได้มา 2 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย เป็นครั้งแรกที่ทีมทำได้, แชมป์ซูเปอร์ คัพ กับ คอมมิวนิตี้ชิลด์ อย่างละสมัย และรองแชมป์ยูโรป้า 1 สมัย รวมการทำงานกับ 3 สโมสร ชนะ 588 นัด เสมอ 256 นัด แพ้ 236 นัด จาก 1,080 เกม

จากนี้เราจะเห็นเขาในมาดใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

บทบาทนี้น่าจะสนุก และไม่เครียด สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่า คล็อปป์ จะทำอะไร นั่นหมายความว่า เขาได้ผ่านกระบวนการกลั่นกรองอย่างดีที่สุดมาแล้ว และแฟนบอลอย่างเราท่าน ก็คงจะตามให้กำลังใจต่อไป

บี แหลมสิงห์