แมงลัก
เม็ดแมงลัก มีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยใยอาหารเพคตินจะทำหน้าที่ขัดขวางการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และอาจส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง มีกรดไขมันโอเมก้า 3ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายชื่อว่ากรดอัลฟาไลโปอิก (ALA)ในปริมาณมากด้วย และด้วยปัจจัยทั้ง 3 อย่างนี้ จึงอาจช่วยทำให้เม็ดแมงลักมีประโยชน์ในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้ และนอกจากนี้เม็ดแมงลักยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกหลายด้าน ดังนี้
1.อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เม็ดแมงลักอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ ทั้งใช้ในการเสริมสร้างกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงใช้ในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วย นอกจากนี้ เม็ดแมงลักยังมีกรดไขมันกรดอัลฟาไลโปอิก (ALA) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นกรดไขมันสำคัญที่มีประโยชน์แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เอง
2.มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ในเม็ดแมงลักอุดมไปด้วยสารประกอบจากพืชที่สำคัญอยู่หลายชนิด เช่น ลาโวนอยด์ (Flavonoids) และโพลีฟีนอล (Polyphenols) สารเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เซลล์อักเสบเสียหาย รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งได้ด้วย
3.ช่วยควบคุมน้ำหนัก เม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 13 กรัม มีใยอาหารมากถึง 7 กรัม ซึ่งถือเป็น 25% ของปริมาณใยอาหารที่ควรบริโภคต่อวันเลยทีเดียว การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงจะช่วยให้รู้สึกอยู่ท้องได้นานแม้จะรับประทานไปในปริมาณน้อย นอกจากนี้ ใยอาหารชนิดหนึ่งในเม็ดแมงลักที่ชื่อว่าเพคตินอาจช่วยเพิ่มฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม เม็ดแมงลักจึงมีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมอาหารได้
4.ช่วยในการขับถ่าย เพคตินในเม็ดแมงลักเป็นใยอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก จึงอาจช่วยเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้ นอกจากนี้ใยอาหารจากเม็ดแมงลักที่ร่างกายย่อยไม่ได้จะกลายเป็นกากที่ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น การรับประทานเม็ดแมงลักจึงอาจช่วยป้องกันหรือรักษาอาการท้องผูกได้นั่นเอง
5.อาจมีคุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน เม็ดแมงลักอาจมีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ งานวิจัยในหนูทดลองยังพบว่าสารสกัดจากเม็ดแมงลักสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดน้ำหนักตัวของหนูที่เป็นโรคเบาหวานได้ด้วย
6.อาจช่วยลดไขมันในเลือด เม็ดแมงลักอาจมีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยใยอาหารเพคตินจะทำหน้าที่ขัดขวางการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และอาจส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง นอกจากนี้ งานวิจัยในสัตว์ทดลองยังพบอีกว่า น้ำมันสกัดจากเม็ดแมงลักอาจสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ด้วย
7.อาจช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด นอกจากเม็ดแมงลักจะมีคุณสมบัติในการช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายชื่อว่ากรดอัลฟาไลโปอิก (ALA)ในปริมาณมากด้วย และด้วยปัจจัยทั้ง 3 อย่างนี้ จึงอาจช่วยทำให้เม็ดแมงลักมีประโยชน์ในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง
วิธีรับประทานเม็ดแมงลักอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
การแช่เม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะ ควรใช้น้ำประมาณ 1 ถ้วยตวง และแช่ไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้เม็ดแมงลักสามารถพองตัวได้เต็มที่ ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักที่ยังไม่พองตัว หรือยังพองตัวได้ไม่เต็มที่ เพราะอาจทำให้เกิดการดูดน้ำจากลำไส้หรืออาจนำไปสู่การเกิดภาวะขาดน้ำได้
เม็ดแมงลักมีใยอาหารสูง หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียได้
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี