‘หงส์’ยำแชมป์เยอรมนี!ศึก‘คนที่ใช่’กับ‘คนที่ต้องเลือก’
ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนมกราคมปี 2024 แฟนบอล “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทั่วโลกต้องพบเจอกับข่าวช็อก เมื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์อันเป็นที่รักได้ประกาศลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังจบฤดูกาล 2023-24
แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป เปรียบเสมือนโลกที่ไม่มีหยุดหมุน หากจำกันได้แคนดิเดตเบอร์หนึ่งที่จะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่คือ ชาบี อลอนโซ่ อดีตมิดฟิลด์เท้าชั่งทองที่เคยอยู่กับทีมในช่วงปี 2004-2009 และกำลังรุ่งโรจน์กับการคุมทีม “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
อย่างไรก็ตาม เทรนเนอร์ชาวสแปนิช เลือกที่จะปฏิเสธโอกาสในการหวนแอนฟิลด์อีกครั้ง หลังพา เลเวอร์คูเซ่น สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี แบบไร้พ่าย และบอลถ้วยอย่างเดเอฟเบ โพคาล เขาเลือกที่จะอยู่กับทีมต่อไป เพราะยังเร็วเกินไปที่จะก้าวกระโดดมารับงานในอังกฤษ
ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเบนเป้า ตามรายงานจากสื่อระบุว่าเต็งหนึ่งคือ รูเบน อโมริม จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน บินมาอังกฤษด้วย แต่ไม่ได้ลงที่ ลิเวอร์พูล หมุดหมายคือ ลอนดอน เข้าเจรจากับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
แล้วตอนนั้นชื่อของ อาร์เน่อ ชล็อต อยู่ไหน?
กุนซือวัย 46 ปี พกความสำเร็จด้วยการพา เฟเยนอร์ด ในรอบ 5 ปี พร้อมบอลถ้วยในประเทศ รวมไปถึงการเข้าเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีกที่ถูกจัดปีแรก พ่ายให้กับ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” อาแอส โรม่า ของโชเซ่ มูรินโญ่
ชล็อต แทบจะไม่ได้อยู่ในโผเลย ไม่มีสื่อไปจับจ้อง จนเริ่มมีข่าวหลุดออกมาว่าผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่อย่าง ริชาร์ด ฮิวจ์ส ที่เข้ามาทำงานปีแรกได้ติดต่อไป ด้วยปรัชญาการเล่นฟุตบอลที่ดูมีความเหมาะสมกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุด
จนสุดท้ายก็มีการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการก่อนจบฤดูกาล 2023-24 แต่มาในฐานะ “เฮดโค้ช” หรือหัวหน้าผู้ฝึกสอน แน่นอนว่าเขาถูกจับจ้องจากทุกสายตา เพราะสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำเอาไว้นั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
อย่างไรก็ตามถือว่าเซอร์ไพรส์อย่างมากกับผลงานของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ 16 เกมในทุกรายการชนะได้ถึง 14 เสมอ 1 แพ้ 1 มีแต่ “คนหลอกเอายอดวิว” เท่านั้นที่บอกว่า ผลงานจะดีขนาดนี้
เกมล่าสุดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส นัดที่ 4 อาร์เน่อ ชล็อต ที่ไม่ได้ถูกสื่อยกให้เป็นแคนดิเดตในการเข้ามาคุม ลิเวอร์พูล จัดการถล่ม แคนดิเดตเบอร์หนึ่งอย่าง ชาบี อลอนโซ่ ในแอนฟิลด์แบบราบคาบ 4-0
โดยบุคลิกในการคุมทีมของกุนซือทั้งสองรายนี้ก็มีความแตกต่างกัน อาร์เน่อ ชล็อต มาด้วยหมาดสุขมนุ่มลึก ฉลองประตูแบบพองาม ส่วน ชาบี อลอนโซ่ พยายามชี้นิ้วคอยกำกับการเล่นของลูกทีมตลอดทั้งเกม
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ ชล็อต ก็ยังมีสิ่งที่หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลคือการออกสตาร์ทค่อนข้างช้า เกมนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่ง 4 ประตูที่ทีมทำได้ล้วนเกิดขึ้นในครึ่งเวลาหลังทั้งหมด เกมที่แล้วในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับไบรท์ตันก็เช่นเดียวกัน
พวกเขายิงได้ถึง 22 ประตู ในครึ่งเวลาหลังจากการลงเล่น 16 เกมที่ผ่านมา มากกว่าครึ่งเวลาแรกอยู่ 7 ลูก (15 ประตู) โดยโอกาสยิงครึ่งแรก 147 ครั้ง (เข้ากรอบ 66 ครั้ง) ส่วนครึ่งหลังสร้างโอกาสน้อยกว่าด้วยซ้ำ 97 ครั้ง (เข้ากรอบ 44 ครั้ง) แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้มากกว่า
จะว่าไปแล้วเครื่องร้อนช้าก็ดูจะย้อนแย้ง ก็ไม่รู้ว่าจะนิยามฟุตบอลของเขาว่าอะไร?
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเข้มข้นในเกมหรือเปล่า แต่แน่นอนว่าครึ่งหลังเรามีการเสี่ยงมากขึ้น แดนกลางของพวกเขาค่อนข้างแน่น เราต้องปรับตัวพยายามออกข้างเสี่ยงเพื่อดวลตัวต่อตัว ตรงนี้ก็ต้องให้เครดิตคู่แข่งด้วย” ชล็อต กล่าว
“เอาจริง ๆ ผมอยากเห็นฟอร์มแบบครึ่งแรก เกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ทีมอื่น ๆ ต่างก็มีความเข้มข้นเหมือนกัน สิ่งที่ผมแฮปปี้ที่สุดในตอนนี้ คือเรายังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และจะเร่งเครื่องในเกียร์ที่สูงขึ้น เราน่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่ต้นเกม”
ทางฝั่ง ชาบี อลอนโซ่ ได้เปิดเผยถึงการมาหวนกลับมาในแอนฟิลด์ครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีม ยอมรับแต่โดยดีว่า ลิเวอร์พูล มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน เกินกว่าที่ทีมของเขาจะต้านทานไหว พร้อมยกเครดิตให้ อาร์เน่อ ชล็อต ด้วย
“พวกเขาเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ ครบเครื่องในทุกด้าน ทั้งการเล่นเกมรับ, ทำประตู, รักษาคลีนชีต และมีพลังเสมอในยามที่อยู่ในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าจะรุกหรือรับ แถมยังจบสกอร์ได้อย่าง เฉียบคมแม้โอกาสจะมีไม่มากก็ตาม” อลอนโซ่ กล่าว
“พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี ทุกอย่างดูมีความสมดุลไปหมด โค้ชกำลังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก ดังนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นฤดูกาลที่ดีมาก แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านมาแค่เดือนพฤศจิกายน ต้องดูกันต่อไป”
ผลการแข่งขันในเกมนี้อาจจะทำให้แฟน ๆ ยอมรับในตัวของ อาร์เน่อ ชล็อต มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามกุนซือชาวดัตช์มองว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายเหมือนกับสกอร์ที่ออกมา
“ไม่เลย ถ้าคุณมองแค่การแข่งขันมันเหมือนง่ายนะ เกมกับไบรท์ตันก็เช่นเดียวกัน เราต้องใช้ความพยายามเพราะตามหลัง 0-1 ต่อสู้อย่างหนัก ทำงานด้วยความเข้มข้นสูง”
“แอนฟิลด์คือสังเวียนที่ดีที่สุดในการเล่นแบบนั้น (พลิกสถานการณ์) ดังนั้นทุกทีมที่มาเยือนที่นี่ต้องอยู่ในมาตรฐานระดับสูง หากต้องการชนะต่อไป เล่นด้วยความเข้มข้นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ”
เชื่อว่าหลายคนยังคิดถึง อลอนโซ่ ในฐานะนักเตะที่มีส่วนสำคัญยุคของ ราฟา เบนิเตซ เป็นนักบอลที่ทุกคนนึกถึงเหตุการณ์มหัศจรรย์ คืนหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ที่อิสตันบูล 2005
แต่ในบทบาทกุนซือที่เคยเป็นเต็ง 1 เมื่อหลายเดือนก่อน จะเปลี่ยนทิศทางไปขนาดไหนหนอ
หลังจากผลจบลงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา........
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี