การแข่งขันฟุตบอลลีกยุโรปฤดูกาล 2024-25 เดินทางมาถึงการพักเบรกทีมชาติหนที่ 3 ซึ่งจะเป็นการพักเบรกหนสุดท้ายของปีนี้ จากนั้นจะลงโม่แข้งกันแบบยาวๆ ไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า
l พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลีกขวัญใจมหาชน ทุกทีมลงเล่นเท่ากัน 11 เกม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมปิดเบรกด้วยการเปิดบ้านต้อน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า 2-0 ทำให้พวกเขามี 28 คะแนน จากการชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1
โดยนำห่างอันดับ 2 อย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ อยู่ถึง 5 คะแนน และสัปดาห์นี้ก็บุกไปพ่าย ไบรท์ตัน 1-2 ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สร้างสถิติใหม่ที่ไม่น่าจดจำแพ้ 4 เกมติดในทุกรายการเป็นครั้งแรกในอาชีพกุนซือ นับตั้งแต่เทิร์นโปรคุม บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2008
ส่วนเกมบิ๊กแมทช์สัปดาห์ล่าสุด “สิงห์บลูส์” เชลซี เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ เสมอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้ทั้งสองทีมมี 19 คะแนน เท่ากัน เชลซีประตูได้เสียดีกว่ารั้งอันดับ 3 อีกหนึ่งทีมที่แต้มเท่ากันคือ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สะดุดนำก่อนแต่พ่ายคารังให้กับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-3 หล่นไปรั้งอันดับ 5ขณะที่ ไบรท์ตัน เป็นอีกทีมที่มี 19 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 จาก 3 คะแนนสำคัญเหนือ แมนฯซิตี้
“ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด สั่งลาการคุมทีมรักษาการของ รุด ฟาน นิสเตลรอย อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการเปิดบ้านถล่ม “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 แต่ยังรั้งอันดับ 13 ของตาราง หลังเบรกทีมชาติ รูเบน อโมริม จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน จะเข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการ
ปิดท้ายที่โซนท้ายตาราง 2 ทีมที่ยังไม่ชนะใครเมื่อผ่านไป 10 เกมอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน และอิปสวิช ทาวน์ กอดคอกันคว้าชัยในสัปดาห์นี้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ต้อน เซาแธมป์ตัน2-0 ส่วน อิปสวิช ทำเซอร์ไพรส์บุกไปทุบทีมแกร่งอย่างท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ทำให้ตอนนี้ 20 ทีมในพรีเมียร์ลีกคว้าชัยกันครบแล้ว
l บุนเดสลีกา เยอรมนี
ลงเล่นครบ 10 เกมกันทุกทีม จ่าฝูงยังคงเป็น “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิค ที่ยังไม่แพ้ใคร ชนะ 8 เสมอ 2 มี 26 คะแนน เกมล่าสุดบุกไปเฉือนน้องใหม่ ซังต์ เพาลี 1-0 จากประตูชัยของ จามาล มูเซียล่า นำห่างอันดับ 2 อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ย่องมาแบบเงียบๆ อยู่ 5 คะแนน
อันดับ 3 คือ “อินทรีแดง-ดำ” ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ตที่ฟอร์มแรงสุดๆ บุกไปทุบ “ม้าขาว” สตุ๊ตการ์ท สุดมันส์ 3-2 โอมาร์ มาห์มุ้ด กดไป 11 ประตู และ 7 แอสซิสต์ ตามมาด้วยอันดับ 4 “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แชมป์เก่าผลงานยังสะดุดทำได้แค่บุกไปเสมอกับทีมบ๊วยอย่างโบคุ่ม 1-1 โดย โบคุ่ม ยังคงเป็นทีมเดียวในฤดูกาลนี้ที่ยังไม่ชนะใคร
อีกหนึ่งทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังคือ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกไปพ่าย ไมนซ์ 05 แบบหมดสภาพ 1-3 ทีมของ ยูริ ซาฮิน รั้งอันดับ 7 มี 16 คะแนน จากการชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 4
l ลาลีกา สเปน
จำนวนแมทช์ลงเล่นมากกว่าลีกอื่นๆ ในเวลานี้ผ่านไปแล้ว 13 เกม บิ๊ตแมตช์ เอล กลาซิโก้ ผ่านไปแล้วกลายเป็น “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า บุกไปถล่ม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แบบขาดลอย 4-0 แต่สัปดาห์ล่าสุดทีมจากแคว้นคาตาลันก็มีสะดุดบุกไปพ่ายให้กับ เรอัลโซเซียดัด 0-1
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงนำเป็นจ่าฝูงของตารางด้วยการมี 33 คะแนน นำ เรอัล มาดริด ที่สัปดาห์นี้เปิดบ้านถล่ม โอซาซูน่า 4-0 จากแฮททริกของ วินิซิอุส จูเนียร์ อยู่ 6 คะแนน อันดับ 3 ตามาเงียบๆ คือ “ตราหมี” แอตเลติโกมาดริด ที่บุกเฉือน เรอัล มาญอร์ก้า 1-0 ตอนนี้มี 26 คะแนน
l กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี
ผ่านมาแล้ว 12 เกม จ่าฝูงเป็น นาโปลี ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ แม้ว่า 2 เกมหลังจะสะดุดไม่ชนะใคร แต่ยังมี 26 คะแนน ตามมาด้วย อตาลันต้า ที่มาแรงชนะ 6 เกมติดในลีก ขยับขึ้นมาอีก 25 คะแนน เท่ากับแชมป์เก่า “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน, “อินทรีฟ้า-ขาว” ลาซิโอและ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนติน่า ที่มี 25 คะแนนเท่ากัน
“ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่เอาชนะเกมตูริน ดาร์บี้เหนือ “กระทิงหิน” โตริโน่ 2-0 ปัจจุบันพวกเขารั้งอันดับ 6 ของตาราง มีอยู่ 24 คะแนน เรียกได้ว่าการลุ้นแชมป์ของฟุตบอลอิตาลี ยังคงมีความเข้มข้น ไม่มีทีมไหนที่ทำแต้มฉีกไปแบบโดดๆ
ส่วนทีมใหญ่ที่น่าเป็นห่วงคือ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซีมิลาน ที่ปัจจุบันคุมทัพโดย เปาโล ฟอนเซก้า มีแค่ 18 คะแนนจากการลงเล่นไป 11 เกม นัดล่าสุดบุกเสมอ“ชาวเกาะ” กาญารี่ 3-3
l ลีกเอิง ฝรั่งเศส
11 เกมผ่านไป สถานการณ์ลุ้นแชมป์ ปารีส-แซงต์แชร์กแมง ยังคงเป็นจ่าฝูงของตารางยังไม่แพ้ใครชนะ 9 เสมอ 2มี 29 คะแนน นำห่างอันดับ 2 อย่าง โมนาโกอยู่ 6 คะแนน ตามมาด้วยอันดับ 3 โอลิมปิก มาร์กเซย มีอยู่ 20 คะแนน
บรรดาทีมใหญ่อย่าง ลีลล์ และโอลิมปิก ลียง ยังคงเกาะอยู่ในกลุ่มบนของตาราง ที่น่าผิดหวังคือ แรนส์ ที่ปีนี้มาตรฐานดร็อปลงไปเยอะ 11 เกม ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 5 มีแค่ 11 คะแนน รั้งอันดับ 14 ของตาราง
ส่วนอันดับดาวซัลโวผู้นำคือ แบรดลีย์ บาร์โคล่า จากปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ซัดไปแล้ว 10 ประตู ตามด้วย เมสันกรีนวู้ด จากโอลิมปิก มาร์กเซย 8 ประตู และโจนาธาน เดวิด จากลีลล์ 7 ประตู ส่วน อี คัง-อิน แข้งเอเชียจากเกาหลีใต้ของทีมจ่าฝูงปีนี้เล่นเยอะฟอร์มดียิงไปแล้ว 6 ประตู
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี