การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมทช์เดย์ที่ 12 ประจำค่ำคืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน มีลงทำการแข่งขัน 7 คู่ หยิบเกมที่สนใจในเวลา
19.30 น. “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “สิงห์บลูส์” เชลซี

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ คูเปอร์ 11 เกม ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 5 มี 10 คะแนน เกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งานแนวรุกคนสำคัญอย่าง ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ที่ยืมมาจาก ไบรท์ตัน เพราะติดโทษแบน รวมไปถึง ริคาร์โด้ เปเรยร่า, จอร์แดน อายิว, แพตสัน ดาก้า ที่บาดเจ็บ ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ รอเช็คความฟิต นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-3-3 นำโดย แฮร์รี่ วิงค์ส, วีลฟรีด เอ็นดิดี้, บูบาการ์ ซูมาเร่, บิรัล เอล คานนูสส์ และสเตฟีย์ มาวิดิดี้

ทีมเยือน เชลซี ที่คุมทัพโดย เอ็นโซ่ มาเรสก้า ได้รับมาเยือนถิ่นเก่าหลังพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ผลงาน 11 เกมที่ผ่านมา ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 2 มี 19 คะแนนขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง เกมนี้ไม่มี รีซ เจมส์ กัปตันทีมที่บาดเจ็บ ส่วนเจดอน ซานโช่ หายเจ็บกลับมาซ้อมแล้ว ที่เหลือต้องรอทดสอบความฟิตผู้เล่นบางราย คาดว่ายังยึดระบบเดิม 4-2-3-1 มอยเซส ไคเซโด้ คุมแดนกลางร่วมกับ โรเมโอ ลาเวีย แนวรุกวาง โนนี่ มาดูเอเก้ประสานงานกับ โคล พัลเมอร์ และเปโดร เนโต้ โดยมี นิโคลัส แจ็คสัน ยืนเป็นหน้าเป้า

สถิติการเจอกัน เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ชนะ เชลซีมา 6 เกมติดในทุกรายการ หนสุดท้ายที่ชนะได้เกิดชึ้นในนัดชิงเอฟเอ คัพ เมื่อปี 2021 จากประตูชัยของ ยูรี ตีเลมานส์ ที่ยิงไกลสุดสวยคว้าแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์

สกอร์ที่คาด : เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 เชลซี

คู่ต่อมาเวลา 22.00 น. “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลจะเปิดถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือน“เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่มี 19 คะแนนเท่ากันโดย อาร์เซน่อล ไม่ชนะมา 3 เกมติดก่อนพักเบรกทีมชาติเกมล่าสุดเสมอกับ เชลซี 1-1 นัดนี้มิเกล อาร์เตต้า ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บให้ปวดหัวไม่มี เบน ไวท์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ส่วน คีแรน เทียร์นีย์ กลับมาซ้อมแล้ว นอกนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรได้ มาร์ตินโอเดการ์ด กลับมาบัญชาการเกมในแดนกลางร่วมกับ โธมัส ปาร์เตย์ และเดแคลน ไรซ์ โดยมีบูคาโย่ ซาก้า, ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียลมาร์ติเนลลี่ เป็นสามประสานในแนวรุก

ฝั่งผู้มาเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก่อนเบรกทีมชาติพลาดท่าพ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คารัง 1-3 เกมนี้ไม่มีสองมิดฟิลด์อย่าง ดานิโล่ และอิบราฮิม ซังกาเร่ ที่บาดเจ็บ และรอเช็คฟิต เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน นอกนั้นถือว่าอยู่กันครบ มาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย ไรอัน เยตส์, นิโคลัส โดมิงเกซ, แอนโธนี่ เอลังก้า,มอร์แกน กิ๊บบ์-ไวท์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และคริส วู้ด

สถิติการเจอกัน คู่นี้ไม่เคยเสมอกันมาแล้ว 13 เกมติด อาร์เซน่อล ชนะ 9 ฟอเรสต์ ชนะ 4 หนสุดท้ายเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1995-96 เจ๊ากัน 1-1 ฟอเรสต์ ไม่เคยชนะที่บ้านของ อาร์เซน่อล ยาวนานถึง 35 ปี หนสุดท้ายคือ ธันวาคม 1989 บุกถล่มถึง ไฮบิวรี่ 3-1 จากการทำประตูของ ไนเจล คลัฟ, ฟรานซ์ คาร์ และสจ๊วร์ต เพียร์ซ

สกอร์ที่คาด : อาร์เซน่อล 2-1 น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์

ปิดท้ายด้วยคู่ดึกวันเสาร์เวลา 00.30 น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เจ้าถิ่น แมนฯซิตี้ แพ้มา 4 เกมติด เป็นครั้งแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้รัวๆ แบบนี้ ล่าสุดบุกพ่าย ไบรท์ตัน 1-2 ถ้าเป็นคนอื่นน่าจะเก้าอี้ร้อน หรือถ้าเป็นบอลไทยอาจโดนไล่ออกไปแล้ว แต่ เป๊ป กลับได้สัญญาใหม่ต่อไปอีก 2 ปี เกมนี้ยังไม่มี โรดรี้, ออสการ์ บ็อบบ์ และรูเบนดิอาส ส่วน จอห์น สโตนส์, เฌเรมี่ โดกู, มานูเอล อคานจี, นาธาน อาเก้, ฟิล โฟเด้น และแจ็ค กรีลิช รอเช็คความฟิต คาดว่ายังยึดระบบเดิม 4-1-4-1 วาง มาเตโอ โควาซิซ คุมแดนกลางหน้าแผงเกมรับ ปล่อยให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา,อิลคาย กุนโดกาน, เควิน เดอ บรอยน์ และซาวินโญ่ ขึ้นไปเล่นเกมรุกป้อนบอลให้กับหน้าเป้า เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์

ฝั่งผู้มาเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พลาดท่าพ่ายคารังให้กับ อิปสวิช ทาวน์ ก่อนพักเบรกทีมชาติ ทีมของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ไม่มี โรดริโก้
เบนตานคูร์ ที่ติดโทษแบน 7 เกม จากการพูดเหยียด ซน ฮึง-มิน แบบไม่ตั้งใจ ยื่นอุทธรณ์โทษแล้ว รวมไปถึง มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, ริชาร์ลิซอน และวิลสัน โอโดแบร์ ที่บาดเจ็บ ส่วนตีโม แวร์เนอร์และคริสเตียน โรเมโร่ รอเช็คความฟิต ที่เหลือลงเล่นได้หมด นำโดย เดยัน คูลูเซฟสกี้, อิฟส์บิสซูม่า, ป๊าป มาตาร์ ซาร์, แบรนแนน จอห์นสัน, โดมินิค โซลันกี้ และซน ฮึง-มิน

สกอร์ที่คาด : แมนฯซิตี้ 2-1 ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์