ชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่มีเหนือ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ฉีกกระดาษนำห่าง 8 แต้ม หลังจากผ่านไป 12 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามเซนต์ แมรีส์ ในแดนใต้ ของสหราชอาณาจักร
แต่อย่างที่ทราบกันตั้งแต่ต้นเกมแล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามเจอทีมระดับล่างที่หนีตาย มันไม่เคยง่ายเลย
ยิ่งมาจากช่วยฟีฟ่าเดย์ก็ยิ่งแล้วใหญ่
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือหงส์แดง ยังคงจัดทัพเข้าสูตร2แข้งละตินพักหลังฟีฟ่าเดย์
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ หลุยส์ ดิอาซ ต้องพักไปก่อน
ไลน์อัพแรกออกมาตามโฉนดที่คัดไว้ นั่นคือ เคลเลเฮอร์, แบรดลีย์, โคนาเต้, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, กราเวนแบร์ช, โจนส์, โซโบสไล, ซาลาห์, กักโป, นูนเญซ
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กองกลาง ลิเวอร์พูล หายจากการบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก พักไปนานถึง 74 วัน รวม 15 เกม มีชื่อกลับมาเป็นตัวสำรอง
เจ้าบ้านเหมือนจัดไลน์โฟร์ แต่เล่นจริง ฟิน ดาวส์ ลงไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่ 3 ร่วมกับ ฮาร์วู้ด เบลลิส และ สตีเฟ่นส์
**************************
ประตูออกนำ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล จาก โดมินิค โซโบสไล ถือเป็นการทำประตูแรกในฟุตบอลลีก ตั้งแต่ยิง เชลซี เมื่อ 31 มกราคม 2024!!!!!!
ปีนี้เป็นประตูที่ 2 โดยประตูแรกนั้นทำได้เกมเจอกับเอซีมิลานในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบลีกเฟส นัดแรก 17 กันยายน 2024
เซาธ์แฮมป์ตัน เล่นอย่างมุ่งมัน และมีระเบียบวินัยมาก ทั้งเวลาครองบอลและเกมรับ
5-4-1 เต็มข้อเน้นยืนแน่น ๆ ตรงกลาง พร้อมกับบีบให้ ลิเวอร์พูล เล่นยาก ทำได้คือการผ่านบอลขวางไปมา
กระทั่งแนวรับของเซาธ์แฮมป์ตัน พลาดท่านหงายเก๋ง กับการต่อบอลจากแนวลึกตามสมัยนิยม
เป็นการเสียประตูที่เลอะเทอะมาก
จากนั้นที่มาของสกอร์ 1-1 ไทเลอร์ ดิบลิง เรียกจุดโทษในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 2 ลูก
“ไอ้แขนแข็งแรง” อลัน อาร์มสตรอง ยิงติดเซฟ ควีวีน เคลเลเฮอร์ แต่ยังจมูกไวซ้ำเข้า
ส่วนลูกโทษโลกนี้เกิดขึ้นจากจังหวะพลาดก่อนของ ฟาน ไดจ์ค จากนั้น ร็อบโบ้ ก็เข้าโฉ่งฉ่างไปหน่อย
ฟาวล์บนเส้นแล้วเสียจุดโทษ
ว่ากันซื่อ ๆ เซาธ์แฮมป์ตัน เองป็นทีมที่มีความผิดพลาดจนทำให้คู่แข่งเสียประตูมากกว่าทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ถึง 7 ลูก(พอจบเกมนี้ยอดทะลุไป 9 หน)
ขณะเดียวกันในเกมรับ ลิเวอร์พูลเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก เสียเปรียบหรือเสียพื้นที่ในการเข้าปะทะทุกครั้ง
ส่วนจะเป็นลูกโทษหรือไม่นั้น อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่ตามกฎก็คือ เท้าของร็อบโบ้ อยู่บนเส้น ก็ต้องยอมว่าฟาวล์จริง จุดโทษจริง
ด้วยประสบการณ์ควรจะตัดสินใจทำได้ดีกว่านี้สำหรับร็อบโบ้
ทีนี้ครึ่งหลัง “นักบุญ”ปรับตำแหน่งน่าสนใจ เพราะให้ปีกขวาในครึ่งแรก มาเป็นวิงแบ๊กฝั่งซ้ายเฉย
แต่ ลิเวอร์พูล บุกอยู่ดี ๆ โดนสวนหายเลย กองหลังหนุนไปหมด
เคอร์ติส โจนส์ ไม่ตามลงมาเพรส ต่อด้วย แบร๊ดลี่ย์ กับ โกนาเต้ เสียเหลี่ยมเสียประตู
เซาธ์แฮมป์ตัน พลิกนำ 2-1 จากสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกของ เฟอร์นานเดซ
แต่ ลิเวอร์พูล สามารถพลิกกลับมาได้ประตูตีเสมอ และแซงไปคว้าชัยจากขวัญใจคนเดิม
ประตู 2-2 ไรอัน กราเฟนแบร์ช เปิดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งทะลุไปแล้ว นายประตู แม็คคาธีย์ ดันออกมาผิดเหลี่ยมหลงทาง เลยโดน ซาลาห์ จิ้มทีเดียวหาย
เป็นประตูที่ 99 ในการเล่นเกมเยือนของ ซาลาห์ ในชุดลิเวอร์พูล
ก่อนที่ประตูตัดสินเกมจะเกิดขึ้น จากจุดโทษ นาทีที่ 83 ยูกินาริ ซูกาวาระ ลงสำรองมาเสียแฮนด์บอล ด้วยการกางแขนชัดเจน
“คิง ออฟ ไอยคุปต์” สังหารไม่พลาด เป็นประตูที่ 100 ในการเล่นเกมเยือนของ ซาลาห์!!!!!!
ทะยานขึ้นเป็นอันดับ 3 ของสโมสรตลอดกาลต่อจากสองตำนาน คือ เอียน รัช 161 ประตู และ โรเจอร์ ฮันท์ 112 ประตู
เป็นสกอร์ที่ 10 ของ โม ในซีซั่นนี้ ทำให้ทีมคว้าชัย
สำคัญคือ 3 แต้ม ต่อให้ไม่สวยใสไร้สิว ถามว่าเอามั๊ย
คำตอบคือ “ก็เอานะ”
3 แต้มสำคัญนะครับ(โว้ย)
**************************
เสริมประเด็นของคู่นี้ที่จับต้องได้ชัดเจน 3 ข้อครับ........
ประเด็นแรก เรื่องคีย์แมน
วิธีการเล่นเปลี่ยนแปลงเมื่อไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
แบ๊กซ้ายแบ๊กขวา ต้องเร่งเครื่องขึ้นมาด้วยตัวเอง เนื่องจากการเล่นแบบดีเลย์ แล้วรอออกบอลจากแนวลึก ยาว ๆ แม่น ๆ อย่าง เทรนท์
มันไม่มีให้เห็น
นี่คือความสำคัญของ เทรนท์ ในการเล่นจากรับสู่รุก ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหน เขาสามารถเปิดบอลให้ได้เปรียบได้ในทันที
เซาธ์แฮมป์ตัน ก็เช่นกัน การไม่มีนายประตูมือ 1 และ 2 เกิดให้เห็นปัญหาเหมือนกัน แม้ว่า แม็คคาธีย์ จะมีช็อตสต็อปเปอร์ แต่การตัดสินใจเล่นด้วยเท้าคือมีปัญหาตลอดเวย์
**************************
ประเด็นสอง การเปลี่ยนตัว
การเปลี่ยนตัว 2 ครั้งแรกของ เซาธ์แฮมป์ตัน ถือว่าเปลี่ยนโฉมหน้าและวิธีการไปพอสมควรเลยทีเดียว
“นายเคี้ยง” อดัม ลัลลาน่า เจ็บออกไป กลายเป็นผลร้ายกับลิเวอร์พูลไปเลย
เพราะว่าบอลสวนกลับของเซาแฮมป์ตันเร็วขึ้นและไม่ต้องมีลูกเกรงใจว่าต้องจ่ายให้กับ ลัลลาน่า ไปก่อน
ขณะที่ ปอล โอนูอาชู ที่ไม่ได้สตาร์ทมานานมาก มาเจ็บออกไป ทำให้ทีมปรับวิธีการใหม่อีกทีเป็น 5-4-1 เต็มตัว
ฟากฝั่ง ชล็อต เปลี่ยนตัวยกแรก นาทีที่ 60 แต่ไม่เปลี่ยนตำแหน่ง ดิอาซ แทน กัคโป และแม็ค อัลลิสเตอร์ แทน โจนส์
**************************
ประเด็นสุดท้าย
อาร์เน่อ ชล็อต ได้หมุนเวียนทีมของเขาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่แชมเปี้ยนส์ลีกเริ่มต้นขึ้น
การจัดการทีม นับเป็นเรื่องที่กลายเป็นทีมที่คาดเดาได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยจำนวนแมทช์ที่มากขึ้นต่อเนื่อง และหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
บวกกำลังพลที่ร่อยหรอ และยังต้องรออีก 4-5 คน กลับมาเสริมทัพทั้ง เบ๊คเกอร์, เทรนท์, โชต้า หรือว่า เคียซ่า
แต่นั่นยังส่งคำเตือนเรื่องสัญญาณไปยัง FSG เจ้าของทีมอีกด้วยว่า อย่าลืมฉัน
ไปดูรายชื่อสำรองก็ได้.....ยารอส, เดวีส์, โกเมซ, ควอนซาห์, แม็ค อัลลิสเตอร์, เอนโดะ, เอลเลียตต์, มอร์ตัน, ดิอาซ
เดี๋ยวจะหาว่า ใจร้ายหรือแอนตี้เจ้าของทีม
#บีแหลมสิงห์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี