รูเบน อโมริม ที่เพิ่งคุมทีมชนะนัดแรกในการคุมทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะนำทัพลงเล่นในบ้านในบอลลีกครั้งแรก เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 20.30 น.

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมทช์เดย์ที่ 13 ประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2024 ลงฟาดแข้ง 4 คู่ถึงว่าน่าสนใจทั้งหมด โดยเฉพาะเกมที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง จะเล่นในแอนฟิลด์ ดวลกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า 4 สมัยซ้อน เวลา 23.00 น. ขณะที่อีก 3 คู่จะแข่งในเวลา 20.30 น. ซึ่งโปรแกรมวีคนี้แต่ละคู่นั้นร่นเวลาจากเดิมมา 30 นาที โดยปรีวิวทั้งหมดมีดังนี้

l แมนฯยูไนเต็ด VS เอฟเวอร์ตัน

เวลา 20.30 น. ไปกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะดวลกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”เอฟเวอร์ตัน

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น แมนฯยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม เพิ่งประเดิมชัยชนะเกมแรกในการเข้ามาคุมทีมในศึกยูโรป้า ลีก ด้วยการเปิดบ้านเฉือนโบโด กลิมท์ จากนอร์เวย์ 3-2 เกมนี้ยังไม่มีสองแนวรับอย่าง เลนี่ โยโร่ และวิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ส่วน แฮร์รี่แม็คไกวร์ รอทดสอบความฟิต ปรับทีมมาเล่นในระบบหลังสาม 3-4-2-1 โดยแดนกลางวาง คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ คริสเตียน เอริคเซ่น โดยมี อาหมัด ดิยัลโล่ และดีโอโก้ ดาโลท์ เป็นวิงแบ๊กสองฝั่ง สามประสานในเกมรุกใช้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส,อเลฮานโดร การ์นาโช่ และมาร์คัส แรชฟอร์ด

ฝั่งทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน รั้งอันดับ 15 ของตาราง ชนะ 5 เสมอ 5 แพ้ 5 มี 11 คะแนน 8 เกมหลังสุดแพ้ไปแค่นัดเดียว แต่หนักไปทางเสมอ ทีมของ ฌอน ไดซ์ ไม่มี ทิม อีโรบูนัม, เจมส์ การ์เนอร์, ยุสเซฟ เชอร์มิตี้, เซมุส โคลแมน และอาร์มานโด้โบรย่า ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบจัดทีมในระบบ 4-2-3-1วาง อับดูลาย ดูดูเร่ และอิดริสซ่า กาน่า เกย์ เป็นตัวตัดเกม แนวรุกฝากความหวังไว้ที่ เยสเปอร์ ลินด์สตรอม, ดไวท์แม็คนีล, อิมาน เอ็นดิอาย และโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น

สถิติการเจอกัน 5 เกมหลังสุด แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าแบบชัดเจนเก็บเรียบชนะทุกนัด โดยเสียประตูให้ เอฟเวอร์ตันแค่ 2 ลูก

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1) : อองเดร์ โอนาน่า, นูสแซร์ มาซราวี, มัตไธจ์ส เดอ ลิกต์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, อาหมัด ดิยัลโล่,คาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น, ดีโอโก้ ดาโลท์, บรูโน่เฟอร์นานเดส, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และมาร์คัส แรชฟอร์ด

เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด,แอชลีย์ ยัง, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, จาร์ราด แบรนธ์เวต, วิตาลี่ มิโคเลนโก้, อับดูลาย ดูคูเร่, อิดริสซ่า กาน่า เกย์, เยสเปอร์ ลินด์สตรอม, ดไวท์ แม็คนีล, อิมาน เอ็นดิอาย และโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น

สกอร์ที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 เอฟเวอร์ตัน

l ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ VS ฟูแล่ม

เวลา 20.30 น. เป็นเกมลอนดอน ดาร์บี้ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “เจ้าสัวน้อย”ฟูแล่ม

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เขื่อนแตกโดน “หมาป่าแห่งกรุงโรม” อาแอส โรม่า ตามตีเสมอในช่วงทดเจ็บ 2-2 ในศึกยูโรป้า ลีก แต่ผลงานโดยรวมในลีกถือว่ายอดเยี่ยมเพิ่งบุกถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 เกมนี้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ยังคงเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานไม่มีมิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, วิลสัน โอโดแบร์, ริชาร์ลิซอน, มิคกี้ มัวร์ และผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง กูเยลโม่ วิคาริโอ้ ส่วนโรดริโก้ เบนตานคูร์ ยังติดโทษแบน คาดว่า คริสเตียน โรเมโร่จะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งคุมแนวรับ ส่วนแดนกลางใช้ป๊าป ซาร์, อิฟส์ บิสซูม่า และเจมส์ แมดดิสัน คุมจังหวะเกม โดยมี เดยัน คูลูเซฟสกี้ ประสานงานเกมรุกร่วมกับ โดมินิค โซลันกี้ และซน ฮึง-มิน

ทีมเยือน ฟูแล่ม ภายใต้การคุมทีมของ มาร์โก ซิลวา รั้งอันดับ 9 ของตาราง 12 เกม ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 4 มีอยู่ 18 คะแนน ล่าสุดพ่ายคารังให้กับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-4 เกมนี้ไม่มี แฮร์ริสัน รี๊ด มิดฟิลด์จอมขยันที่บาดเจ็บ ส่วน โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น และซานเดอร์ เบิร์ก รอทดสอบความฟิตนอกนั้นอยู่กันครบมาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย อันเดรียส เปเรยร่า, ซาช่า ลูคิช, อเล็กซ์ อีโวบี้, เอมิล สมิธ โรว์, รีสส์ เนลสัน และiราอูล ฆิมิเนซ

สถิติการเจอกัน 5 เกมหลังสุด สเปอร์ส ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยชนะ 2 เสมอ 2 และฟูแล่ม ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (4-3-3) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์,เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, ราดู ดรากูซิน, เดสตินี่อูโดจี้, ป๊าป มาตาร์ ซาร์, อิฟส์ บิสซูม่า, เจมส์ แมดดิสัน,เดยัน คูลูเซฟสกี้, โดมินิค โซลันกี้ และซน ฮึง-มิน

ฟูแล่ม (4-2-3-1) : แบรนด์ เลโน่, เคนนี่ เตเต้, อิสซ่าดิย็อป, คาลวิน บาสซีย์, แอนโทนี่ โรบินสัน, อันเดรียสเปเรยร่า, ซาช่า ลูคิช, อเล็กซ์ อีโวบี้, เอมิล สมิธ โรว์, รีสส์ เนลสัน และiราอูล ฆิมิเนซ

สกอร์ที่คาด : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3-1 ฟูแล่ม

l เชลซี VS แอสตัน วิลล่า

อีกคู่ในเวลา 20.30 น. “สิงห์บลูส์” เชลซี ยอดทีมแห่งมหานครลอนดอน จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น เชลซี รั้งอันดับ 3 ของตาราง 5 เกมหลังถือว่าฟอร์มดีชนะ 3 เสมอ 2 ล่าสุดโรเตชั่นทีมบุกไปต้อน ไฮเดนไฮม์ 2-0 ในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เกมนี้ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน รีซ เจมส์ ฟูลแบ๊กกัปตันทีมที่บาดเจ็บ ส่วน มาโล่ กุสโต้ และเปโดรเนโต้ ต้องรอทดสอบความฟิต ที่เหลืออยู่ครับ คาดว่าบรรดาแกนหลักที่ได้พักจะกลับมาเป็นตัวจริงทั้งหมด เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซเบียดตัวจริงจาก โรเมโอ ลาเวีย ลงคุมแดนกลางร่วมกับมอยเซส ไคเซโด้ แนวรุกใช้ชุดเดิมจากเกมที่ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นำโดย โนนี่ มาดูเอเก้, โคล พัลเมอร์, ชูเอา เฟลิกซ์ และนิโคลัส แจ็คสัน

อาร์เน่อ สล็อต(ซ้าย) กุนซือลิเวอร์พูล จ่าฝูงทั้งพรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ฟอร์มกำลังเปรี้ยงปร้าง จะประลองกึ๋นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า บอสใหญ่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมบิ๊กแมทช์ บอลอังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ คืนวันอาทิตย์นี้ เวลา 23.00 น.

ทีมเยือน แอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ อยู่ในช่วงที่ผลงานไม่ดีนักไร้ชัยมา 7 เกมติดในทุกรายการ จนตอนนี้หล่นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง สภาพทีมยังไม่มี เจค็อบ แรมซีย์ ที่บาดเจ็บ ส่วน อมาดู โอนาน่า ต้องรอเช็คความฟิต คาดว่า บูบาการ์ กามาร่า น่าจะได้ลงเล่นแทนคุมแดนกลางร่วมกับ ยูรี ตีเลมานส์ โดยมี เลออน ไบลีย์ และจอห์น แม็คกินน์ ขึ้นเกมริมเส้นสองฝั่งคอยสอดประสานกับ มอร์แกน โรเจอร์ส และโอลลี่ วัตกิ้นส์

สถิติการเจอกัน 5 เกมหลังสุด แอสตัน วิลล่า ทำได้ดีกว่า ชนะ 2 เสมอ 2 และเชลซี ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ, มาโล่ กุสโต้, เวสลีย์ โฟฟาน่า,เลวาย์ โคลวิลล์, มาร์ค คูคูเรลญ่า, มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โนนี่ มาดูเอเก้, โคล พัลเมอร์, ชูเอา เฟลิกซ์ และนิโคลัส แจ็คสัน

แอสตัน วิลล่า (4-4-1-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, เอซรี่ คอนซ่า, ดีเอโก้ คาร์ลอส, เปา ตอร์เรส, ลูก้าส์ ดีญ, เลออน ไบลีย์, บูบาการ์ กามาร่า, ยูริ ตีเลมานส์, จอห์น
แม็คกินน์, มอร์แกน โรเจอร์ส และโอลลี่ วัตกิ้นส์

สกอร์ที่คาด : เชลซี 2-1 แอสตัน วิลล่า

l ลิเวอร์พูล VS แมนฯซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)

คู่ดึกสุดของคืนวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นคู่เอกประจำสัปดาห์ที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ลงเล่นในเวลา 23.00 น. จ่าฝูง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยทำไปทำมานักบอลของลิเวอร์พูล กลับมีอาการบาดเจ็บมากกว่าไปแล้ว

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชอย่าง อาร์เน่อ สล็อต 19 เกมในทุกรายการชนะได้ถึง 17 เสมอ 1 แพ้ 1 ล่าสุดเพิ่งล้างอาถรรพ์เอาชนะ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ด้วยสกอร์ 2-0 แต่ต้องแลกกับอาการบาดเจ็บของ 2 กองหลัง คอนอร์ แบร๊ดลีย์ และอิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่เจ็บต้องพลากเกมนี้ไป ทำให้ ลิเวอร์พูล มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็น 7 คน ประกอบด้วย อลิสซอน เบ๊คเกอร์, ดีโอโก้ โชต้า, คอนสแตนตินอส ซิมิกาส, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และเฟเดริโก เคียซ่า โดย เทรนท์ กับ อลิสซอน รอทดสอบความฟิตคาดว่า เทรนท์ จะเล่นแบ๊กขวาได้ ส่วนเซ็นเตอร์แบ๊กนั้นโจ โกเมซ จะเบียดกับ จาเรลล์ ควอนซาห์ ลงยืนคู่กับเฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ปราการเหล็กกัปตันทีม

ขณะที่แดนกลาง ไรอัน กราเฟนแบร์ช คุมแดนกลางร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โดยอีกหนึ่งตำแหน่งนั้นจะเป็น โดมินิค โซโบสไล เบียดกับ เคอร์ติส โจนส์ส่วนแนวรุก โมฮาเหม็ดซาลาห์ กับ หลุยส์ ดิอาซจะได้สตาร์ท ส่วนอีกตำแหน่งนั้น น่าสนใจว่า สล็อต จะเลือก โคดี้ กัคโปหรือ ดาร์วิน นูนเญซ ลงประสานงานเกมรุก

ฝั่งผู้มาเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพกุนซือไม่ชนะใครมา 6 เกมติด แพ้ไป 5 เสมอ 1 เกมล่าสุดกลายเป็นประเด็นเมื่อพวกเขานำคู่แข่งอย่าง เฟเยนอร์ด 3-0 แต่กลับโดนตีเสมอ 3-3 ทำให้เทรนเนอร์ชาวสแปนิชระบายอารมณ์ด้วยการทำร้ายตัวเอง ด้วยการข่วนไปที่จมูกและศีรษะจนเกินรอยแผล

เกมนี้ถือว่ากดดันอย่างมาก หากแพ้อีกช่องว่างในการลุ้นแชมป์จะห่างเป็น 11 คะแนน สภาพทีมยังหมดสิทธิ์ใช้งาน 2 นักเตะตัวจริงอย่าง โรดรี้ กองกลางระดับบัลลงดอร์ กับ จอห์น สโตนส์ ปราการหลังจอมบุก ส่วนอีก 2 คนที่ลงไม่ได้คือออสการ์ บ็อบบ์ และมาเตโอ โควาซิซ ที่บาดเจ็บ แต่พวกเขาได้รับข่าวดีที่ รูเบน ดิอาส ปราการหลังตัวหลักชาวโปรตุเกส กลับมาคุมแนวรับ ส่วน เฌเรมี่ โดกู รอทดสอบความฟิต คาดว่าริโก้ ลูอิส กับ มาเตอุส นูเนส ต้องแย่งตำแหน่งกันเพื่อยืนกลางร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน คอยออกบอล โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์ และแจ็ค กรีลิช ทำเกมรุกป้อนบอลให้กับหน้าเป้าอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์

สถิติการเจอกัน 5 เกมหลังสุด แมนฯ ซิตี้ ดูดีกว่าชนะ 2 เสมอ 2 และลิเวอร์พูล ชนะ 1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ควีวีน เคลเลเฮอร์, เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, อเล็กซิสแม็คอัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบสไล, หลุยส์ดิอาซ และดาร์วิน นูนเญซ

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์,มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, ริโก้ ลูอิส, อิลคาย กุนโดกาน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช และเออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์

สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯซิตี้