ไปไม่เป็น : ซน ฮึง-มิน ดาวเตะกัปตันทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดน อองตวน เซเมโย่ แนวรับ บอร์นมัธเข้าสกัด ก่อนที่ทัพ “ไก่เดือยทอง” จะพ่ายไป 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดี
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมทช์เดย์ที่ 15 ประจำค่ำคืนวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2567 ประเดิมด้วยเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งที่ 245 ลงเล่นในเวลา 19.30 น. “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”เอฟเวอร์ตัน จะเปิดถิ่นกูดิสัน พาร์ค รับการมาเยือนคู่ปรับร่วมเมืองอย่างจ่าฝูง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ ฌอน ไดซ์ กำลังฮึกเหิมหลังเปิดบ้านถล่ม “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ขาดลอย 4-0 เมื่อกลางสัปดาห์ เป็นการชนะหนแรกรอบ 6 นัดในลีก ยังไม่มี ทิม อิโรคบูนัม และเจมส์ การ์เนอร์สองแดนกลางที่บาดเจ็บ ส่วนกองหน้าสำรองอย่าง ยุสเซฟ เชอร์มิตี้ ต้องรอทดสอบความฟิต นอกนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลมาในระบบ 4-4-1-1 นำโดย อิลิมาน เอ็นดิอาย, อิดริสซ่า กาน่า เกรย์,โอเรล ม็องกาล่า, ดไวท์ แม็คนีล, อับดูลาย ดูคูเร่และโดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น
ฝั่งผู้มาเยือนจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เพิ่งสะดุดเมื่อกลางสัปดาห์บุกไปเสมอกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด แบบสุดมันส์ 3-3 ทำให้ช่องว่างในการลุ้นแชมป์ขยับเหลือ 7 คะแนน จะไม่มี อเล็กซิสแม็คอัลลิสเตอร์ ที่ติดแบน พร้อมกับ 3 กองหลังคอนสแตนตินอส ซิมิกาส, อิบราฮิม โกนาเต้ และคอนอร์ แบร๊ดลีย์ ที่ลงไม่ได้แน่นอน ขณะที่ ดีโอโก้โชต้า ทดสอบความฟิต และอลิสซอน เบ๊คเกอร์ ถ้าฟิตทันจะลงเฝ้าเสาทันทีแทนที่ของ ควีวีนเคลเลเฮอร์ ขณะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์จะได้กลับมาสตาร์ทตัวจริง แดนกลางต้องใช้ ไรอันกราเฟนแบร์ช คุมจังหวะเกมร่วมกับ เคอร์ติส โจนส์ และโดมินิค โซโบสไล โดยมี โมฮาเหม็ดซาลาห์ กับหลุยส์ ดิอาซ ประสานงานเกมรุก และมีความเป็นไปได้ที่ โคดี้ กัคโป จะสตาร์ทหลังจากดาร์วิน นูเญซ เพิ่งเล่นเต็มแมทช์และถูกวิจารณ์หนักเรื่องการพังประตู
สถิติการเจอกัน 244 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 99เสมอ 77 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 68 โดย 5 เกมหลังสุดลิเวอร์พูล เหนือกว่า ชนะได้ 3 เสมอ 1 และเอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 หนสุดท้ายที่ทีม “หงส์แดง”บุกชนะถึงกูดิสัน พาร์ค ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่1 ธันวาคม 2021 เกมนั้นบุกถล่ม 4-1 จากการทำสองประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และนับเป็นการเจอกันที่กูดิสัน พาร์ค ครั้งสุดท้าย ก่อนที่เอฟเวอร์ตัน จะย้ายสนามไปที่แบรมลี่ย์ มัวร์
สกอร์ที่คาด : เอฟเวอร์ตัน 1-3 ลิเวอร์พูล
คู่ต่อมาในเวลา 22.00 น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า จะยกพลบุกไปเยือน“ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะตื่นจากฝันร้ายหยุดสถิติไม่ชนะใครในทุกรายการติดต่อกันเอาไว้ที่ 7 เกม หลังเปิดบ้านถล่ม “เจ้าป่า”น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่ายังไม่มี โรดรี้, ออสการ์ บ็อบบ์ และมาเตโอ โควาซิซรวมไปถึง มานูเอล อคานจี และนาธาน อาเก้ก็มาเดี้ยงเพิ่ม ส่วน จอห์น สโตนส์ และ ฟิล โฟเด้นต้องทดสอบความฟิต ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะขยับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ไปยืนเซ็นเตอร์ แดนกลางปล่อยให้ อิลคาย กุนโดกาน เป็นตัวคุมจังหวะเกมโดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา คอยขยับเข้ามาช่วยสอดประสานงานกับบรรดาแนวรุกอย่าง เควิน เดอบรอยน์, แจ็ค กรีลิช, เฌเรมี่ โดกู และเออร์ลิ่ง เบราท์ฮาลันด์
ขณะที่เจ้าถิ่น คริสตัล พาเลซ ของ โอลิเวอร์กลาสเนอร์ เพิ่งปลดล็อกเอาชนะนอกบ้านเป็นเกมแรกในลีกฤดูกาลนี้ หลังบุกไปเฉือน “ม้าขาว”อิปสวิช ทาวน์ 1-0 ปัจจุบันรั้งอันดับ 17 ของตารางมี 12 คะแนน จากการชนะ 2 เสมอ 6 แพ้ 6 เกมนี้ยังไม่มี มาเตอุส ฟรานซ่า, ชาดี้ ริอาด รวมไปถึงมิดฟิลด์ห้องเครื่องอย่าง อดัม วาร์ตัน ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบ จัดทัพในระบบ 3-4-2-1 นำโดย ดาเนี่ยล มูนญอซ, วิลล์ ฮิวจ์ส,
เจฟเฟอร์สัน เลอมาร์, ทาริค มิทเชลล์, อิสไมล่า ซาร์, เอเบเรซี่ เอเซ่ และฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า
สกอร์ที่คาด : คริสตัล พาเลซ 1-2 แมนฯซิตี้
ปิดท้ายด้วยคู่ดึกสุดลงเล่นในเวลา 00.30 น.“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเฝ้ารังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือน “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
“ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทีมของ รูเบนอโมริม เพิ่งลิ้มรสความปราชัยเกมแรกในการเข้ามาทำงานที่เกาะอังกฤษ หลังบุกไปพ่าย “ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล 0-2 มื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้ไม่มี ลุค ชอว์ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้ออีกแล้ว รวมไปถึง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ส่วน จอนนี่ อีแวนส์ รอทดสอบความฟิต ข่าวดีคือการได้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ พ้นแบน กลับมาคุมแนวรับ ที่เหลือไม่น่ามีปัญหาอะไร มาในระบบ 3-4-2-1 วาง คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ ค็อบบี้ เมนู ที่พ้นแบนเหมือนกัน โดยมี อาหมัด ดิยัลโล่ และดีโอโก้ดาโลท์ ขึ้นเกมริมเส้นสองฝั่งประสานงานกับสามแนวรุกอย่าง บรูโน่ เฟอร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และโยชัว เซิร์กซี
ฝั่งผู้มาเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เคยขึ้นไปอยู่ที่ 3 ตอนนี้เริ่มฟอร์มฟุบแพ้ 3 จาก 4 เกมหลังสุด เพิ่งบุกมาพ่าย “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 มี 22 คะแนนรั้งอันดับ 7ของตาราง ทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ยังไม่มีสองผู้เล่นหน้าเดิมที่บาดเจ็บอย่าง ดานิโล่และอิบราฮิม ซังกาเร่ ที่เหลือตามรายงานไม่มีใครเดี้ยงเพิ่ม แต่น่าจะมีการปรับทัพบางตำแหน่งเอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน จะได้ลงตัวจริง ประสานงานกับ ไรอัน เยตส์ ในแดนกลาง
สกอร์ที่คาด : แมนฯยูไนเต็ด 3-1 น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี